อันโตนิน ปาเนนกา : จุดโทษนั้นทำลายชีวิตนักเตะของผม

Maruak Tanniyom

August 12, 2024 · 1 min read

อันโตนิน ปาเนนกา : จุดโทษนั้นทำลายชีวิตนักเตะของผม
Football | August 12, 2024

มันคือจุดโทษ ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาล…

แม้ว่าหลังเกมนัดชิงชนะเลิศยูโร 1976 ผู้คนจะให้เกียรติด้วยการเอาชื่อของ อันโตนิน ปาเนนกา ไปตั้งชื่อ “จุดโทษปาเนนกา” วิธียิงสุดคลาสสิคที่ชิพบอลไปกลางประตู ทว่า สำหรับตัวเขาเองกลับไม่ได้ชอบมันแม้แต่น้อย

เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ? ติดตามไปพร้อมกัน

อันที่จริง ปาเนนกา ก็เป็นคนที่ชอบการดวลจุดโทษมาแต่ไหนแต่ไร เพราะทุกวัน หลังภารกิจฝึกซ้อมกับโมฮีเมียน ปราก เสร็จสิ้น เขาและ เซเด็ค ฮรุสกา ผู้รักษาประตูกับทีม จะฝึกซ้อมการยิงจุดโทษกันต่อ

มันเป็นการซ้อมส่วนตัว และมีกฎแค่ว่า ปาเนนกา จะมีโอกาสยิงทั้งหมด 5 ลูก แต่ถ้าหาก ฮรุสกา เซฟได้แม้แต่ลูกเดียว เขาจะต้องเป็นฝ่ายเลี้ยงเบียร์ หรือช็อกโกแลต ให้แก่คู่ซ้อม

“ผมต้องจ่ายเงินให้เขาตลอด” ปาเนนกากล่าว

“ทุกเย็นผมต้องคิดหาวิธีเอาชนะเขา แล้วผมก็ตระหนักได้ว่าตอนที่ผมวิ่งขึ้นไป ผู้รักษาประตูจะรอจนถึงวินาทีสุดท้าย แล้วค่อยวัดดวงว่าจะพุ่งไปซ้ายหรือขวา”

“ผมก็เลยคิดได้ว่า ‘จะเป็นอย่างไร หากผมยิงไปเกือบกึ่งกลางประตู”

เขาเลยลองทำดู โดยสลับกับการยิงจุดโทษแบบปกติ และพบว่ามันทำให้ ฮรุสกา คู่ซ้อมของเขาเกิดความลังเลพอสมควร และทำให้เขาชนะการดวลบ่อยขึ้น

ทว่า ปาเนนกา ไม่หยุดแค่นั้น เขาได้ลองเอาวิธียิงจุดโทษแบบนี้มาใช้ในการแข่งขันจริง โดยเริ่มจากเกมกระชับมิตรกับสโมสรท้องถิ่น เกมลีก ทีมชาติ ไปจนถึงนัดชิงชนะเลิศยูโร 1976 กับเยอรมันตะวันตก ที่เป็นลูกตัดสินที่ทำให้พวกเขาเป็นแชมป์ยุโรป

“ผมไม่เคยปิดบังเรื่องนี้ ผู้คนที่นี่ (เช็กโกสเลวาเกีย) ต่างรู้ดีในเรื่องนี้” ปาเนนกา อธิบาย

“แต่ในตะวันตก ในประเทศชั้นนำด้านฟุตบอล ไม่มีใครสนใจฟุตบอลเช็กเกสโลวาเกียเลย บางทีพวกเขาอาจจะตามการแข่งขันอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ดูเกมของเรา”

ทั้งนี้ แม้ว่าจุดโทษลูกนั้น จะทำให้ ปาเนนกา มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก แถมชื่อของเขายังถูกนำไปตั้งเป็นชื่อเล่นของจุดโทษลักษณะนี้ว่า “จุดโทษปาเนนกา” แต่สำหรับ ตัวเขาเอง มันกลับทำให้เขารู้สึกแย่พอสมควร

ประการแรกคือ จุดโทษดังกล่าว ได้ทำให้ เซปป์ ไมเออร์ ผู้รักษาประตูเยอรมันตะวันตก ในเกมนัดชิงฯ 1976 โกรธแค้น ปาเนนกา ถึงขั้นไม่มองหน้า เนื่องจากมองว่าเพลย์เมกเกอร์จากเชกโกสโลวาเกีย ดูถูกด้วยการยิงแบบนั้น แม้ว่าเขาจะยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนานั้นก็ตาม

“นักข่าวต่างประเทศบางคน โดยเฉพาะจากตะวันตก ยืนยันว่าผมล้อเลียน ไมเออร์ ว่าผมทำให้เขาเป็นตัวตลกทำนองนั้น” ปาเนนกากล่าว

“มันไม่จริงเลย สำหรับผม มันเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการยิงประตู แต่ ไมเออร์ เชื่อนักข่าวเหล่านั้นที่เขียนบทความว่าผมล้อเลียนเขา”

“เมื่อไรที่เขาได้ยินคำว่า ‘ปาเนนกา’ เขาจะรู้สึกไม่พอใจมาก แต่ตอบโต้อย่างหงุดหงิด เขาไม่คุยกับผมอีกเลยในอีก 35 ปีต่อมา”

ทั้งนี้ เมื่อเวลาผ่านไป มันก็เริ่มดีขึ้น หลังจากนักเตะระดับโลกหลายคนนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย ที่ทำให้ ไมเออร์ ไม่รู้สึกว่าเขาอับอายอยู่คนเดียว เขาเริ่มคุยกับ ปาเนนกา ได้ และการเจอกันครั้งล่าสุด พวกเขาก็ออกไปกินเบียร์ด้วยกัน

“ครั้งล่าสุดที่ผมเจอเขาสัก 4-5 ปีก่อน มีการจัดการแถลงข่าวของเยอรมันที่กรุงปราก ผมสังเกตว่าเขาไม่ได้โกรธหรือหงุดหงิดผมอีกแล้ว เราไปดื่มเบียร์และเล่นกอล์ฟด้วยกัน” ปาเนนกากล่าว

“เขายิ้มให้กับจุดโทษนี้แล้วด้วยซ้ำ ตอนเขาเห็นผมครั้งแรกในทรริปล่าสุด เขาชี้นิ้วมาที่ผม และชี้ไปที่วิถีของลูกที่ชิพมาด้วยมือของเขา”

แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ได้รู้สึกดีใจที่ผู้คนยังคงพูดถึงจุดโทษปาเนนกา แม้กระทั่งในปัจจุบัน เนื่องจากมันทำให้ผลงานที่เขาอุตส่าห์สั่งสมมาถูกละเลยไป

“ผมค่อนข้างไม่ค่อยพอใจกับเรื่องนี้” ปาเนนกา กล่าวถึงจุดโทษในปี 1976

“ในแง่หนึ่งผมภูมิใจนะที่ได้คิดค้นจุดโทษนี้ขึ้นมา และมันก็ดังมากๆ หรือถูกทำซ้ำจากนักเตะเก่งๆ และเป็นเรื่องจริงที่หากเอ่ยถึงชื่อปาเนนกา ผู้คนก็จะนึกถึง ‘จุดโทษของปาเนนกา’”

“แต่ในอีกแง่หนึ่งจุดโทษนี้ก็ทำลายชีวิตของผมจนหมดสิ้น”

ปาเนนกา มองว่าอันที่จริงตัวเขาเองโชว์ฟอร์มได้ไม่เลว ไม่ว่าจะทีมชาติที่เป็นคีย์แมนช่วยให้ เช็กโกสโลวาเกีย ผงาดขึ้นไปคว้าแชมป์ยูโร 1976 และอันดับ 3 ในอีก 4 ปีต่อมา หรือกับสโมสร ที่โดดเด่นในสีเสื้อของ ราปิด เวียน ด้วยผลงาน 77 ประตูจาก 172 นัด พร้อมพาทีมคว้าแชมป์ลีกออสเตรียได้ถึง 2 สมัย

นอกจากนี้ เขายังเป็นนักเตะที่มีลีลาเหลือร้าย จ่ายบอลแม่นยำ และมีลูกยิงที่คมกริบ จนเคยก้าวขึ้นไปคว้าดาวซัลโว (ร่วม) ในศึกคัพวินเนอร์สคัพฤดูกาล 1984-1985 ด้วยการซัดไปถึง 5 ประตูจาก 7 นัด และทำให้ ราปิด เวียน ก้าวไปถึงตำแหน่งรองแชมป์ดังกล่าว

ทว่าพอพูดถึง ปาเนนกา ผู้คนก็เอาแต่พูดถึงวิธีการยิงจุดโทษ มากกว่าผลงานของเขา จนทำให้ตัวตนของ ปาเนนกา ถูกฝังไว้ภายใต้สิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาเอง ราวกับคำสาปที่จะตามติดเขาไปจนวันสุดท้ายของชีวิต