ชาร์ลี วัตสัน : ยอดแข้งทรหดที่ยังคงลงสนาม แม้ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย

Maruak Tanniyom

October 30, 2024 · 1 min read

ชาร์ลี วัตสัน : ยอดแข้งทรหดที่ยังคงลงสนาม แม้ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
ฟุตบอล | October 30, 2024
พบกับเรื่องราวการต่อสู้ของแข้งจากแดนสก็อตที่ไม่ยอมให้อาการป่วยมาปิดโอกาสในการลงสนามของตัวเอง

แม้ว่าในอดีตจะมีนักฟุตบอลหลายคนที่ป่วยเป็นมะเร็งแล้วกลับมาค้าแข้งได้ แต่พวกเขาเหล่านั้นมักจะเป็นเคสที่ไปรักษาจนอาการดีขึ้นก่อน แล้วค่อยกลับมาลงสนาม

แต่อาจจะไม่ใช่สำหรับกรณีของ ชาร์ลี วัตสัน ที่เขายังลงเล่นอย่างเต็มที่ แม้จะจะป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย

และนี่คือเรื่องราวของยอดแข้งทรหดที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา

“ผมไม่เคยรู้สึกสงสารตัวเอง ผมแค่เป็นคนที่ต้องก้าวไปข้างหน้า” ชาร์ลี วัตสัน กล่าว

ย้อนกลับไปเมื่อ 1 ปีก่อน ชาร์ลี วัตสัน แข้งจาก ทรีฟ โรเวอร์ส สโมสรในลีกรองของสก็อตแลนด์ ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็วผิวหนังแมลิกแนนท์เมลาโนมา ระยะที่ 2 ในตอนที่เขาอายุเพียง 18 ปี

“ผมมีไฝที่ท้องส่วนล่าง และมันก็เริ่มใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ” วัตสันย้อนความหลัง

“ผมขอให้หมอผ่าออก แต่หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ผมก็ได้รับโทรศัพท์บอกว่าไฝจุดนั้นเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดหนึ่ง”

“ผมช็อคไปเลย ผมยังอยู่ที่ทำงาน คุณคงไม่คาดหวังที่จะได้ยินข่าวแบบนี้จากคนอายุเท่าผม หลังจากนั้นก็มีอะไรมากมายผุดเข้ามาในหัวในคราวเดียว”

แม้ว่า วัตสัน เข้ารับการรักษาทันที แต่มะเร็งก็ลุกลามอย่างรวดเร็วจนเข้าสู่ระยะที่ 4 หรือระยะสุดท้าย ที่มันแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง ปอด และตับของเขา

แต่ถึงอย่างนั้น วัตสัน ก็ไม่ยอมแพ้ เขาเข้ารับการรักษาอย่างเข้มข้น ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้

แต่ที่สำคัญกว่านั้น วัตสัน ยังคงเข้าร่วมซ้อมกับทีมทุกครั้ง แถมยังลงสนามให้ ทรีฟ โรเวอร์ส ตามปกติ และเพิ่งยิงหนึ่งประตูช่วยให้ทีมเอาชนะ เวล ออฟ เลเธิน ในศึกสก็อตติชคัพ เมื่อเดือนที่ผ่านมา

“ผมกำลังรับการรักษาโดยใช้ภูมิคุ้มกันบำบัด ผมต้องกินยา 2 เท่า 4 ครั้งในทุก 4 สัปดาห์ จากนั้นก็หยุดพักไป 6 สัปดาห์ ผมได้รับยาตัวเดียวทุก 4 สัปดาห์มา 2 ปีแล้ว” กองกลางวัย 19 ปีอธิบาย

“ผมโชคดีมากที่ผลข้างเคียงไม่รุนแรงเท่าไร มีแค่ต่อมไทรอยด์ที่ทำงานมากเกินไป ทำให้แค่เหนื่อย ปกติแล้ววันต่อมา ผมจะเฉื่อยชาเล็กน้อย”

วัตสัน ยืนยันว่าเขาไม่ได้ฝืน แค่เพียงอยากลงไปทำหน้าที่ในสนาม ยิ่งไปกว่านั้นคืออยากให้ผู้คนตระหนักถึงโรคนี้มากขึ้น

แน่นอนว่าความตั้งใจของ วัตสัน สื่อไปถึงทุกคน รวมไปถึง แดนนี ดันลิงสัน กุนซือของ ทรีฟ ที่ชื่นชมในความมุ่งมั่นของลูกทีมของเขา

“มันเลวร้ายมากสำหรับเขาและครอบครัวที่จะต้องเผชิญกับเรื่องนี้” ดังลินสัน กล่าวถึงวัตสัน

“เขาเพิ่งอายุแค่ 19 ปี ดังนั้นการพยายามทำความเข้าใจว่าเขากำลังเจอกับอะไรจึงเป็นสิ่งที่ยากมาก ๆ ”

“การได้เห็นเขาในสนาม คุณต้องไม่เชื่อว่าอะไรที่เขากำลังประสบอยู่ ผมไม่คิดว่าเขาจะพลาดการซ้อมเลยสักครั้ง”

“ระหว่างเกม เขาไม่เคยดูแปลกแยก หรือดูเหมือนคนที่กำลังดิ้นรนเลยสักนิด และเขาก็ดูดีขึ้นเรื่อยๆ จนน่าตกใจ”

เช่นกันสำหรับ อแมนดา วูด แม่ของ วัตสัน ที่ชื่นชมหัวจิตหัวใจที่เด็ดเดี่ยวของลูกชาย ทั้งที่กำลังเผชิญกับความยากลำบากในชีวิต

“เขาเป็นคนที่น่าทึ่ง และสามารถรับมือกับทุกอย่างได้ดีมาก” อแมนดากล่าวกับ BBC

“เขายังคงเล่นฟุตบอลอยู่ เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีความมุ่งมั่นและจิตใจที่แข็งแกร่ง เขาเป็นแบบนั้นมาตลอด”

“ชาร์ลี ไม่เคยทำให้เราผิดหวังในตัวเขาเลย เราภูมิใจในตัวเขามากกับทุกสิ่งทุกอย่าง”

ขณะเดียวกัน เขายังเป็นแรงกระตุ้นชั้นดีสำหรับเพื่อนร่วมทีม และไม่ยอมแพ้ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ไหน และทำให้การลงสนามของ วัตสัน มีความหมายมากกว่าแค่การลงไปเตะฟุตบอล 90 นาที

“เขาเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่สำหรับเราทุกคน ความมุ่งมั่นของเขานั้นเหลือเชื่อ และมันก็ส่งต่อไปยังทุกคน” ดังลินสันกล่าว

“เขาผ่านอะไรมามาก แต่เขายังอยู่ที่นี่ และทุ่มเทอย่างเต็ม 100 ในทุกวัน มันคงยากที่จะไม่มีแรงบันดาลใจกับสิ่งเหล่านี้”