แองเจิล โกเมส : อดีตเด็กปั้นผี ที่ตอนนี้ได้ติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่
จากรายชื่อนักเตะทีมชาติอังกฤษ 26 คนที่ ลี คาร์สลี่ย์ ซึ่งทำหน้าที่กุนซือขัดตาทัพของทัพสิงโตคำรามในช่วงที่เอฟเอยังหาตัวตายตัวแทนของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ไม่ได้ ประกาศออกมาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ชื่อที่ดูจะเซอร์ไพรส์มากที่สุดที่ถูกเรียกติดทีมชุดนี้คงหนีไม่พ้น แองเจิล โกเมส กองกลางจากลีลล์ที่จะอายุครบ 24 ปีในวันที่ 31 สิงหาคมนี้
นี่คืออดีตเด็กปั้นของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ในอดีต เขาแจ้งเกิดในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไม่สำเร็จ แต่วันนี้เขากลายเป็นนักเตะที่มีชื่อติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่
เพราะเหตุใดเขาถึงไปต่อกับทีมปีศาจแดงไม่ได้ และเขาทำผลงานเด่นแค่ไหนถึงมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษชุดเตรียมทำศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2 นัด พบกับสาธารณรัฐไอร์แลนด์ และฟินแลนด์ ในเดือนกันยายนนี้ เรื่องนี้เรามีคำตอบ
ย้อนเส้นทางวัยเด็ก เข้าสู่รั้วผีแดงตั้งแต่ 6 ขวบ แถมเก่งเกินอายุ
แองเจิล โกเมส เข้าเป็นเด็กฝึกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 2006 หรือตอนที่อายุแค่ 6 ขวบเท่านั้น ซึ่งในช่วงวัยเด็ก ถือว่าเจ้าตัวมีพรสวรรค์เกินอายุมากทีเดียว
เขาเล่นให้ทีมปีศาจแดงชุดยู-18 ตั้งแต่อายุแค่ 14 ปี จากนั้นในปี 2015 เขาก็เป็นกัปตันของ แมนฯ ยูไนเต็ด รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปีชุดลงเตะรายการที่ชื่อว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พรีเมียร์ คัพ ซึ่งถึงแม้ว่าทีมปีศาจแดงชุดยู-15 จะจบแค่อันดับ 12 ของทัวร์นาเมนต์ แต่ตำแหน่ง MVP ของรายการดังกล่าว ตกเป็นของเจ้าหนูโกเมส
ในฤดูกาล 2016-17 แองเจิล โกเมส ระเบิดฟอร์มโดดเด่นมากๆ ในการเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด รุ่นยู-18 เขาคือนักเตะจากอะคาเดมี่ที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ในประวัติศาสตร์ ที่สามารถทำแฮตทริกได้ในเกมการแข่งขันของทีมชุดอายุไม่เกิน 18 ปีได้ ด้วยวัยเพียง 15 ปี 362 วันเท่านั้น ช่วยให้ทีมบุกไปถล่มเอฟเวอร์ตัน 5-1 เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2016
ตลอดทั้งซีซั่น 2016-17 แองเจิล โกเมส ที่เล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกทำผลงานยิงไปถึง 11 ประตู และแอสซิสต์อีก 6 ลูก จากการลงเล่นให้ทีมชุดยู-18 ไป 17 นัด ในวัยแค่ 16 ปี นั่นทำให้เขาคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรไปครอง และได้โอกาสจาก โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ส่งเขาลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ในเกมพรีเมียร์ลีกนัดปิดฤดูกาลนั้นซึ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ คริสตัล พาเลซ 2-0 ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดยโกเมสถูกเปลี่ยนตัวลงสนามแทน เวย์น รูนี่ย์ ในนาทีที่ 88
แม้จะได้อยู่ในสนามแค่ 2 นาที ไม่รวมช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แต่แค่นั้นมันก็มากเพียงพอให้ แองเจิล โกเมส กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดตลอดกาล ที่ได้ลงเล่นให้ทีมปีศาจแดงในยุคที่ลีกสูงสุดอังกฤษเปลี่ยนจากดิวิชั่น 1 เดิมเป็นพรีเมียร์ลีก ด้วยวัยเพียง 16 ปี 263 วันเท่านั้น และเป็นนักเตะที่เกิดหลังวันที่ 1 มกราคมปี 2000 คนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ได้สวมเครื่องแบบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชุดใหญ่ และได้ลงเล่นในเกมระดับพรีเมียร์ลีกด้วย
โกเมสเซ็นสัญญาอาชีพฉบับแรกในชีวิต เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2017 หลังจากที่อายุครบ 17 ปีเต็มได้แค่ 3 เดือนเศษๆ แต่หลังจากนั้น เขาไม่ได้โอกาสก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่มากนัก โดยในฤดูกาล 2017-18 เขาถูกส่งลงสนามแค่นัดเดียว แถมเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 88 อีกครั้ง ในเกม เอฟเอ คัพ รอบ 4 นัดที่บุกไปชนะ โยวิล ทาวน์ 4-0 โดยถูกเปลี่ยนตัวลงเล่นแทน มาร์คัส แรชฟอร์ด
เคยมีแผลในใจจากมูรินโญ่
ในช่วงซัมเมอร์ปี 2022 แองเจิล โกเมส เคยไปให้สัมภาษณ์เปิดใจกับเว็บไซต์ sportbible.com โดยเล่าให้ฟังถึงแผลในใจ ว่าเขาเคยโดนอดีตกุนซืออย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ตำหนิเรื่องการตัดสินใจในสนามที่ไม่ถูกต้องต่อหน้ารุ่นพี่ทั้งทีมมาแล้ว ซึ่งเรื่องนั้นมีผลอย่างมาก กับสภาพจิตใจของเจ้าตัวในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
“ผมไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังมาก่อน แต่ครั้งหนึ่ง มูรินโญ่เคยส่งผมลงเล่นในเกมบอลถ้วยกับทีมชุดใหญ่ หลังจากที่ผมเล่นให้ทีมชุดยู-21 ไปแล้ว”
“วันหนึ่งพวกเราอยู่กันบนโต๊ะมื้อค่ำ และเขาเดินไปคุยกับทุกคนรอบๆ โต๊ะ จากนั้นเขาก็มองมาที่ผมแล้วบอกว่า “ฉันสุดจะทนกับแกแล้วนะ” ”
“ในตอนนั้นเขาหัวเราะกับทุกๆ คน ผมเลยคิดว่าเขาคงล้อเล่น ผมถามเขาว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนั้น จากนั้นเขาก็ยกเรื่องฟอร์มการเล่นของผมในวันก่อนหน้าขึ้นมาพูด”
“เขาต้องคิดว่าผมเล่นได้ห่วยแตกแน่ๆ ผมไม่คิดว่าผมเล่นแย่ขนาดนั้นนะ แต่เขาคือเจ้านายใหญ่ ถ้าหากเขาคิดว่าผมเล่นแย่ ผมก็คงเล่นแย่จริงๆ นั่นแหละ”
“เขาพูดว่า “แกเอาแต่ทำนั่นทำนี่ แต่แกน่าจะทำแบบนี้แบบนั้นมากกว่านะ” และเขาทำแบบนี้ต่อหน้าคนทั้งทีม ผมเคยโดนด่ามาก่อนนะ แต่ไม่เคยโดนจากคนที่เป็นเจ้านายใหญ่เลย ผมไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น ผมช็อคไปเลย”
“ในที่สุดเขาก็หยุดตะโกน แล้วก็ทำอะไรของเขาต่อไป ผมนั่งอึ้งกับเก้าอี้ แล้วนักเตะบางคนก็เข้ามาบอกผมว่า “อย่ากังวลเลย ช่างเขาเถอะ เขาแค่พยายามเรียกร้องปฏิกิริยาจากนาย เขาเป็นคนแบบนี้แหละ” ”
“แต่ผมยังเป็นแค่เด็ก ในหัวของผมจึงคิดว่า “แม่งเอ๊ย เขาเกลียดผม” ผมกลับไปที่ห้องพักและโทรหาพ่อ ผมแทบจะร้องไห้ออกมาเลย”
อย่างไรก็ตาม โกเมสบอกว่า ตอนที่เขาโตขึ้น เขาเข้าใจแล้วว่า โชเซ่ มูรินโญ่ ทำแบบนั้นไปทำไม
เขาบอกว่า “ในที่สุดผมก็เข้าใจว่าเขาเป็นคนแบบไหน มูรินโญ่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ และผมคิดว่าสำหรับผมแล้ว เขากำลังพยายามจะข้ามขีดจำกัด และนั่นไม่ใช่หนทางที่ง่ายดาย”
“เขาต้องการนำผมเข้าสู่เกมนั้นเพื่อสร้างวินัยให้ผมเหมือนกับพวกนักเตะทีมชุดใหญ่ ผมคิดว่าเขาจะสื่อว่า “ถ้าหากที่นี่คือที่ที่แกอยากอยู่ แกก็จะได้รับการปฏิบัติแบบนี้แหละ นี่มันไม่ใช่ฟุตบอลเยาวชนนะ” ผมไม่เข้าใจจนกระทั่งผมได้โตขึ้น แล้วทำให้ผมเข้าใจเต็มๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมคิดว่าตอนนั้นผมเด็กเกินไปที่จะเข้าใจเขา แต่ด้วยวัยที่ผมโตขึ้นแล้วในตอนนี้ ผมอยากจะเล่นให้เขาอีกครั้ง เพราะเขาสามารถดึงศักยภาพที่ดีที่สุดจากนักเตะของเขาออกมาได้”
ผิดหวังที่ไม่ได้ขึ้นชุดใหญ่เต็มตัวในยุคโซลชาร์
น่าเสียดายที่ในตอนที่ แองเจิล โกเมส ยังเด็ก ทัศนคติของเขาไม่ค่อยมีความอดทนมากสักเท่าไร ซึ่งหลังจากที่เจ้าตัวผูกใจเจ็บกับ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ประจานเขาต่อหน้ารุ่นพี่ เขาก็คาดหวังมากขึ้นตอนที่กุนซือชาวโปรตุเกสโดนไล่ออกในเดือนมกราคม 2018 แล้วเป็น โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ เข้าไปคุมทีมแทน ว่ากุนซือชาวนอร์เวย์จะให้โอกาสเขามากขึ้นในทีมชุดใหญ่
อย่างไรก็ตาม โกเมสยังโดนมองข้ามเช่นเดิม ในฤดูกาล 2018-19 ที่เขาอายุ 18 ปี เขาคิดว่าตัวเองดีพอจะขึ้นมาพิสูจน์ตัวเองในทีมชุดใหญ่แล้ว แต่กลับไม่ได้โอกาสลงตัวจริงเลย โดยเป็นแค่ตัวสำรองช่วงท้ายเกมที่ถูกส่งลงสนามในพรีเมียร์ลีกแค่ 2 ครั้ง
จากนั้นในซีซั่น 2019-20 โซลชาร์ให้โอกาสเขาลงเล่นเป็นตัวจริงบ้าง ในศึก ยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่ม 3 นัด ได้แก่นัดที่เปิดบ้านชนะ เอฟซี อัสตาน่า จากคาซัคสถาน 1-0, นัดที่บุกเสมอ อาแซ่ด อัลค์มาร์ ที่เนเธอร์แลนด์ 0-0 และนัดที่บุกแพ้อัสตาน่า 2-1 แต่นอกเหนือจากนั้น เขาไม่ได้ลงเป็น 11 คนแรกอีกเลย โดยเป็นตัวสำรองในลีก 2 นัด และถูกเปลี่ยนตัวลงเล่นในนาทีที่ 64 ของเกม คาราบาว คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ที่แพ้ แมนฯ ซิตี้ คาบ้าน 1-3 เท่านั้น
เมื่อเทียบกับพวกดาวรุ่งรุ่นๆ เดียวกันอย่าง เมสัน กรีนวู้ด และ อักเซล ทวนเซเบ้ ที่ได้โอกาสจากโซลชาร์มากกว่า ทำให้ แองเจิล โกเมส รู้สึกรับไม่ได้ที่โอกาสตัวเองมีน้อยเกินไป เขาตัดสินใจไม่ยอมต่อสัญญากับสโมสร และมองว่าตอนที่ตัวเองกำลังจะอายุครบ 20 ปีในช่วงกลางปี 2020 เขาควรย้ายออกไปหาโอกาสกับทีมอื่นมากกว่า
อันที่จริง โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ไม่ต้องการจะเสียกองกลางที่มีพรสวรรค์อย่าง แองเจิล โกเมส ออกจากทีมไปเลย เขาพยายามให้สโมสรมอบสัญญาดีๆ ให้กับโกเมสอยู่กับทีมต่อด้วยซ้ำ
แต่เนื่องจากในช่วงที่โซลชาร์คุม แมนฯ ยูไนเต็ด ในซีซั่น 2019-20 ทีมปีศาจแดงมีกองกลางระดับซีเนียร์มากมายทั้ง บรูโน่ แฟร์นันด์ส, ปอล ป็อกบา, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, เฟร็ด และ เนมานย่า มาติช โดยที่ช่วงเวลานั้น โซลชาร์ไม่มีแผนจะขายใครคนไหนออกจากทีมเลย นั่นทำให้ แองเจิล โกเมส รู้ตัวดี ว่าขืนอยู่ต่อไป ก็คงทำได้แค่ใช้เวลาในทีมเยาวชนเป็นหลักแน่
โกเมสเคยเปิดใจกับ ดิ แอธเลติก ถึงเหตุผลที่ต้องจำใจอำลาสโมสรที่เขาเคยอยู่ด้วยนานถึง 14 ปีตั้งแต่อายุ 6 ขวบ จนกระทั่งเข้าสู่วัยย่างเข้า 20 ปีว่า “ปีสุดท้ายที่ยุไนเต็ด มันคือหนึ่งในสิ่งที่ยากที่สุดที่ผมเคยทำในกีฬาฟุตบอล”
“ผมไม่มีส่วนร่วม ผมไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ผมได้เห็นผู้คนทำได้ดี ลงซ้อมทุกสัปดาห์ แต่ไม่ได้โอกาสลงเล่นเลย”
“เมื่อผมพูดถึงเรื่องการซ้อม ผมหมายถึงการมีมาตรฐานที่สูง แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงสุดสัปดาห์และมันไม่มีค่าอะไรเลย มันก็รู้สึกเหมือนว่าคุณเสียเวลาเปล่า”
ย้ายออกจากผี ได้ดีเพราะมีโอกาสลงเล่น
ในช่วงซัมเมอร์ปี 2020 แองเจิล โกเมส ย้ายซบลีลล์ สโมสรใน ลีก เอิง ของฝรั่งเศสแบบไม่มีค่าตัว ด้วยสัญญายาว 5 ปี และถูกปล่อยให้เบาวิสต้า ทีมในลีกสูงสุดโปรตุเกสยืมใช้งานตลอดทั้งฤดูกาล 2020-21 ซึ่งการได้โอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่อย่างสม่ำเสมอนี้เอง ทำให้โกเมสได้ปล่อยของออกมา
เขายิงไป 6 ประตู ทำแอสซิสต์อีก 6 ลูก จากการได้ลงเล่นให้เบาวิสต้าถึง 30 นัดในลีกแดนฝอยทองซีซั่น 2020-21 โดยได้ออกสตาร์ทเป็น 11 คนแรกถึง 29 นัด ซึ่งหนึ่งในประตูที่ทำได้ มีลูกยิงจากระยะเกือบครึ่งสนามที่หลายคนพูดถึง ในเกมที่บุกเสมอโมไรเรนเซ่ 1-1 เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2020
ในฤดูกาล 2021-22 โกเมสถูกลีลล์เรียกตัวกลับไปใช้งาน แต่เขายังไม่ได้เป็นตัวหลักของทีมอย่างสม่ำเสมอมากนัก จนกระทั่งซีซั่น 2022-23 ก็เกิดจุดเปลี่ยนในเส้นทางค้าแข้งของเขา เพราะลีลล์เปลี่ยนตัวกุนซือจาก โฌซแล็ง กูร์กเวนเน็ก ไปเป็น เปาโล ฟอนเซก้า ซึ่งฟอนเซก้าปรับตำแหน่งให้ แองเจิล โกเมส เปลี่ยนจากมิดฟิลด์ตัวรุก ถอยลงต่ำไปทำเกมตรงกลางสนามให้มากขึ้น และได้กลายเป็นตัวจริงของทีมอย่างสม่ำเสมอแทน
ฤดูกาล 2022-23 แองเจิล โกเมส กลายเป็นมิดฟิลด์ตัวหลักของลีลล์อย่างเต็มตัว โดยได้ออกสตาร์ทในเกมลีกมากถึง 34 นัดจากโอกาสลงเล่นถึง 36 เกม เขาทำสถิติที่โดดเด่นด้วยการมีอัตราการผ่านบอลแม่นยำใน ลีก เอิง ถึง 87.89% ซึ่งเป็นกองกลางที่จ่ายบอลสำเร็จมากเป็นอันดับต้นๆ ของลีก และทำแอสซิสต์ได้ถึง 6 ลูก
นอกจากฟอร์มกับต้นสังกัดในฝรั่งเศสจะไปได้สวยแล้ว ในช่วงซัมเมอร์ปี 2023 โกเมสยังเป็นแกนหลัก ช่วยให้ทีมชาติอังกฤษชุดอายุไม่เกิน 21 ปีคว้าแชมป์ยุโรปด้วยสถิติชนะ 100% ตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์แบบไม่เสียประตูด้วย โดยเป็นหนึ่งในนักเตะที่เด่นที่สุดของทีมกับบทบาทกองกลางตัวยืนต่ำ
จากนั้นใน ลีก เอิง ฤดูกาลที่แล้ว โกเมสยังสานต่อฟอร์มโดดเด่นกับการเล่นเป็นกองกลาง เขาคืออันดับ 1 ร่วมของนักเตะที่ทำแอสซิสต์ได้มากที่สุดด้วยจำนวน 8 ลูก แม้จะยิงประตูไม่ได้แม้แต่ลูกเดียว แต่คุณภาพการจ่ายบอลของเขาที่ยกระดับความแม่นยำเพิ่มขึ้นเป็น 91.3% ทำให้หลายคนเริ่มพูดถึงประเด็นที่ว่า แองเจิล โกเมส ควรได้โอกาสติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ได้แล้ว เพราะในวัยย่างเข้า 24 ปี เขาพร้อมเต็มที่ที่จะเล่นในระดับสูง และมีประสบการณ์ในฟุตบอลยุโรปแล้วอย่างเหลือเฟือ
สุดท้ายเมื่อ แกเร็ธ เซาธ์เกต ลาออกจากตำแหน่งกุนซือทีมสิงโตคำรามหลังจบศึกยูโร 2024 ที่แพ้สเปน 1-2 ในนัดชิง แล้วเป็นเฮดโค้ชจากทีมชุดอายุไม่เกิน 21 ปีที่พาทีมสิงโตชุดเล็กคว้าแชมป์ยุโรปได้เมื่อปีที่แล้ว และมี แองเจิล โกเมส เป็นกำลังสำคัญของทีมชุดนั้นขึ้นมาคุมทีมชุดใหญ่แทน โอกาสของโกเมสที่จะเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ก็มาถึงในที่สุด
Picks and Pick'em is here!
More teams, more wins. Join a public league and draft instantly.