FITSPO ประจำสัปดาห์: สาวฮอตประจำเดือนนี้: ‘เมย์ - ศธัญกร ตั้งบุญเอื้อ’ อินฟลูสาย ‘Healthy’ ชั้นนำของเมืองไทย

สาวฮอตประจำเดือนนี้: ‘เมย์ - ศธัญกร ตั้งบุญเอื้อ’ อินฟลูสาย ‘Healthy’ ชั้นนำของเมืองไทย
FITSPO | March 16, 2024

โปรเจ็คท์ ‘Fitspo’ มีแนวคิดมาจากการต้องการขยายคำจำกัดในนิยามของความหมาย ‘Fit Inspiration’ ให้เห็นภาพจริงผ่านการใช้ ‘บุคคลต้นแบบ’ ที่มีกิจกรรมในชีวิตประจำวันเกี่ยวกับการออกกำลังกายและเล่นกีฬา ซึ่งไม่ได้จำกัดไว้ว่า ‘เขา’ หรือ ‘เธอ’ ต้องเป็นใคร? ขอเพียงแค่สมาารถสร้างแรงกระตุ้นให้กับสังคมได้ก็เพียงพอ

โดยหากจะหยิบยกตัวอย่างกีฬาสักชนิด ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วกำลังขยายประเภทไปตามเทรนด์เหมือนกับในต่างประเทศนาทีนี้ คงไม่พ้น ‘กรีฑา’ หรือ ‘การวิ่ง’ ซึ่งในเมืองไทย หากจะเรียกความนิยมให้กับการแข่งขันรายการต่างๆ ย่อมต้องให้บุคคลที่มีแรงดึงดูดคนรอบข้างได้ มาเป็นตัวช่วยในการกระตุ้นให้เกิดกระแส

บทความนี้ทีมงาน Fitspo ได้รับเกียรติจาก ‘เมย์-ศธัญกร ตั้งบุญเอื้อ’ สาวสวยเจ้าของฉายา ‘นางฟ้านักวิ่ง’ ที่ไม่ว่าเธอจะไปปรากฎตัว ณ รายการใด สามารถเติมเอเนอร์จี้เรื่องของความสดใสให้กับผู้เข้าแข่งขันได้เสมอ มาเป็นแขกรับเชิญให้สัมภาษณ์ถึงทัศนคติของการเป็น อินฟลูเอนเซอร์สาย Healthy ชั้นนำของเมืองไทย

ประเด็นในการพูดคุยช่วงเวลาสั้นๆ แค่ราว 30 นาที ทีมงาน Fitspo ได้รับพลังบวกจากเธอในแง่มุมไหนกันบ้าง? ติดตามไปพร้อมกันได้เลย

เริ่มจากคำถามเบสิกที่ทุกรายการต้องมีเดี๋ยวไม่เป็นแพทเทิร์น ช่วยแนะนำตัวเองให้กับแฟนๆ Fitspo ได้รู้จักหน่อยครับ?

Maysathanyakorn : สวัสดีนะค้าาา…ชื่อ เมย์-ศธัญกร ตั้งบุญเอื้อ ค่ะ ปัจจุบันอ่านข่าวอยู่ NBT News เป็นข่าวกีฬา เป็นพิธีกรรายการ Young At Heart Show ทางช่อง 3 รับพิธีกรทั่วไป และเป็นอินฟลูเอนเซอร์ด้าน Healthy ค่ะ

ทราบมาว่า คุณเมย์ ทำงานมาหลายอย่างทั้ง พริตตี้, MC, ผู้ประกาศข่าว และจนมาถึงอินฟลูด้านการออกกำลังกาย ช่วยเล่าเส้นทางความเป็นมาทั้งหมดหน่อยว่าเข้าไปแต่ละวงการได้ยังไง? แล้วชอบอาชีพไหนมากสุดเพราะว่าอะไร?

 Maysathanyakorn : อ๋อ ก็สำหรับสายอาชีพแรก จริงๆ แล้ว เมย์ ทำมาหลายงานมาก เริ่มตั้งแต่ทำร้านไอศครีม ตักไอติม แล้วก็มีพี่ๆ ที่รู้จักแนะนำไปให้ทำงานอีเว้นท์ ก็ไปเป็นแบบ BA (Beauty Advisor) ในห้าง มีไปแคสติ้งงานสาย พริตตี้ ก็ค่อยๆ ไต่ระดับไปเรื่อยๆ พอได้งานเป็น MC (Master of Ceremonies) เราก็ต้องฝึกพูด

หลังจากนั้นก็ต่อยอดด้วยการได้โอกาสมาเป็น พิธีกร เกี่ยวกับรายการกีฬาทางช่อง One 31 ก็เดินหน้าสายนั้นมาตลอด ขยับไปทีละก้าว จนกระทั่งมาออกกำลังกาย เนื่องจากคอนเทนต์รายการจะออกเป็นการรีวิวฟิตเนสหรือการเล่นกีฬา เลยหันมาออกกำลังกายแบบจริงจัง แต่จริงๆ แล้วต้องบอกว่า เมย์ เป็นคนชอบออกกำลังกายอยู่แล้ว เป็นคนอยู่สุขไม่ค่อยได้ มีความแอคทีฟอยู่ตลอดเวลา อยู่โรงเรียนก็มีเล่นกีฬามาตลอด พอด้วยอาชีพเรามาทำด้านสายกีฬา เราก็ได้เห็นว่านักกีฬาอาชีพเขาออกกำลังกายกันยังไง?  อยากรู้ว่าคนนี้เขามีหุ่นแบบนี้จะปั้นยังไง? เลยศึกษาอย่างจริงจัง…

ถ้านับเป็นอาชีพ เมย์ คงชอบด้านการเป็นพิธีกรมากที่สุด เพราะว่า มันได้ฝึกทักษะหลายๆ อย่าง การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การพูด เนื่องจากพิธีกรรายการต่างๆ มีหลายรูปแบบตามลักษณะของรายการนั้นๆ มีทั้งเป็น ทางการ, คุยทั่วไป, เป็นธรรมชาติ และ ตลก มันมีหลายสายให้เราได้ฝึกทักษะการพูดในแต่ละแบบที่ไม่เหมือนกัน หน้างานปัญหาที่เราต้องเจอก็ไม่เหมือนกันเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ค่ะ

งานทั้งหมดเกี่ยวกับการใช้หน้าตาความสวยความงาม คุณเมย์ เริ่มรู้ตัวว่าอยากสวยในช่วงวัยไหน? ตอนเด็กๆ เป็นยังไงครับ?

Maysathanyakorn : จริงๆ แล้วก็เป็นคนรักสวยรักงามตั้งแต่เด็กนะคะ แต่ในความรักสวยรักงามของ เมย์ ออกไปในแนวอยากสวยแต่ไม่ได้รู้เรื่องการดูแลตัวเองสักเท่าไหร่? อย่างยุคนี้เขาจะมีคนคอยบอกว่าต้องทาสกินแคร์ยังไง? ดูแลอาหารการกินยังไง? รวมไปถึงเรื่องของการศัลยกรรมด้วย เมย์ จะไม่ได้เป็นเวย์นั้นจะแสดงออกไปในทิศทางอื่นอย่างเช่น ต้องทำผมยังไง? เป็นแนวกว้างๆ มากกว่า มองตัวเองในวัยเด็กว่าเป็นแนวไฮบริด สายสวยด้วยลุยด้วย ไม่ได้ออกแนวคุณหนูสักเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะเพื่อนรอบตัวเป็น ผู้ชาย เยอะด้วย กว่าจะเริ่มมาศัลยกรรมหรือว่าดูแลตัวเอง ทาสกินแคร์ ทากันแดด ก็เกือบจะเรียนจบแล้ว กันแดด มาทาตอน 20 กว่าแล้ว ไม่รู้ว่าผิวตัวเองโดนทำร้ายมาแล้วมากเท่าไหร่

ก่อนหน้านี้ คุณเมย์ เคยเล่นกีฬาชนิดไหนมาบ้าง?

Maysathanyakorn : ถ้าแค่ชอบเล่นไม่ถึงขนาดต้องเป็นอาชีพ ก็มวยอันนี้ชอบมากกกก วิ่งก็ชอบ คือ วิ่งนี่แบบ เห็นเพื่อนวิ่งตอนแรกก็คิดว่าตัวเองทําไม่ได้อยู่แล้วไม่ใช่ทางอะไรเงี้ย แต่พอไปแล้วก็ชอบ แล้วก่อนหน้านี้ที่เค้ามีเซิร์ฟสเก็ต คือ จริงจริงพวกกีฬาที่ เมย์ เลือกเล่นต้องเริ่มมาจากการมีความชอบก่อน มันต้องมีแพสชั่นกับมันก่อนในการที่จะเริ่มเล่น เพราะพอมีแพสชั่น แล้วเราจะอยากว่าเล่นยังไง? บางทีแบบยังเล่นไม่เป็นนะคะ แต่อุปกรณ์นี่จัดเต็มมาก่อนแล้ว เหมือนกับมวยที่เป็นกีฬาที่ชอบมากพอๆ กับ ‘การวิ่ง’

สาเหตุที่ชอบมวยที่เป็นกีฬาต่อสู้เพราะอะไร?

Maysathanyakorn : เพราะ มวย เป็นการออกกำลังกายที่ได้การคาร์ดิโอไปในตัว แล้วก็มันช่วยเหมือนกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อไปด้วยในส่วนหนึ่งนะคะ ถ้าตามความเป็นจริงคนต่อยมวยเนี่ยจะรู้กันเลย ว่ามันเหมือนเป็นการแบบแอบได้เป็นที่ระบายอารมณ์ไปด้วยนิดนึง มันเหมือนกับการปลดปล่อยพลังนะคะ อย่าง เมย์ว่าเมย์เป็นคนเอเนอร์จี้เยอะ เมย์ รู้สึกว่าการต่อยมวยฝึกทักษะได้หลายแบบเลย ป้องกันตัวด้วย ได้แบบออกกําลังกาย ได้เบิร์นไขมันด้วย ค่อนข้างแบบตอบโจทย์สําหรับ เมย์ นะคะ สามารถนําไปใช้ป้องกันตัวได้จริง แต่ยังไม่เคยลอง ไม่ได้อยากเจอเหตุการณ์จนให้ได้ใช้ทักษะมวยจริง แต่คิดว่าก็น่าจะช่วยได้ในระดับนึงนะคะ

ในฐานะที่ชอบวิ่งด้วยสําหรับ คุณมย์ คิดยังไง? สําหรับบางคนที่เขามีคำถามเกี่ยวกับ ‘การวิ่ง’ ว่า ทําไมเราต้องจ่ายเงินเพื่อให้เราไปเหนื่อยด้วย?

Maysathanyakorn :  ถ้าแบบเป็นคนที่ไม่เคยลงก็จะไม่รู้จริงจริง เพราะว่า เมย์ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเออทําไมจะต้องเสียตังค์ไปวิ่ง? แต่ถ้าได้ลองไปวิ่งแล้วเนี่ยจริงจริง กิจกรรมในงานวิ่งนอกเหนือจากการวิ่งคือมันก็ได้เป็นการแบบพบปะผู้คน คืออย่าง เมย์ บางที เมย์ จะมีแบบอาจจะทํางานคนเดียวเยอะเกินไปหรือว่าทํางานแต่ในสตูดิโอ มันอาจจะไม่ได้เจอคนมาก ถ้าไม่รวมเพื่อนนะคะ ได้ไปวิ่งเนี่ยก็ได้เจอพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ แบบน่ารักหลายหลายคนที่เราอาจจะไม่ได้มีโอกาสทําความรู้จัก ก็รู้จักกันจากงานวิ่ง แล้วก็กิจกรรมในงานวิ่งเนี่ยมันไม่ใช่แค่ว่าไปถึงวิ่งแล้วเสร็จเลย แบบวิ่งแล้วก็กลับบ้านเลย เค้าก็จะมีแบบ activity อื่นๆ ที่น่าสนใจแทรกอยู่เพื่อเพิ่มสีสันความสนุกให้กับงานตามบู๊ทต่างๆ เมย์ มองว่าการที่เราจ่ายเงินไป เราได้วิ่ง ได้สุขภาพ ได้คอนเนคชั่นแบบได้เจอผู้คนใหม่ๆ แล้วยังได้ผ่อนคลายไปกับบรรยากาศที่สนุก มันก็คุ้มแล้วนะ เมย์ ว่า…

เคยคิดไหมว่าประโยชน์จากการที่เราดูแลตัวเองจากการออกกำลังกาย จะทําให้เราได้งานในสายงานวงการบันเทิงมากขึ้น จนกลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์สาย Healthy เบอร์ต้นๆ ของประเทศ?

Maysathanyakorn :ก็จริงๆ ไม่ได้คิดว่า จะมาถึงจุดนี้นะคะ แต่ว่าอย่างตอนที่ทําพวกอีเวนต์เนี่ย คือ มันก็ทําได้ ณ จุดช่วงชีวิตหนึ่ง แต่พอสักพักนึงเนี่ย เมย์ ก็เริ่มเฟดออกมาละก็ไม่ได้ทําแล้ว พอมาด้านออกกําลังกายเตรียมตัวมาดี พอมันมีงานเข้ามาเรื่อยๆมันก็คิดว่า เออหรือว่า เวย์นี้ มันเป็นทางที่ใช่ของเรา แล้วเราก็ชอบมันด้วย เรามีแพวชั่นกับมันในทุกทุกวันในทุกๆ ครั้งที่คิดงาน มันก็เลยทําให้ เมย์ คิดว่ามีทางต่อยอดไปได้ แล้วก็ทําอย่างสม่ําเสมอมาเรื่อยๆ อย่างตอน ต่อยมวย เมื่อก่อนก็ไม่มีใครต่อย ไม่มีใครอิน เมย์ โดนว่าด้วยซ้ํามีคนมองว่าแบบเป็นผู้หญิงจะมาต่อยมวยเนี่ยนะ เมย์ ก็คิดว่า แต่เมย์ชอบแล้วเมย์ว่ามันได้ประโยชน์ พอทํามาเรื่อยๆ มันก็มีคนไปต่อยมวยมากขึ้น เมย์ ก็เออดีใจนะที่อย่างน้อยแบบเราอาจจะยังไม่ได้ชำนาญหรอก แต่เราทําให้คนอื่นมีแพสชั่นในการมาร่วมกิจกรรมนี้ได้ คือมองว่า เป็นการเชิญชวนคนอื่นๆ ให้หันมาดูแลร่างกายตัวเองด้วยกันอะไรประมาณนั้น

มันจะมีอยู่ช่วงนึงที่แบบ มันก็จะเป็นเทรนด์อะเนอะ กระแสเพลงกับรูปแบบกิจกรรมฮิต แต่ละเทรนด์แต่ละช่วงมันก็ไม่เหมือนกัน สรีระคนเราก็ไม่เหมือนกัน บางคนเขาไม่กล้าออกกำลังกาย เพราะมีความคิดว่าออกไปหุ่นเขาก็ไม่ดี ต้องผอมต้องอะไรตามความเชื่อที่ถูกสร้างขึ้นมา แต่เราคิดในทางกลับกันว่า ถ้าเราสร้างแพสชั่นให้เค้าได้หรือแบบเออเรา ทำท่าออกกําลังกายเป็นตัวอย่างให้เขาเห็นผ่านช่องทางต่างๆ นอกเหนือจากหุ่นที่ดีขึ้น สุขภาพเราก็ดีขึ้นด้วย มันปรับไปถึงสภาวะอารมณ์บวกกับความคิดได้ด้วย การออกกำลังกายช่วยได้หลายเรื่องมากๆ ค่ะ

คาแรคเตอร์จริงๆ ของ คุณเมย์ เป็นคนประมาณไหนครับเหมือนหน้ากล้องไหม?

Maysathanyakorn : เหมือนหน้ากล้องไหม? ก็เหมือนส่วนหนึ่งไม่เหมือนส่วนหนึ่ง เมย์ จะแล้วแต่โหมดถ้าโหมดทํางานที่เป็นงานที่ซีเรียสก็ซีเรียส แต่ว่า เมย์ ก็จริงๆ ก็โก๊ะๆ ตามที่ทีมงานเห็น ทีมงานเจอเลย มีตลก มีขำ มีแซวกันได้ปกติเลยค่ะ แต่ถ้าในโหมดซีเรียสก็ค่อนข้างจะซีเรียสมาก ซีเรียสมากจนถึงแบบบางทีก็ไม่คุยอะไรเลยกับใครก็มีค่ะ มันก็แล้วแต่พาร์ทอยู่ที่ว่าเราทําอะไรอยู่ ณ ตอนนั้น ถ้าเป็นตอนเรารีแลกซ์อยู่ เราอารมณ์ดีอยู่ ก็คุยได้หมดสนุกสนานได้ ลุยได้ค่ะ 

จากบทสัมภาษณ์เก่าๆ ที่ผ่านมา คุณเมย์ มองว่า ตัวเองเป็นอินฟลูสายน่ารักสดใสไม่ใช่ ‘เซ็กซี่’ ความจริงแล้วมีมุ่มนั้นบ้างไหม?

Maysathanyakorn : เมย์ ก็มีมุมแบบปุ๊กปิ๊กของ เมย์ อะนะคะ แบบว่าจะเป็นมุมอย่างงั้นกับสัตว์เลี้ยงหรือกับคนที่เรารักหรือ แบบนั้นพวกเขาก็จะเห็น เมย์ ในหลายๆ มุม แต่คนก็อาจจะมองแบบว่าด้วยหน้าเมย์  มีมุมที่ดูดุ ดูเซ็กซี่ จริงๆ แล้ว เมย์ ว่าตัว เมย์ ก็ไม่ได้เป็นคนเซ็กซี่อะไรเนอะใช่มั้ยคะทีมงาน (ยิ้มหวาน)

ปกติแล้ว คุณเมย์ เข้ายิมออกกําลังกายหรือไปวิ่งสัปดาห์ละกี่ครั้ง? มีตารางกำหนดชัดเจนเป็นมาตรฐานของตัวเองไหม?

Maysathanyakorn : คือถ้าไม่ได้ว่าติดงานที่แบบไม่ว่างเลยหลายๆ วัน ส่วนใหญ่ เมย์ จะออกกำลังกายให้ได้ประมาณ 4 วัน ต่อหนึ่งสัปดาห์ค่ะ จะเป็นในรูปแบบใดก็ได้ แต่ถ้าเอาแบบกำหนดชัดๆ เลย คือ อย่างน้อยต้องมีการ เวท เทรนนิ่ง แบบ 3 วันค่ะ ส่วนการวิ่งอาจจะจัดตารางเป็นช่วง เสาร์-อาทิตย์ คือวีคนึงก็อาจจะตั้งใจวิ่งให้ได้ 2 หรือ 3 วัน อยู่ที่ว่าวีคนั้นเราทําอะไรไปแล้วบ้าง เช่นถ้า วีคนั้นมีวิ่งเยอะเป็นพิเศษ เมย์ อาจจะต้องเพิ่มเวทเยอะเข้าไปอีกให้เกิดความสมดุลย์ หรือ ถ้าแบบอีกวีคหนึ่ง เมย์ ไปต่อยมวย เมย์ ก็อาจจะวิ่งน้อยลงเพราะว่ามันเป็นการทําคาร์ดิโอที่ค่อนข้างหนักสําหรับกีฬามวยค่ะ แต่พยายามยืนพื้นเลยว่า 3 ถึง 5 วันโดยเฉลี่ย

ตั้งแต่เข้าวงการวิ่งมา คุณเมย์ ประทับใจรายการไหน? หรือช่วงเวลาไหนมากที่สุด?

Maysathanyakorn : ส่วนตัว เมย์ ก็ต้องเป็นบุรีรัมย์เลยค่ะ บุรีรัมย์ นี้คือเป็นงานแรกที่ เมย์ ไปลงวิ่งเป็นฮาล์ฟ มาราทอน แรกที่ เมย์ วิ่งละกัน เป็นการชวนจากเพื่อนเมย์ ที่เป็นอินฟลูสายวิ่งกันอยู่แล้ว วิ่งที่บุรีรัมย์เคยฟังฟีดแบ็คมาอยู่แล้วว่างานสนุก กองเชียร์เยอะมาก ไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนั้น ตกใจอยู่เหมือนกันนะคะแต่ว่าบรรยากาศตอนนั้น เมย์ ชอบแล้วก็รู้สึกเอ็นจอย…จริงๆ ทุกงานวิ่งเนี่ยสนุกทุกงาน เพราะว่า อย่างที่ เมย์บอกไปว่า จะได้เจอแบบพี่ๆ เพื่อนๆ มีความสนุกแบบหลากหลายรูปแบบ ไม่เหมือนกันในแต่ละงาน แต่บุรีรัมย์เนี่ย คือ มันทําให้เรารู้สึกแบบมี energy ตลอดเวลาในการวิ่ง แบบกําลังจะหมดไฟอยู่แล้ว วิ่งแล้วแบบจะเป็นท้อ เข่างอแล้วอะไรอย่างเงี้ย เจอข้างหน้ากําลังเชียร์อยู่เลยแบบ…เฮ้ย! มาแล้วมันก็ทําให้เราฮึบขึ้นมาได้ค่ะ มันก็เลยรู้สึกสนุก แล้วก็ไม่รู้สึกแบบโอ้โหเหนื่อยจนจะตายอะไรแบบเนี้ย ก่อนไป บุรีรัมย์ เนี่ย…อันนี้พูดตรงๆ ว่าแทบไม่ได้ซ้อมเลย ก่อนหน้ารายการนี้ก็ไปวิ่งเทรลมา เมย์ ก็แอบคิดอยู่นะว่า ถ้าซ้อมมา อาจจะทำเวลาหรือวิ่งได้ดีกว่านี้ แต่ด้วยตารางงานเลยจำเป็นต้องไปแบบไม่ค่อยได้ซ้อม แล้วตั้งแนวคิดเอาไว้ว่าเอาเท่าที่เราไหว ไปเก็บเกี่ยวความสนุกและได้สุขภาพเอาค่ะ

พอไปวิ่งแล้วเริ่มมีสื่อจับภาพนําเสนอพร้อมตั้งฉายาให้เป็น “นางฟ้านักวิ่ง” พอรับรู้ครั้งแรก คุณเมย์ รู้สึกยังไง?

Maysathanyakorn : เออ เมย์ ก็ตกใจนะว่า “นางฟ้าเลยเหรอ?” (หัวเราะแบบเขิลๆ) แต่ก็ก็รู้สึกดีนะคะ ก็คงแบบว่าเออเราคงเป็นสีสันอีกสีสันหนึ่งในงานวิ่งแล้วกัน ที่อย่างน้อยก็ทําให้คนรู้สึกว่า เออมันก็มีอะไรมากกว่านั้นสําหรับงานวิ่ง…บางทีแก๊งค์นั้นแก๊งค์นี้มา วงการวิ่งมันมีแก๊งค์อยู่แล้วเนอะ พอแก๊งค์เราไปก็อาจจะทำให้แก๊งค์อื่นๆ อยากมาด้วย ก็รู้สึกดีจากตอนแรกที่ตกใจ แต่เคยพอได้ยินฉายานี้มาแล้วบ้างจากเพื่อนเมย์เล่าให้ฟัง เพราะเขาก็เป็นอินฟลูที่อยู่ในหมวดนั้นเหมือนกัน

ไปงานวิ่งบ่อยๆ เจอหนุ่มๆ มาแฮวแล้วแบบนี้ “แฟน” ไม่ว่าเหรอครับ?

Maysathanyakorn : อุ๊ย! ไม่มีแฟนค่ะ ไม่หวงหรอกค่ะ ไปวิ่งแต่ละทีแฟนไม่น่ามานั่งหวงสภาพหน้าเมย์หรอก…เหนื่อยไม่ไหว

ตั้งแต่วิ่งมาเคยประสบการณ์บาดเจ็บอะไรหนักๆ จนแบบกระทบถึงเรื่องงานเราเองบ้างไหม? 

Maysathanyakorn :  ไม่เคยค่ะ ไม่เคย ไม่เคย ถ้าจะบอกว่ากระทบเรื่องงานนะ อย่างมาก เมย์ ก็อาจจะไม่ได้รู้ตัวเยอะ ก็คือ ทากันแดดไม่เพียงพอ วิ่งแล้วโดนแดดนานไป อาจส่งผลกระทบต่อผิวบ้างเล็กน้อย แต่ตอนนี้โอเคขึ้นแล้วค่ะ จริงๆ เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการดูแลตัวเองเบื้องต้นอยู่แล้วค่ะ เช่น ถ้าโดนแดดมาต้องเป็นฟูยังไง? ถ้าเป็น เมย์ ก็จะแบบเป็นฟีลแบบ มาส์กหน้า แล้วก็ถ้าต้องออกไปเจอแดดแรงๆ ทีนี้เราควรจะท่ากันแดดทุกวัน ห้ามลืม! แล้วถ้าสะดวกทาซ้ำได้ระหว่างวันก็ควรทำ จะได้ช่วยปกป้องผิวเราเองได้ด้วย…ผู้ชายก็ควรทาด้วยนะ ไม่ใช่แค่เฉพาะผู้หญิง เพราะว่า แดดบ้านเราน่ากลัวมาก น่ากลัวมากกว่าต่างประเทศ บ้านเรามันแดดโหดจริงๆ

มีอะไรอยากแนะนำสายวิ่งที่ต้องเผชิญปัญหามลภาวะ ‘ฝุ่น’ ตอนนี้บ้างไหม?

Maysathanyakorn :  อยากให้เซฟตัวเอง อยากให้เซฟสุขภาพมาก่อน สุขภาพในที่นี้ คือ ปกติการออกกําลังกายได้สุขภาพที่ดีอยู่แล้วแน่นอนค่ะ แต่ว่าถ้าอากาศมันไม่อํานวยจริงๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นวิ่งในยิมก็ได้ อย่างตอนนี้เนี่ยเมย์ก็ทำอยู่ หรือออกกำลังกายอยู่ที่บ้าน ถ้ามันจำเป็นต้องซ้อมข้างนอกจริงๆ ก็ควรจะเลือกเวลาที่ค่าฝุ่นมันซาลงหน่อย เพราะว่าอย่างตัว เมย์ เองเป็นภูมิแพ้ ฝุ่นมีผลต่อสุขภาพมาก เราควรเอาสุขภาพภายในตัวเราเป็นที่ตั้งก่อน ถ้าเรามีตุ้นทุนสุขภาพที่ดี แล้วเสริมการออกกำลังกายที่เหมาะสมเพิ่มเข้าไป มันก็จะยิ่งส่งเสริมสนับสนุนกันไปในทิศทางที่ดี พวกอาหารเสริมวิตามินหรือสกินแคร์ดูแลผิว ก็ต้องเลือกที่เหมาะกับตัวเราเองด้วย ไม่ใช่ว่าทุกคนจะใช้เหมือนกันได้ทุกตัว ที่สำคัญต้องรู้จักร่างกายตัวเราเองด้วยว่าเป็นแบบไหน?

รางวัลที่คุณเมย์มองว่าเป็นประโยชน์ที่สุดต่อตัว คุณเมย์ ตั้งแต่เริ่มมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์สาย Healthy?

Maysathanyakorn : รางวัลเหรอ? เอาเป็นรางวัลที่ เมย์ รู้สึกว่าเป็นรางวัลส่วนตัวแล้วกันนะคะ คือ ตั้งแต่ เมย์ ออกกําลังกายมา จะมีแบบพี่ผู้หญิงหลายๆ ท่าน หลายๆ คน อินบ็อกซ์ เข้ามาหาส่วนตัวรู้สึกชอบโมเมนต์แบบนี้มากๆ อย่างเช่น ปรึกษาลุคเรื่องความกล้าในการตัดผมสั้น มันทำให้เรารู้สึกดีที่เราสามารถเป็นแรงบันดาลใจหรือแรงกระตุ้นให้กับใครก็ตามมีความกล้า อย่างเช่นตอนเริ่มมาวิ่ง เริ่มมาต่อยมวย ผู้หญิงหลายคนก็จะทักเข้ามาถาม จากที่เขาไม่กล้าพอได้รับคำตอบไปพวกเขาก็กล้าเดินออกนอกคอมฟอร์ทโซนของตัวเอง หลายคนที่ไม่ได้มีแพสชั่นเรื่องการออกกำลังกาย แต่พอเห็นตัว เมย์ ออกมาวิ่ง เห็นความสนุกจากหลายๆ มุมที่เรานำเสนอ หลายคนก็อยากลองทำตามดู มันเป็นความรู้สึกดีที่เราอินสไปร์คนเหล่านั้นได้จริงๆ ให้กล้าลุกขึ้นมาดูแลตัวเอง ดูแลสุขภาพ ร่างกาย ผิว เมย์ แฮปปี้กับเรื่องนี้มากๆ เป็นรางวัลของเมย์จริงๆ เลย

ถ้าอยากชวนเพื่อนสนิทที่ไม่เคยออกกําลังกายมาก่อนเข้าวงการนี้ คุณเมย์ มีวิธีการชักชวนยังไง?

Maysathanyakorn : อย่างมากที่สุดเลยนะ เมย์ ก็จะเริ่มจากถามเพื่อนก่อนว่า ช่วงนี้เป็นยังไง? ยกตัวอย่างเคสนึง เมย์ จะมีเพื่อนบางคนที่แบบเขาเป็นคนผอมมากๆ แล้วเค้าก็รู้สึกว่าตัวเขาเองผอมจนกลายเป็นป่วยกระเสาะกระแสะ เราก็จะแนะนำเขาไปให้ลองวิ่งดูมั้ย? สักวันละ 20 นาทีตอนเช้า ลองเวท เทรนนิ่ง อยู่บ้านดีมั้ย? หรือเปิดคลิปออกกำลังกายแล้วลองทำตามดู ซึ่งตัว เมย์ เองก็จะยกตัวอย่างเคสตัวเราเมื่อก่อนว่า เมย์เป็นภูมิแพ้ค่อนข้างหนัก แต่พอมาออกกําลังกายสม่ําเสมอ เมย์ รู้สึกได้ว่า อาการภูมิแพ้ของตัวเราดีขึ้นเยอะถ้าไม่ต้องเจอฝุ่นหนักๆ ส่วนการเวทเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ เมย์ ก็จะเล่าถึงช่วงที่เล่นเซิร์ฟสเก็ต แล้วประสบอุบัติเหตุแขนฉีก หัวไหล่ฉีก แต่พอเราออกกำลังกายให้มีมวลกล้ามเนื้อ การฟื้นฟูของตัวเราก็ไว หายบาดเจ็บไวขึ้น เช่นเดียวกับการวิ่งเหมือนกันที่ทำให้กล้ามเนื้อทั้งร่างกายของเราแข็งแรง พอเพื่อนๆ ได้ฟังแล้วเห็นภาพ ก็เริ่มไปออกกำลังกายกัน ไปเดินลู่ แค่นี้ตัวของ เมย์ ก็ดีใจแล้ว อาจให้เขาเห็นผลลัพธ์จากตัวเราก่อนว่า การออกกำลังกายไป ตัวเราจะได้อะไรคืนกลับมา มันไม่ใช่แค่เรื่องของการทำให้ ‘หุ่น’ ของเราดี

ถ้าให้อธิบายตัวเองใน 3 คํา คุณเมย์ จะเลือกใช้คําไหนบ้าง? เพราะว่าอะไรครับ?

Maysathanyakorn : สู้-อดทน-สนุก ทุกอย่างมันอธิบายทุกกิจกรรมที่เป็นตัว เมย์ ได้อย่างชัดเจน และเชื่อมโยงถึงกันหมดเลยค่ะ

คำถามรองสุดท้ายขอเป็นฟีลผ่อนคลายๆ ละกันนะครับ…มีผักหรือผลไม้ชนิดไหน? ที่เปิดใจลองกินแล้วไม่ได้จริงๆ

Maysathanyakorn : อืมถ้าเป็นผักให้นึกเลยยังนึกไม่ออกเพราะกินได้หมด แต่จำได้อยู่อย่างนึงที่ลองกินตอนไปต่างจังหวัดแล้วมันไม่ได้จริงๆ เปิดใจแล้ว แต่ไม่ไหวจริงๆ ขอเลือก ‘ตะขบ’ แล้วกันค่ะ แต่ไม่ขอรีวิวรสชาตินะว่ารู้สึกยังไงตอนนั้น

สุดท้ายครับขอให้ฝากอะไรถึงแฟนๆ โปรเจ็คท์ Fitspo แล้วช่วยเล่าถึงฟีดแบ็คที่ได้ร่วมงานกับทีมงานเป็นครั้งแรกหน่อยครับ?

Maysathanyakorn : ฝากถึงแฟนๆ Fitspo ทุกคนเลยนะคะ ครั้งนี้เป็นการสัมภาษณ์ครั้งแรกของ เมย์ และเป็นการทำงานครั้งแรกร่วมกับทีมด้วยนะค่ะ…เมื่อวานสนุกมากเลยเหมือนไปเดินเล่นชิลล์ๆ แบบไม่กลัวแดดเลย…ทีมงานทุกคนสู้กันหมดแล้วก็เป็นการสัมภาษณ์ที่สนุกมากๆ ถ่ายรูปก็คือบอกเลยว่า เมย์ มีรูปลงไปยันปีหน้า เพราะรูปสวยทุกรูปจริงๆ นะคะ อยากให้ทุกคนเข้ามาติดตามโปรเจ็คท์นี้กันเยอะๆ เพราะจะมีบทความแต่ละตัวจะที่นำเสนอออกไปจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนที่ติดตามแน่นอนค่ะ

Quote Card :

“ด้วยอาชีพเรามาทำด้านสายกีฬา เราก็ได้เห็นว่านักกีฬาอาชีพเขาออกกำลังกายกันยังไง?  อยากรู้ว่าคนนี้เขามีหุ่นแบบนี้จะปั้นยังไง? เลยศึกษาอย่างจริงจัง”

“เราคงเป็นสีสันอีกสีสันหนึ่งในงานวิ่งแล้วกัน ที่อย่างน้อยก็ทําให้คนรู้สึกว่า เออมันก็มีอะไรมากกว่านั้นสําหรับงานวิ่ง”

“นอกเหนือจากหุ่นที่ดีขึ้น สุขภาพเราก็ดีขึ้นด้วย มันปรับไปถึงสภาวะอารมณ์บวกกับความคิดได้ด้วย การออกกำลังกายช่วยได้หลายเรื่องมากๆ ค่ะ”

“มันเป็นความรู้สึกดีที่เราอินสไปร์คนเหล่านั้นได้จริงๆ ให้กล้าลุกขึ้นมาดูแลตัวเอง ดูแลสุขภาพ ร่างกาย ผิว เมย์ แฮปปี้กับเรื่องนี้มากๆ เป็นรางวัลของเมย์จริงๆ เลย”