จ่ายจนเจ๊ง : เปิดสัญญา อารอน เลนนอน กับลีดส์ตอนอายุ 14 ลงเล่น 5 นัด ได้เงินทันที 4 ล้าน

ปฏิเสธไม่ได้ว่ามูลเหตุสำคัญที่ทำให้ ลีดส์ ยูไนเต็ด แปรสภาพจากทีมที่เคยเข้าถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก มาเป็นสโมสรในลีกล่าง ก็คือปัญหาทางการเงิน จากการบริหารที่ผิดพลาดของฝ่ายบริหาร

และสิ่งที่ตอกย้ำความบรรลัยของเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีก็คือ สัญญาที่พวกเขามอบให้ อารอน เลนนอน อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษ ตอนอายุ 14 ปี ที่จะได้เงินทันที 100,000 ปอนด์ หรือราว 4 ล้านบาท เพียงแค่ลงสนามครบ 5 นัด

เกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น? และเหตุใด ลีดส์ จึงกล้าจ่ายขนาดนี้? ติดตามไปพร้อมกัน

สำหรับ อารอน เลนนอน เขาคือลูกหม้อของ ลีดส์ ยูไนเต็ด เพราะนอกจากจะเป็นชาวลีดส์โดยกำเนิดแล้ว เขายังถูกล็อคเป้าจากแมวมองของทีมดังแห่งแคว้นยอร์คเชียร์มาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ

จนกระทั่งในปี 2001 เลนนอน ก็ได้เข้ามาอยู่ในอคาเดมีของ ลีดส์ ก่อนจะถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในอีก 2 ปีต่อมา และได้ประเดิมสนามนัดแรกในพรีเมียร์ลีกในเกมเจอกับ ท็อตแนมป์ ฮ็อตสเปอร์ ในปี 2003 ด้วยวัยเพียง 16 ปี

เลนนอน ลงเล่นให้ลีดส์ไป 11 เกม ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2003-2004 และได้รับการจับตามองในฐานะความหวังใหม่ในถิ่นเอลแลนด์ โร้ด ทว่าตอนจบฤดูกาล เขากลับถูกขายให้ สเปอร์ส ด้วยค่าตัวเพียง 1 ล้านปอนด์เท่านั้น

ตอนนั้น เชื่อกันว่าสาเหตุที่ทำให้ ลีดส์ ต้องขาย เลนนอน ออกไป คือปัญหาทางการเงิน จากการบริหารที่ผิดผลาดของ ปีเตอร์ ริดส์เดล ซีอีโอ คนเก่า บวกกับการที่สโมสรต้องร่วงตกชั้น ทว่าความเป็นจริง มันซับซ้อนกว่านั้น

เนื่องจากความจริงแล้ว เลนนอน มีสัญญาที่สร้างความสำบากใจให้ ลีดส์ ที่เคยเซ็นไว้ตอนเขาอายุ 14 ปี ก็คือเขาจะได้รับเงินสูงถึง 10,000 ปอนด์ (ราว 4.28 แสนบาท) ต่อการลงสนาม 1 นัด และได้ 100,000 ปอนด์ (ราว 4.2 ล้านบาท) หากลงสนามครบ 5 เกม

“ผมได้ค่าเหนื่อย 5,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ทันทีที่กลายเป็นนักเตะอาชีพ และอีก 10,000 ปอนด์ทุกครั้งที่ลงสนาม เงินจูงใจมันบ้าเลือดมาก เหมือนกับว่าทุกครั้งที่ผมลงเล่นครบ 5 เกม ผมจะได้ 100,000 ปอนด์” เลนนอน กล่าวพอดแคสต์ของ ริโอ เฟอร์ดินานด์

“ตอนเซ็นสัญญา ผมอายุแค่ 14 ปี ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่า ‘เขาคงไม่ได้ลงเล่นหรอก’ เงินจะไม่เข้ากระเป๋าจนกว่าคุณจะลงเล่น แต่หลังจากนั้นผมก็ทะลุขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่”

“มองย้อนกลับไป มันเป็นสัญญาที่โง่มาก มันคือตัวเลขที่บ้ามากๆ ที่พวกเขาคิดว่า ‘เขาจะไม่ได้ลงเล่น’ แต่ผมก็ได้ลงเล่น”

ย้อนกลับไปในตอนนั้น มันคือช่วงเวลาที่ยากลำบากของ ลีดส์ เพราะหลังจากจบในอันดับ 15 เมื่อฤดูกาลก่อน ฟอร์มของพวกเขาก็แทบไม่กระเตื้อง หลังออกสตาร์ทด้วยการเสมอกับ นิวคาสเซิล 2-2 ในเกมเปิดฤดูกาล

นั่นทำให้ในเกมกับ สเปอร์ส ที่ ลีดส์ โดนนำอยู่ 2-1 ปีเตอร์ รีด กุนซือของทีมในตอนนั้น ไม่มีทางเลือก ต้องส่ง เลนนอน ลงสนาม แม้ว่าจะต้องจ่ายเงินไม่น้อยจากสัญญาของเขาก็ตาม

“ผมจำได้ว่า แกรี เคลลี เดือดมาก เขาบอกว่าผู้เล่นที่ดีที่สุดตอนนี้อยู่บนม้านั่งสำรอง ปีกฟอร์มดีที่สุดของเราเป็นตัวสำรอง ผมนั่งอยู่ตรงนั้น และแฟนลีดส์ก็ร้องเรียกชื่อผม” เลนนอน ย้อนความหลัง

“แต่สุดท้าย เขา (รีด) ก็ส่งผมลง เพราะว่ามันกำลังแย่ที่แฟนเรียกชื่อผม พวกเขาจึงต้องให้ผมลง”

แม้ว่าสุดท้าย เลนนอน จะไม่สามารถช่วยให้ ลีดส์ รอดพ้นจากความปราชัยได้ แต่ฟอร์มที่โดดเด่นของเขาก็ทำให้ปีกความเร็วสูงได้ลงเล่นไปถึง 14 นัดในถิ่นเอลแลนด์ โรด ในซีซั่นดังกล่าว

นั่นหมายความว่าในฤดูกาล 2003-2004 ลีดส์ จะต้องจ่ายเงินให้ เลนนอน สูงถึง 340,000 ปอนด์ หรือราว 14 ล้านบาท โดยยังไม่รวมกับค่าเหนื่อย 260,000 ปอนด์ (ราว11 ล้านบาท) ที่ต้องจ่ายใน 1 ปีปฏิทิน

และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ เคน เบตส์ ซีอีโอ คนใหม่ ขาย เลนนอน ให้ สเปอร์ส ด้วยค่าตัวสุดถูก เพราะไม่อย่างนั้น สโมสรอาจจะต้องมีรายจ่ายมากกว่านี้ตอนลงไปเล่นใน เดอะ แชมเปียนชิพ

“ผมจำได้ตอนจบฤดูกาล เคน เบตส์ บอกผมว่า ‘แกจบแล้วกับสโมสรนี้’ นั่นเป็นเพราะเรื่องเงิน” เลนนอนกล่าว

“มันไม่ใช่ทางออกที่ดีเลย ผมรู้สึกว่า ‘นี่มันบ้านเกิดผมนะ’”

“ผมเสียใจมาก ผมจำตอนที่ออกจากทีมได้ หลังได้รับโทรศัพท์บอกว่าพวกเขายอมรับข้อเสนอแล้วนะ คุณกำลังจะไปสเปอร์ส”

หลังจากนั้น เลนนอน ก็สามารถสถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นปีกแถวหน้าของพรีเมียร์ลีก เขาลงรับใช้ สเปอร์ส ไปถึง 364 เกม และถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษ ในช่วงที่ลงเล่นในถิ่นไวท์ ฮาร์ทเลน

ปัจจุบัน เลนนอน มีสถานะเป็นเพียงอดีตนักเตะ หลังแขวนสตั๊ดไปตั้งแต่ปี 2022 และกำลังเริ่มต้นเส้นทางใหม่ในอาชีพโค้ช