แปลกแต่เป็นไปได้ : ทำไม ซานมารีโน ขอชนะอีก 2 นัดอาจได้ไปบอลโลก?

ถ้าพูดถึงทีมชาติซานมารีโน หลายคนคงจดจำภาพว่าพวกเขาคือทีมจอมแจกแต้มของยุโรป ปัจจุบันพวกเขาคือชาติที่รั้งอันดับสุดท้ายของโลกบนแรงกิ้งฟีฟ่า (อันดับ 210) แต่เชื่อหรือไม่ว่าตอนนี้ พวกเขาอาจต้องการชัยชนะในเกมสำคัญอีกแค่ 2 นัดเท่านั้น ก็อาจจะเพียงพอให้ได้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2026 ที่แคนาดา, เม็กซิโก และ สหรัฐอเมริกา จะเป็นเจ้าภาพแล้ว

ทำไมเรื่องที่ไม่น่าเชื่อนี้ถึงมีโอกาสเกิดขึ้นได้จริง เรามีคำอธิบาย…

คว้าแชมป์กลุ่ม เนชั่นส์ ลีก

ซานมารีโนเพิ่งสร้างความฮือฮาด้วยการเลื่อนชั้นขึ้นจากลีก D ซึ่งเป็นดิวิชั่นต่ำสุดของศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ขึ้นสู่ลีก C ได้สำเร็จ จากการที่คว้าแชมป์กลุ่ม 1 ของลีก D ฤดูกาล 2024-25 ด้วยการมี 7 แต้มจาก 4 นัด ที่ทำผลงานชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 1 ในกลุ่มที่มียิบรอลตาร์ และ ลิกเตนสไตน์ ร่วมสาย

ชัยชนะทั้ง 2 นัดของซานมารีโนในรายการดังกล่าว คือการเอาชนะลิกเตนสไตน์ได้แบบไปและกลับ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเป็นเวลานานถึง 20 ปีที่พวกเขาเอาชนะชาติไหนไม่ได้เลย ไม่ว่าจะลงแข่งรายการใดก็ตาม

เนชั่นส์ ลีก คือหนทางสำรองที่ดี ที่จะได้ลุ้นไปบอลโลก

สำหรับศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้ายในอีก 2 ปีข้างหน้า จะมีทีมในรอบสุดท้ายมากถึง 64 ชาติ โดยทวีปยุโรปจะมีโควตาทั้งหมด 16 ชาติ ถือว่าเพิ่มขึ้นจากศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่มีทั้งหมด 13 ชาติเข้ารอบสุดท้ายที่กาตาร์

รูปแบบรอบคัดเลือกของโซนยุโรปในศึกคัดบอลโลกหนนี้ ในรอบแรกจะมีการแบ่งออกเป็น 12 กลุ่ม กลุ่มละ 5-6 ทีม ซึ่งแชมป์ของแต่ละกลุ่มรวมเป็น 12 ชาติจะได้โควตาเข้ารอบสุดท้ายก่อนเลยโดยอัตโนมัติ

แต่โควตาอีก 4 ชาติที่เหลือ จะมาจากการเพลย์ออฟ ซึ่งทีมที่จะได้สิทธิ์เข้ารอบเพลย์ออฟ จะมีทั้งหมด 16 ชาติ แบ่งออกเป็น 4 สาย สายละ 4 ชาติ คัดเอาผู้ชนะของแต่ละสายเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกต่อไป

12 ชาติแรกที่จะได้เพลย์ออฟลุ้นคว้าตั๋วเข้ารอบฟุตบอลโลก ก็คือทีมที่จบศึกคัดบอลโลก 2026 โซนยุโรป ในฐานะรองแชมป์กลุ่ม ส่วนอีก 4 ชาติจะเป็นทีมที่มีผลงานดีที่สุดในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ฤดูกาล 2024-25 แต่ไม่ติด 2 อันดับแรกของกลุ่มในศึกคัดบอลโลก 2026 รอบแรก

เกณฑ์การจัดอันดับว่าทีมใดมีผลงานดีที่สุดในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม จะถือว่าทีมที่จบด้วยตำแหน่งแชมป์กลุ่มในแต่ละลีกมีอันดับที่ดีกว่า แชมป์กลุ่มจากลีกดิวิชั่นสูงกว่าจะถือว่ามีอันดับดีกว่า โดย 4 อันดับแรกกได้แก่ สเปน, เยอรมนี, โปรตุเกส และ ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นแชมป์กลุ่มของลีก A, อันดับ 5-8 คือทีมแชมป์จากลีก B ประกอบด้วย อังกฤษ, นอร์เวย์, เวลส์ และ สาธารณรัฐเช็ก, อันดับ 9-12 คือแชมป์จากลีก C ประกอบด้วย โรมาเนีย, สวีเดน, นอร์ทมาซิโดเนีย และ ไอร์แลนด์เหนือ ส่วนอันดับ 13-14 ก็คือแชมป์จากทั้ง 2 กลุ่มในลีก D ได้แก่ มอลโดวา และ ซานมารีโน

ซานมารีโนจึงถือว่าเป็นชาติที่มีผลงานในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ดีที่สุดเป็นลำดับที่ 14 ถือว่ามีโอกาสลุ้นคว้าสิทธิ์เพลย์ออฟได้ก่อนชาติอื่นหลายๆ ทีม

อย่างไรก็ตาม การที่ซานมารีโนจะได้สิทธิ์เข้าร่วมการเพลย์ออฟของโซนยุโรปในเดือนมีนาคม 2026 เพื่อลุ้นไปเล่นฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้ายนั้น พวกเขาต้องลุ้นให้ชาติอื่นๆ ทั้ง 13 ชาติที่คว้าแชมป์กลุ่มในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ฤดูกาล 2024-25 ติด 2 อันดับแรกในศึกคัดบอลโลกครั้งนี้อย่างน้อย 10 ชาติ ซึ่งก็ถือว่ามีโอกาสไม่ยากไม่ง่ายจนเกินไป

แต่ถ้าหากซานมารีโนคือหนึ่งใน 16 ชาติที่ได้ผ่านเข้ารอบเพลย์ออฟคัดบอลโลกโซนยุโรป ตอนนั้นพวกเขาจะต้องการชัยชนะอีกแค่ 2 นัดเท่านั้น นั่นก็คือเกมเพลย์ออฟรอบรองชนะเลิศ และเกมเพลย์ออฟรอบชิงชนะเลิศ

ด้วยมาตรฐานของซานมารีโน ที่ในประวัติศาสตร์ของพวกเขาเคยชนะได้แค่ 3 นัดเท่านั้นนับรวมทุกรายการ แถมทั้ง 3 เกมที่ชนะล้วนเป็นการเอาชนะลิกเตนสไตน์เพียงทีมเดียว และตอนนี้ก็ยังเป็นชาติอันดับบ๊วยของโลก ใครๆ ก็คงไม่คิดว่าพวกเขาจะมีโอกาสได้ไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายแน่ๆ แต่จากเงื่อนไขรอบคัดเลือกที่เราบอก ถ้าผลการแข่งขันทุกอย่างในรอบคัดเลือกโซนยุโรปมันลงล็อค พวกเขาขอแค่ชนะในเกมเพลย์ออฟ 2 นัดก็จะได้ไปบอลโลกแล้ว