ทำกันได้: ดรีมทีมไทยเคยไล่อัดทีมชาติเยอรมันยับ ก่อนมารู้ทีหลังว่าโดนต้ม
ฟุตบอลคิงส์คัพ ถือเป็นทัวร์นาเมนต์สำคัญที่ทำให้ทีมชาติไทยได้มีโอกาสลับแข้งกับทีมต่างประเทศมาตั้งแต่อดีต ที่ทำให้รายการนี้ได้ต้อนรับแข้งระดับโลกมาแล้วหลายราย
หนึ่งในนั้นคือทีมชาติเยอรมัน ที่ยกพลมาเยือนไทยเป็นคำรบสอง ในปี 1994 ก่อนจะมาโดนฤทธิ์เดชของ “ดรีมทีม” หรือทีมชาติไทย บี ไล่ตบอย่างยับเยินในนัดชิงชนะเลิศ
ทว่า เมื่อดูจากหน้าตาของนักเตะในชุดนั้น กลับไม่คุ้นเลยสักนิด ก่อนจะรู้ภายหลังว่า โดนเข้าเสียแล้ว
ติดตามเรื่องราวนี้ไปพร้อมกัน
ปี 1994 ถือเป็นปีสำคัญของทีมชาติไทย เพราะนับตั้งแต่ก่อตั้ง “ดรีมทีม” เมื่อ 2 ปีก่อน นี่จะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาจะได้วัดฝีเท้ากับทีมจากยุโรป หลังได้เข้าร่วมในศึกฟุตบอลพระราชทานคิงส์คัพในฐานะ ทีมชาติไทยบี
อันที่จริง ทีมชาติไทยบี หรือดรีมทีมในตอนนั้น กำลังอยู่ในช่วงมั่นใจ หลังเพิ่งคว้าแชมป์ฟุตบอลซีเกมส์ครั้งที่ 17 ด้วยการเอาชนะเจ้าภาพสิงคโปร์ไปอย่างสุดมัน 4-3
ทั้งนี้ด้วยรูปแบบของการแข่งขันที่ใช้ระบบแบ่งกลุ่มในรอบแรก แล้วเอาแชมป์และรองแชมป์ ของแต่ละกลุ่มเข้าไปเตะในรอบรองชนะเลิศ ทำให้ ทีมชาติไทย บี ต้องโคจรมาอยู่ในกลุ่มค่อนข้างแข็ง ที่มีทีมชาติเยอรมัน, ทีมชาติญี่ปุ่นเป็น รวมถึงทีมชาติจีนเป็นเพื่อนร่วมสาย
แต่ถึงอย่างนั้น ดรีมทีมที่อุดมไปด้วยเหล่าดาวรุ่งฝีเท้าดีอย่าง เกียติศักดิ์ เสนาเมือง, ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล หรือ ตะวัน ศรีปาน กลับทำผลงานได้ไม่เลว ด้วยการคว้าชัยเหนือจีน 2-1 ในนัดแรก ต่อด้วยเฉือนชนะญี่ปุ่น 2-1 ในเกมที่สอง ทำให้นัดส่งท้ายแม้จะพ่ายต่อทีมชาติเยอรมัน 0-1 ก็ยังเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม
รอบรองชนะเลิศ ทีมชาติไทย บี ก็ยังรักษาฟอร์มเก่ง เมื่อสามารถต้านทานเกมรุกของ โรตอร์ โวลโกการ์ด สโมสรจากรัสเซียไว้ได้ทั้งหมด ก่อนจะได้ประตูชัย 1-0 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศได้สำเร็จ
ในนัดชิงแชมป์ นอกจากไทยบี จะได้ล้างตากับทีมชาติเยอรมันอีกครั้ง หลังเสียท่ามาในรอบแรก พวกเขายังมีโอกาสได้แก้แค้นให้รุ่นพี่ ทีมชาติไทย เอ ที่พ่ายมา 4-6 ในรอบรองชนะเลิศ
และไม่รู้ว่า ไทยบี ไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหน เมื่อพวกเขาไม่เกรงศักดิ์ศรีแชมป์โลก 3 สมัยเลย โดยเปิดเกมสู้ตั้งแต่นาทีแรก ก่อนจะไล่อัดทีมชาติเยอรมันไปอย่างขาดลอย 4-0 คว้าแชมป์คิงส์คัพไปอย่างยิ่งใหญ่
ความสำเร็จดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการนำแชมป์ใบนี้กลับมาสู่อ้อมอกชาวไทยอีกครั้ง แต่ยังทำให้เกิดกระแส “ดรีมทีม” ไปทั่วประเทศ จนถึงขั้นมีขบวนแห่ถ้วยแชมป์ ขณะที่ดาวเด่นของทีมอย่าง “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ ก็ยังถูกทาบทามไปเป็นพรีเซนเตอร์เครื่องดื่มชื่อดังอีกด้วย
มันคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชาวไทยหลายคนเชื่อว่า นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ฟุตบอลไทย สามารถไปไกลถึงระดับโลก เพราะขนาดทีมชาติเยอรมัน เราก็ไล่ถล่มแบบไม่ไว้หน้ามาแล้ว
อย่างไรก็ดี ความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะอย่างที่ทราบกันดี ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ “ช้างศึก” ก็ไม่เคยเข้าใกล้สังเวียนระดับโลกได้เลย ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลโลก หรือแม้กระทั่งโอลิมปิก แล้วอย่างนั้นฟอร์มที่ไล่ถล่มทีมชาติเยอรมันอย่างย่อยยับเกิดขึ้นอย่างไร?
และกว่าที่จะคลายข้อสงสัยก็ผ่านเวลามาหลายปีจนถึงยุคอินเตอร์เน็ต ที่สามารถสืบค้นข้อมูลได้ และทำให้รู้ว่า ขุนพลอินทรีเหล็ก ที่มาเตะคิงส์คัพในปี 1994 นั่นคือของปลอม
แม้ว่าพวกเขาจะสวมชุดทีมชาติเยอรมัน ที่มีตราอินทรีเหล็กอยู่บนหน้าอก แต่ผู้เล่นทั้งหมดคือทีมรวมดาราในลีกสมัครเล่นของเยอรมัน เรียกว่าแฟนบอลโดนสมาคมฟุตบอลต้มจนเปื่อย
ทั้งนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่สมาคมฯ เชิญทีมชาติปลอมลงเตะในคิงส์คัพ เพราะก่อนหน้านั้นก็ทำมาตลอด ไม่ว่าจะเป็น ทีมกองทัพบกเกาหลีเหนือ ที่ติ๊ต่างว่าเป็นทีมชาติเกาหลีเหนือในปี 1981 หรือ ออสเตรเลียตะวันตก ที่บอกว่าเป็นทีมชาติออสเตรเลียในปี 1984
หรืออันที่จริง การใช้ทีมชาติสมัครเล่น มาใส่ชุดทีมชาติเยอรมัน แล้วบอกว่านี่คือทีมชาติชุดใหญ่ ก็เคยทำมาแล้วครั้งหนึ่งในปี 1992 โดยครั้งนั้นเป็น เอฟซี เบอร์ลิน ที่ได้รับบทนี้แทน
อย่างไรก็ดี การเชิญทีมชาติปลอมมาเตะในคิงส์คัพลักษณะนี้ แทบไม่มีแล้วในปัจจุบัน เนื่องจากผู้คนสามารถใช้อินเตอร์เน็ต สืบค้นข้อมูลได้ง่ายขึ้น ทำให้การลักไก่แบบในอดีตทำไม่ได้อีกแล้ว
บวกกับมุมมองของผู้บริหารยุคใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพคู่แข่ง มากกว่าภาพลักษณ์ในผลการแข่งขัน ทำให้แม้ว่าทีมที่เขาร่วมจะไม่ใช่ทีมดัง แต่ก็สามารถเชื่อมั่นในประโยชน์ที่ทีมชาติชุดใหญ่ จะได้รับในทัวร์นาเมนต์นี้อย่างแน่นอน
และที่สำคัญสำหรับคิงส์คัพ 2024 ที่จะเป็นครั้งแรกที่จะจัดขึ้นที่จังหวัดสงขลา โดยมี 3 ทีมจากเอเชียอย่าง ทาจิกิสถาน, ซีเรีย และ ฟิลิปปินส์ เข้าร่วมชิงชัย
ร่วมเป็นกำลังใจให้ทัพช้างศึก ไปพร้อมกันทางหน้าจอผ่านไทยรัฐ ทีวี HD ช่อง 32 ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคมเป็นต้นไป
Picks and Pick'em is here!
More teams, more wins. Join a public league and draft instantly.