คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พูดคุยกับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตตำนานกองหลังเพื่อนร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่องยูทูบที่ชื่อว่า UR · Cristianoของตัวเอง โดยที่อดีตเซนเตอร์แบ็กทีมชาติอังกฤษที่เป็นแขกรับเชิญทำหน้าที่ถามคำถามเป็นหลัก ส่วนซูเปอร์สตาร์กัปตันทีมชาติโปรตุเกสของ อัล-นาสเซอร์ ก็ตอบอย่างเปิดใจ
คลิปล่าสุดที่โรนัลโด้ลงใน channel ของตัวเองนั้น เนื้อหาหลักๆ จะเป็นการพูดถึงมุมมองที่สตาร์วัย 39 ปีมีต่อ เรอัล มาดริด ซึ่งเป็นสโมสรที่เขาประสบความสำเร็จมากที่สุดในอาชีพค้าแข้ง และเผยเคล็ดลับที่ทำให้เจ้าตัวยังยืนระยะเล่นในระดับสูงได้อย่างยาวนาน
เฟอร์ดินานด์ : ก่อนอื่นเลย นายคิดยังไงกับฤดูกาลที่แล้วของพวกเขา (คว้าแชมป์ ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า, ลา ลีกา และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก)
โรนัลโด้ : พวกเขาดูดีมากๆ พวกเขาคือทีมที่ดูไม่ร้อนรนภายใต้ความกดดัน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเขายอดเยี่ยม ผู้คนชอบบอกว่าพวกเขาโชคดีใน แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่พวกเขาไม่ได้ใช้โชคเลย พวกเขาใช้สมอง พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์เหล่านี้ แล้วบรรยากาศที่เบร์นาเบวมันมีความแตกต่าง นายเข้าใจใช่ไหม?
เฟอร์ดินานด์ : พลังงานมันแตกต่างกันสินะ?
โรนัลโด้ : พลังงานมันแตกต่างกัน แล้วเมื่อทีมใหญ่ไปเยือนที่นั่นแล้วยิงประตูได้ พอถึงนาทีที่ 85 หรือนาทีที่ 90 ความกดดันมันหนักหน่วงมาก สำหรับผมแล้วนั่นคือสโมสรที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอล
คุณจะบอกว่าพวกเขาอาจจะดีขึ้นกว่านี้ได้อีก หรือไปในทิศทางไหน เราไม่รู้เลย รอดูกัน ตอนนี้เอ็มบัปเป้ย้ายไปที่นั่นแล้ว ผมคิดว่า เรอัล มาดริด ยังแข็งแกร่ง แต่ผมไม่รู้ว่าพวกเขาจะดีกว่าฤดูกาลที่แล้วหรือเปล่า ก็ต้องรอดูกัน มีแค่พระเจ้าที่รู้
พวกเขามีนักเตะที่มหัศจรรย์หลายคน ฉันเชื่อว่าพวกเขาจะเป็นทีมที่ดีที่สุดในโลก
เฟอร์ดินานด์ : นายทำสถิติยิงประตูด้วยตัวเลขที่บ้าคลั่งได้ต่อเนื่องทุกๆ ปีในบรรยากาศที่กดดันมากๆ อย่างที่เบร์นาเบวได้ยังไงน่ะ?
โรนัลโด้ : ฉันคว้าโทรฟี่มากมาย ฉันคว้าแชมป์ได้ทุกอย่างที่นั่น และฉันเป็นเจ้าของสถิตินักเตะที่ยิงประตูได้มากที่สุดของสโมสร สำหรับฉันแล้วนั่นคือเรื่องน่าชื่นชมยินดีที่ได้เล่นให้ เรอัล มาดริด นานถึง 9 ฤดูกาล ได้คว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก และคว้ารางวัลรองเท้าทองคำ รวมถึงประสบความสำเร็จทุกอย่างที่นั่น ฉันรักที่นั่นนะ
เฟอร์ดินานด์ : ฉันอยากจะพูดเรื่องตอนที่นายย้ายไปที่นั่น เพราะนายก็เห็นว่า คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ย้ายไปที่นั่นแล้ว และเราก็จับตาดูเขา แต่มันจะเป็นเหมือนกันสำหรับเขาไหม เมื่อเทียบกับตอนที่นายย้ายไปที่นั่น? ความกดดันมันจะเป็นยังไงในห้องแต่งตัว? เพราะเหมือนกับว่าเราเคยคุยกันเมื่อหลายปีก่อน แล้วนายบอกว่ามีพวกนักเตะสเปนที่เป็นรุ่นใหญ่ที่นั่น มันจึงยากที่จะเข้ากับคนในห้องแต่งตัว
โรนัลโด้ : ฉันเคยเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลก มันเป็นความกดดันนะ แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็เชื่อมั่นในตัวเอง ถ้าหากฉันเคยเป็นนักเตะที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีก และเคยคว้าลูกบอลทองคำ (บัลลง ดอร์) กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ เคยคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก และแชมป์ลีกได้ ฉันก็รู้ว่าฉันจะทำได้ดี ฉันรู้เพราะว่าฉันเคยบอกนายแล้วว่าฉันเชื่อในความสามารถและพรสวรรค์ของตัวเอง
มันยากแหละ เพราะมันคือประเทศที่ต่างไปจากเดิม ฉันต้องปรับตัวตอนอายุ 24 ปี ซึ่งถือว่ายังเด็ก แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นเรื่องแง่บวกมากๆ ที่ได้อยู่กับสโมสรที่ดีที่สุดในโลก
ฉันเคยบอกว่าฉันจะสร้างประวัติศาสตร์กับสโมสรแห่งนี้ เหมือนกับที่เคยทำได้ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มันคือความท้าทายสำหรับฉัน แต่อย่างที่นายรู้ ฉันเป็นพวกชอบความท้าทาย ฉันอยากโชว์ให้ผู้คนเห็นว่าพวกเขาคิดผิด แม้กระทั่งด้วยอายุของฉันตอนนี้ คนก็ยังพูดเกี่ยวกับมัน แต่ฉันชอบพิสูจน์ให้เห็นในทางตรงกันข้ามกับความคิดของคน นั่นคือความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของฉัน และฉันมีความสุขมากๆ ที่เคยได้เล่นให้ เรอัล มาดริด
เฟอร์ดินานด์ : อะไรที่มันจะกลายเป็นปัญหาของ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ และอะไรที่เขาจำเป็นต้องทำเมื่อย้ายไปที่นั่น?
โรนัลโด้ : ฉันคิดว่าคุณต้องเล่นให้ดีก่อน ถ้าจะให้พูดตรงๆ เพราะโครงสร้างของสโมสรนั้นมันยอดเยี่ยม มันแข็งแกร่ง และพวกเขามีโค้ชที่ยิ่งใหญ่ และมีประธานสโมสรที่อยู่ที่นั่นเป็นเวลานานหลายปี
ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นปัญหาใหญ่อะไรสำหรับเขา มันจะไม่ใช่ปัญหาเลย เพราะมันคือความท้าทายของเขา และเขาแสดงให้เห็นมาแล้วว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง
ฉันคิดว่าเขาจะไปได้สวย ด้วยความสัตย์จริง เพราะในความคิดของฉัน เขาน่าจะเป็นผู้คว้า บัลลง ดอร์ คนต่อไปได้ ในอีกหลายปีต่อจากนี้ มันอาจจะเป็น ฮาลันด์, เบลลิงแฮม หรือ ลามีน (ยามาล) ฉันคิดว่าพวกนักเตะรุ่นใหม่ๆ มีศักยภาพสูงมาก แต่ฉันเชื่อว่าเขาจะทำได้ดีมากๆ
เฟอร์ดินานด์ : ฉันมองไปที่ทีมของนาย (ทีมชาติโปรตุเกส) และฉันทึ่งด้วยอายุของนายกับระดับที่นายกับเปเป้เล่น ช่วยบอกถึงเคล็ดลับที่ทำให้เล่นได้นานจนถึงอายุ 40 ปีหน่อยสิ มันบ้ามากเลยนะ อย่างฉันคงเล่นไม่ได้แล้วตอนอายุ 40 กว่า
โรนัลโด้ : ฉันเล่นช่วงต่อเวลา 1 นัด (ในศึกยูโร 2024) ต่อเวลาเกมนึงก็ประมาณ 40 นาที แล้วอีก 4 วันฉันก็ลงเล่นถึงช่วงต่อเวลาอีก ซึ่งผู้คนไม่ค่อยชื่นชมกันเท่าไรนัก
พวกเขามักจะบ่นว่า “จะลงทำไม? จะลงทำไม?” แต่โอเค นี่มันคือสิ่งที่ฉันจะทำ และในเกมกับจอร์เจีย (นัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มยูโร) ฉันเล่นแค่ประมาณ 60 นาที ฉันไม่ได้ลงเล่นทุกนาทีนะ
มันคือเรื่องของการยืนระยะได้ยาวนาน และทัศนคติ เมื่อคุณไปถึงช่วงอายุหนึ่ง สิ่งที่มันจะแตกต่างไปคือความคิด ไม่ใช่ร่างกายอีกแล้ว เพราะร่างกายมันจะมีความทรงจำอยู่ นายเข้าใจใช่ไหม ถ้าหากนายดูแลร่างกายได้ดีเป็นเวลา 10-15 ปี ร่างกายมันจะเคารพนาย ถ้าหากนายดูแลมันได้ดี
หลังจากนั้นมันจะเป็นระบบความคิดของนายแล้ว ว่านายอยากจะเล่นต่ออีก 4-5 ปีหรือเปล่า เพราะในทุกๆ กีฬา อายุเฉลี่ยของผู้เล่นตอนที่เลิกเล่นจะอยู่ที่ประมาณ 30-40 ปี ถ้าหากนายดูนักเทนนิส, นักแข่ง ฟอร์มูล่า วัน หรือนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม เมื่อไปถึงอายุขนาดนั้น จะเริ่มเสียฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน และเสียทุกๆ อย่างของร่างกายไป มันคือเรื่องปกติของชีวิต แต่ฉันกับเปเป้คือตัวอย่างที่ดี เพราะพวกเราดูแลร่างกายกันดีมาเป็นเวลานานหลายปีมากๆ นอกสนามเขาก็เป็นคนดี และเป็นมืออาชีพมาก
เฟอร์ดินานด์ : ตอนที่นายสามารถจบฤดูกาลที่คว้าแชมป์ได้แล้วทุกอย่าง และคว้า บัลลง ดอร์ มาได้ ทัศนคติของนายตอนที่ซีซั่นจบแล้วมันเป็นยังไงสำหรับการเดินหน้าต่อ?
โรนัลโด้ : คำเดียวที่ฉันอยากจะนิยามคือ “กระตือรือร้น” นั่นคือเหตุผลที่ฉันดินเนอร์เมื่อคืนนี้กับครอบครัว และกับแม่ฉัน และเราได้พูดคุยเรื่องสถานการณ์ที่มันเกิดขึ้นในศึกยูโร นั่นคือความกระตือรือร้นที่ฉันยังคงมีต่อฟุตบอล ฉันเสพติดฟุตบอล ฉันเสพติดการทำประตู และการเล่นในระดับที่ดีแม้ในวัยของฉันตอนนี้ เพราะฉันรักมันนะ
เฟอร์ดินานด์ : บ้าไปแล้ว มันถึงวัยต้องพักผ่อนแล้วเพื่อน
ทีนี้มาพูดถึงเรื่องการยืนระยะเล่นได้นาน บางคนหยุดเส้นทางอาชีพสั้นกว่าที่ฉันคิด เพราะฉันคิดว่าเขาน่าจะเล่นต่อไปอีกได้อย่างเช่น โทนี่ โครส นายลองบอกอะไรเกี่ยวกับเขากับฉันหน่อย แน่นอนว่านายเคยเล่นกับเขาที่ เรอัล มาดริด เขาเป็นยังไงบ้าง?
โรนัลโด้ : มันเป็นเรื่องของวิธีการมองฟุตบอล วิธีการมองชีวิตของแต่ละคน เราไม่รู้ว่าเบื้องหลังชีวิตของเขานอกจากฟุตบอลแล้ว มันเกิดอะไรขึ้น เราต้องเคารพเขา
เพราะผู้คนเห็นว่าตอนนี้มีคนที่เล่นที่ได้นานกว่า แต่พวกเราทุกคนไม่เหมือนกัน นายเข้าใจใช่ไหม ฉันเคารพการตัดสินใจของเขา เพราะเขาเป็นคนประเภทที่ว่าพูดอะไรแล้วเขาจะทำ
ถ้านายถามฉันว่า คิดว่าเขาน่าจะเล่นได้ต่ออีก 2-3 ปีหรือเปล่า ฉันจะบอกว่าใช่ แต่บางทีคุณอาจจะมีปัญหาอย่างอื่นที่คุณไม่ต้องการจะใช้เวลาเต็มที่กับฟุตบอลอีกแล้วก็ได้ และคุณต้องเคารพเขา
พรีเมียร์ลีกเดินทางมาถึงสัปดาห์ที 12 แล้ว โดยสัปดาห์นี้มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมายที่ทั้งเป็นไปตามคาดและสุดแสนจะพลิกล็อค จะมีเหตุการณ์อะไรบ้าง ไปดูกัน 1.ทีมใหญ่ยังคงรักษามาตรฐานไว้ได้ดี อาร์เซนอลคือทีมที่สามารถเก็บผลการแข่งขันไปได้แบบน่าพอใจที่สุด หลังเอาชนะน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 3-0 ทั้งๆที่ฤดูกาลนี้ฟอเรสต์ก็ไม่ธรรมดา และนอกจากผลการแข่งขันที่ดีแล้ว ถ้าเราดูรูปเกมก็จะเห็นว่าอาร์เซนอลทำได้ดีมาก…
Full Gear เป็นอีกศึกใหญ่ท้ายปีของ AEW และจะเป็นตัวกลางส่งไปสู่ Worlds End ศึกใหญ่สุดท้ายของปี เรามาดูกันดีกว่าว่าใน Full Gear มีแมตซ์ไหนและเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง แมตซ์ที่ 1 ชิงแชมป์แท็กทีม…
สตีฟ คูเปอร์ ถูก เลสเตอร์ ซิตี้ ปลดออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมเรียบร้อยแล้ว โดยทีมจิ้งจอกสยามได้ประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการเมื่อวันอาทิตย์ หลังจากที่เขาคุมทีมนัดล่าสุดแพ้เชลซีคาบ้าน 1-2 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้เลสเตอร์ไม่ชนะใคร 5 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการ ตกรอบ คาราบาว…
รูเบน อโมริม จะทำหน้าที่คุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงสนามเป็นนัดแรกในเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่จะต้องบุกเยือนน้องใหม่อย่าง อิปสวิช ทาวน์ คืนวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน ซึ่งจากสิ่งที่เฮดโค้ชชาวโปรตุเกสให้สัมภาษณ์ ดูเหมือนว่าเขาน่าจะยึดระบบ "หลัง 3"…
หลังจากที่อาร์เนซอลเอาชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอรเสต์ ไป 3-0 เมื่อคืนนี้ ส่งผลให้อาร์เซนอลทำสถิติเป็นทีมที่ 2 ในอังกฤษที่ทำสถิติเก็บชัยชนะถึง 2,000 นัด ในลีกสูงสุดจากจำนวนลงแข่งทั้งหมด 4,336 นัด เรามาย้อนดูกันหน่อยดีกว่าในในช่วงเวลาที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นบ้างกับอาร์เซนอล…
โนวัค โยโควิช นักเทนนิสมือวางอันดับ 7 ของโลกชาวเซอร์เบียวัย 37 ปี เจ้าของเหรียญทองเทนนิสชายเดี่ยวโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ปารีส และกวาดแชมป์รายการหลักมาครบแล้วทุกรายการในเส้นทางระดับอาชีพ ได้แต่งตั้ง แอนดี้ เมอร์เรย์ อดีตนักเทนนิสชาวสหราชอาณาจักรเป็นโค้ชของตัวเอง…