การตัดสินใจประกาศแขวนสตั๊ดของ โทนี่ โครส เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ถือว่าเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ไม่น้อย เพราะเจ้าตัวเลิกเล่นด้วยวัยเพียง 34 ปีเท่านั้น และหลายคนยังมองว่าเขาสามารถเล่นฟุตบอลระดับสูงต่อไปได้อีกอย่างน้อย 1-2 ปีเลยด้วยซ้ำ
ดิ แอธเลติก ได้ลงบทสัมภาษณ์อดีตกองกลางตัวจ่ายแม่นทีมชาติเยอรมนี ซึ่งโครสได้เปิดใจเกี่ยวกับเบื้องหลังการตัดสินใจแขวนสตั๊ดไว้อย่างละเอียดเลยทีเดียว
ช่วงเวลาที่คุณตัดสินใจแน่วแน่จริงๆ ว่าจะแขวนสตั๊ดมันคือตอนไหน? และคุณบอกใครเป็นคนแรก?
โครส : เราบอกลูกๆ ของเราก่อนเลย มันคือการตัดสินใจของผม แต่ผมก็ตัดสินใจร่วมกับภรรยาของผมด้วย
มันไม่ใช่การตัดสินใจแบบว่าจู่ๆ วันหนึ่ง ผมจะทำแบบนี้ มันเป็นกระบวนการ พวกเราคุยเรื่องนั้นกันมาหลายเดือนแล้ว
ภรรยาผมคือคนที่รู้จักผมดีที่สุด และแทบจะเป็นคนเดียวที่ผมฟัง เธอรู้จักผมดีจนอ่านใจผมได้ มันคือการตัดสินใจร่วมกัน
การตัดสินใจมันเป็นช่วงก่อนหน้าเดือนพฤษภาคมเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ก่อนหน้านั้นมากนัก ประมาณช่วงปลายเดือนมีนาคมไม่ก็ต้นเดือนเมษายน
ผมเคยลังเลมา 3-4 เดือนแล้ว แต่ก็อย่างที่ผมเป็นผม เมื่อผมตัดสินใจแล้วก็ตามนั้น เมื่อการตัดสินใจเกิดขึ้นแล้ว เราบอกลูกๆ ของเราก่อน เพื่อที่พวกเขาจะไม่ต้องไปอ่านเรื่องนั้นจากพื้นที่สื่อ หรือมีใครบางคนไปบอกพวกเขาที่โรงเรียน
จากนั้นผมก็พูดเรื่องนั้นกับคนใกล้ชิดกับผม ซึ่งมีไม่มาก
คนแรกที่รู้เรื่องนี้ที่ เรอัล มาดริด คือใคร?
โครส : คนแรกที่รู้คือโค้ช (คาร์โล อันเชล็อตติ) ด้วยความสัมพันธ์ที่พวกเรามี คาร์โลคือโค้ชคนแรกของผมที่นี่ด้วย ตอนที่ผมย้ายมาเมื่อปี 2014 เขาสมควรจะได้รู้ก่อนคนอื่น
แต่ในวันเดียวกันนั้น ผมก็โทรหา ฟลอเรนติโน่ เปเรซ และ โฆเซ่ อังเคล ซานเชซ (ผู้อำนวยการทั่วไปของ เรอัล มาดริด และเป็นมือขวาของเปเรซ) แล้วก็เป็นเพื่อนร่วมทีมที่ผมเล่นด้วยกันมานาน
ผมเคยคุยกับสโมสรอยู่หลายเดือนและพวกเขาก็ได้รับแจ้งแล้ว แต่การตัดสินใจสุดท้ายเลยจริงๆ ผมติดต่อไปหาคาร์โลก่อน และอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาผมก็บอกท่านประธานฟลอเรนติโน่
มันเป็นช่วงประมาณ 3 วันก่อนที่ผมจะประกาศอย่างเป็นทางการ (วันที่ 21 พฤษภาคม 2024) พวกเขาเก็บมันเป็นความลับและทำให้ผมแฮปปี้ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเชื่อถือได้ มันยากมากที่ข้อมูลมันจะไม่หลุดออกไป และกรณีพิเศษนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผม เพราะมันคือทั้งชีวิตค้าแข้งของผมเลย
พวกเขาสรุปชัดเจนเสมอในการประชุมที่พวกเราคุยกัน ว่าผมสามารถประกาศมันตอนไหนก็ได้ที่ผมต้องการ
พวกเขาก็บอกคุณเช่นกันว่าคุณสามารถต่อสัญญาใหม่ได้ ถ้าคุณต้องการ ถูกไหม?
โครส : ใช่แล้ว มันไม่ใช่ความลับเลย กระบวนการตัดสินใจมันทั้งเศร้าและมีความสุขในเวลาเดียวกัน มันคือตอนจบของวงกลมที่ยอดเยี่ยมร่วมกับผู้คนที่ยอดเยี่ยมมากๆ ในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม
แต่ผมก็แฮปปี้เช่นกันที่ได้เห็นสิ่งที่ผมประสบความสำเร็จ ได้เห็นว่าผู้คนเขาบอกเลาผมยังไง อย่างเช่นในสนามเบร์นาเบว มันยากที่จะอธิบายนะ ผมไม่ได้คาดหวังอะไรกับมันมาก
ใช่ ที่มันมีพิธีอำลา แต่คุณไม่สามารถคาดหวังอะไรแบบนั้นได้
สิ่งนี้มันทำให้คุณมีความสุข ถึงแม้ว่าคุณจะเศร้าเพราะมันคือวันสุดท้ายก็ตาม บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นใน 10 ปีและผู้คนมีความสุขไปกับคุณ มันเป็นความรู้สึกที่ภาคภูมิใจมากกว่า ประมาณว่า “ดูสิ่งที่ฉันทำได้สิ” มากกว่าจะเป็นความเศร้า ซึ่งผมอยากจะอำลาไปในแบบนี้
ไม่มีใครมาบังคับให้ผมหยุดเล่นหรือย้ายออกไป มันคือการตัดสินใจของผม และนั่นคือเหตุผลที่มันเป็นวันที่ง่ายมากที่จะมีความสุข
มันจะมีอะไรที่อาจเปลี่ยนใจคุณได้ไหม? อย่างเช่นถ้าพลาดจุดโทษในเกมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ใน แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือถ้าหาเกมนัดชิงกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มันจบแบบที่ต่างจากนี้?
โครส : ไม่เลย มันไม่ใช่การตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับเกมหรือผลการแข่งขัน
ไม่มีใครแฮปปี้กับมัน บางคนไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาบอกว่ามันไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมเลย ด้วยระดับที่ผมกำลังเล่นได้อยู่
แต่ถึงแม้พวกเขาพยายามโน้มน้าวผม ทุกคนก็ต่ารู้ดีว่าพวกเขาเปลี่ยนใจผมไม่ได้
แล้ววันปกติของคุณตอนนี้ เป็นยังไงบ้าง?
โครส : มันเปลี่ยนไปมากเลย แต่ผมมีความสุขมากๆ ที่ได้จัดระเบียบวันของผมได้มากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมต้องการมาตลอด
ผมมีโปรเจ็กต์ของผม ทั้งการตั้งอะคาเดมี่ที่นี่ การจัดแข่ง The Icon League ที่เยอรมนี แล้วตอนนี้ผมได้ทำพอดแคสต์ร่วมกับพี่ชายผมได้ 4 ปีแล้ว และผมก็มีลูกๆ 3 คน
ตอนนี้คุณพาพวกเขาไปโรงเรียน และทำในสิ่งที่คุณพ่อปกติเขาทำกันมากขึ้นไหม?
โครส : ผมทำแบบนั้นมาตลอดเลย ผมเจอ เอแด็น อาซาร์ ที่โรงเรียนด้วยเช่นกัน และเขาก็ทำแบบนั้นตอนที่ยังเล่นอยู่กับมาดริดด้วย มีนักเตะเยอะมากๆ ที่ยังเล่นอยู่ที่ทำสิ่งนี้น้อยกว่า แต่พวกเรา 2 คนใส่ใจในเรื่องนี้เสมอ
ในตอนเช้า ผมวางแผนจัดเซสชั่นการซ้อมร่วมกับโค้ชของอะคาเดมี่ของผม เราต้องจัดวางสิ่งต่างๆ ให้เป็นระเบียบตั้งแต่ต้น เพื่อที่มันจะได้ทำงานไปในแบบที่ผมต้องการ มันคือโปรเจ็กต์ที่ใหญ่และสำคัญมากสำหรับผม ผมอยากให้มันประสบความสำเร็จ
เราอยากจะตั้งอะคาเดมี่และสโมสรที่มีคุณภาพ เป็นสโมสรที่จะแข่งขันกับหลายๆ ทีมที่นี่ในกรุงมาดริด ผมแค่ไม่ใส่ชื่อตัวเองลงไปกับมัน
ในช่วงเวลา 5 สัปดาห์ ผมหยุดงานไปแค่ 3-4 วันเท่านั้นและมันคือสิ่งที่ผมสนุก ถ้าหากผมทำงานอะไร ผมจะทำมันด้วยใจ
เรื่องนี้ทำให้ผมทึ่ง เพราะความโชคดีที่ผมมีในชีวิต ผมสามารถเลือกทำอะไรก็ได้ มันขึ้นอยู่กับผม และผมเลือกแบบนี้
โฆเซลู และ นาโช่ ย้ายออกจาก เรอัล มาดริด หลังจากจบฤดูกาลที่แล้วไปอยู่กับสโมสรในซาอุดีอาระเบียและกาตาร์
ซึ่งจากสิ่งที่คุณเคยโพสต์เมื่อปีที่แล้วเกี่ยวกับการที่ กาบรี้ เบก้า เซ็นสัญญากับทีมซาอุฯ คือเรื่องน่าอับอาย แล้วการต้อนรับจากแฟนบอลที่นี่ในศึก ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า เมื่อเดือนมกราคม (แฟนบอลที่ซาอุฯ โห่ใส่โครส) มันไม่ใช่สิ่งที่คุณคิด แต่คุณก็ยังไม่เคยพูดถึงเคสของ นาโช่ หรือ โฆเซลู เลย
โครส : ในการยกตัวอย่างนั้นมา คุณจะเห็นความแตกต่างนะ คนที่เคยคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก และเป็นคนที่ใกล้จะแขวนสตั๊ดแล้ว (นาโช่ และ โฆเซลู) มันแตกต่างจากคนที่ย้ายไปเล่นที่นั่นตอนอายุ 21 (เบก้า ย้ายจาก เซลต้า บีโก้ ไป อัล อาห์ลี) แล้วอยากจะเป็นนักเตะที่ดี
การย้ายไปเร็วเกินไปมันจะทำให้คุณออกจากการเป็นนักเตะที่ดีและการคว้าแชมป์ ถ้าหากคุณย้ายไปแต่เนิ่นๆ นะ มันแตกต่างกัน
ผมไม่สนับสนุนให้ใครก็ตามไปที่นั่น แต่มันต่างกันถ้าหากคุณย้ายไปแบบที่ นาโช่ หรือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทำ ในช่วงท้ายของอาชีพพวกเขาและทำทุกอย่างไปแล้ว นั่นคือการเป็นตำนานที่มาดริดและในยุโรป
คุณมีแผนจะเป็นโค้ชบ้างไหม?
โครส : ไม่ ผมจะไม่ไปเป็นโค้ช
คุณไม่แม้แต่จะพิจารณาเลยหรือ?
โครส : ไม่เลย
จะเป็นยังไงถ้าหาก คาร์โล (อันเชล็อตติ) ขอให้คุณไปร่วมงานกับเขาที่มาดริด เพราะ ดาวิเด้ อันเชล็อตติ (ลูกชายของอันเช่ และทำงานเป็นมือขวาในตอนนี้) กำลังจะออกไปเริ่มเส้นทางคุมทีมของเขาเอง?
โครส : ไม่ มันเป็นไปไม่ได้ เมื่อใดก็ตามที่อันเชล็อตติต้องการผม ผมจะออกความเห็นของผมให้เขาเสมอ แต่เขารู้ว่าทำไมผมถึงแขวนสตั๊ด ส่วนสำคัญมันคือจำนวนการเดินทาง การเข้าโรงแรม มันไม่เคยเป็นการใช้เวลา 90 นาทีล้วนๆ ในสนามเลย ถ้าหากทั้งหมดมันเป็นแบบที่มันเป็น ผมคงต้องเล่นจนไม่รู้ว่าจะถึงเมื่อไร
บางครั้ง เขากับผมติดต่อกัน นั่นเป็นเรื่องปกติ ด้วยความสัมพันธ์ที่พวกเรามี แต่คาร์โลรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์แม้แต่การถามผม (ให้ไปช่วยงานโค้ช) เพราะเขารู้คำตอบแล้ว
แล้วการทำงานที่บัลเดเบบาส (สนามซ้อมของ เรอัล มาดริด) มันยากสำหรับโค้ชมากกว่านักเตะซะอีก ในฐานะนักเตะ คุณแค่เข้ามา ทำงานของคุณ แล้วก็กลับบ้านไป แต่ในฐานะโค้ช คุณต้องรับผิดชอบทุกคน ต้องเป็นคนแรกที่เข้างาน และเป็นคนสุดท้ายที่กลับไป และคุณยังต้องอยู่ในการเดินทางทั้งหมดด้วย ผมเห็นตัวเองทำได้ดีในอะคาเดมี่มากกว่า
พูดถึงเรื่องงานโค้ช คุณแปลกใจไหมที่ โธมัส ทูเคิ่ล ถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ?
โครส : ผมไม่แปลกใจนะ ผมไม่รู้ว่าเขาต้องการงานนี้หรือเปล่า แต่ผมไม่แปลกใจที่พวกเขา (เอฟเอ) เลือกเขาเพราะเขาคือโค้ชที่เก่งมาก
ผมชอบช่วงเวลาคุมทีมของเขาในอังกฤษ เขาพูดภาษาอังกฤษได้ดี เขาคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก กับเชลซี และเขามีภาพลักษณ์ที่ดีมากในอังกฤษ
แล้วถ้าอนาคต กับงานผู้อำนวยการกีฬาล่ะ?
โครส : บางทีในบทบาทผู้อำนวยการกีฬา คุณจะมีอิสระมากขึ้นนิดหน่อย คุณทำงานกับโทรศัพท์มือถือคุณมากกว่า แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นโค้ช
ผมเป็นโค้ชนะ แต่มันเป็นโค้ชในอีกแบบกับเด็กๆ จำนวนมาก
รีซ เจมส์ แบ็กขวากัปตันทีมเชลซี ได้รับบาดเจ็บที่แฮมสตริงเป็นครั้งที่ 9 ในรอบ 5 ปี หลังจากบาดเจ็บซ้ำที่บริเวณดังกล่าวระหว่างการซ้อมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา จากการยืนยันของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ซึ่งเผยว่าดาวเตะวัย 24 ปีจะพลาดลงสนามในเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่จะบุกเยือน…
ครั้งหนึ่งเขาคือแข้งดาวรุ่ง ที่ถูกเปรียบกับ คริสเตียโน โรนัลโด้ ดาวเตะระดับตำนานของโปรตุเกส อย่างไรก็ดี ตอนนี้ คาอัสโซ ดาราเม นี้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อเขาเปลี่ยนสถานะตัวเอง จากนักเตะพรีเมียร์ลีก มาเป็นอาชญากรค้ายา และเพิ่งถูกจำคุกจากคดีแทงคน เกิดอะไรกับชีวิตของเด็กหนุ่มรายนี้…
ความประทับใจตอนซ้อม : ทำไมแข้งแมนยูพร้อมใจเรียก “อโมริม” ว่ามูรินโญ 2.0? เรียกว่ายิ่งนานวัน รูเบน อโมริม ยิ่งสร้างความตื่นเต้นให้แฟนๆรอติดตาม หลังล่าสุด Sun Sport รายงานว่านักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต่างรู้สึกทึ่งและประทับใจกับการซ้อมของ…
วิเคราะห์อนาคต : คีแรน เทียร์นีย์ คัมแบ็คในรอบหลายเดือนแต่อาจไม่ได้อยู่ยาวกับอาร์เซนอล ถ้าพูดถึง คีแรน เทียร์นีย์ กับแฟนๆทีมอื่นอาจจะมองว่าเป็นนักเตะธรรมดาคนหนึ่งไม่ได้พิเศษอะไร แต่กับแฟนๆอาร์เซนอลเขาคือที่รัก และอยากเห็นเขาสวมเสื้ออาร์เซนอลลงสนามอีกสักครั้ง ล่าสุดเมื่อวานนี้ เทียร์นีย์ เพิ่งกลับมาซ้อมได้หลังจากบาดเจ็บหัวเข่าตั้งแต่ในการแข่งขันยูโร นี่ถือว่าเป็นข่าวดีมากๆกับเขาเอง…
ถ้าพูดถึงทีมชาติซานมารีโน หลายคนคงจดจำภาพว่าพวกเขาคือทีมจอมแจกแต้มของยุโรป ปัจจุบันพวกเขาคือชาติที่รั้งอันดับสุดท้ายของโลกบนแรงกิ้งฟีฟ่า (อันดับ 210) แต่เชื่อหรือไม่ว่าตอนนี้ พวกเขาอาจต้องการชัยชนะในเกมสำคัญอีกแค่ 2 นัดเท่านั้น ก็อาจจะเพียงพอให้ได้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2026 ที่แคนาดา, เม็กซิโก และ สหรัฐอเมริกา…
คริสเตียโน โรนัลโด้ ถือเป็นผู้เล่นที่มีจิตวิญญาณแห่งชัยชนะอยู่เต็มเปี่ยม เขาเป็นนักเตะที่กระหายในชัยชนะอยู่เสมอ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีสำหรับนักฟุตบอลอาชีพ อย่างไรก็ดี ความต้องการเป็นผู้ชนะบางครั้งก็ส่งอิทธิพลต่อคนรอบข้าง ไม่เว้นแม้แต่โค้ช ที่ครั้งหนึ่ง คาร์ลอส เคยรอซ ต้องแอบแก้คำตอบให้เขาเป็นฝ่ายถูก ติดตามเรื่องราวไปพร้อมกัน เหตุการณ์นี้ ต้องย้อนกลับไปในตอนที่…