ยังจำได้ไหม? ประตูที่ไม่ควรได้ของอาร์เซนอล กับสปิริตของเวนเกอร์ที่กล้าขอแข่งใหม่

ท่ามกลางเหตุการณ์ดราม่าในนัดชิงชนะเลิศศึกอาเซียนคัพ ที่ทีมชาติเวียดนามเอาชนะทีมชาติไทยไปด้วยสกอร์รวม 5-3 ในจังหวะที่ทีมชาติไทยได้ประตูขึ้นไป 2-1 จาก สุภโชค สารชาติ

ในจังหวะนั้นกรรมการในสนามมีการเป่าหยุดเกมทำให้ทีมชาติเวียดนามหยุดชะงัก แต่ทีมชาติไทยก็อาศัยจังหวะนั้นเล่นเร็วและทำประตูเข้าไป ซึ่งสร้างความไม่พอใจทีมชาติเวียดนามเป็นอย่างมาก แต่กรรมการก็ต้องให้เป็นประตูไปเพราะไม่มีกฎที่ห้ามทำแบบนั้น

เหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเหมือนและเป็นรายการใหญ่อย่าง เอฟเอ คัพ อังกฤษ ด้วย ย้อนไปในปี 1998/1999 วันนั้นเป็นเกมระหว่างอาร์เซนอลเจอกับเชฟฟิลล์ ยูไนเต็ด

ในตอนนั้นเกมเสนอกันอยู่ 1-1 จนมาถึงจังหวะหนึ่งในเกมตอนนั้นผู้เล่นของ เชฟฟิลล์ ยูไนเต็ด มีอาการบาดเจ็บ ผู้รักษาประตู แอดดี้ โกแรม จึงเตะบอลออกข้างไปเพื่อให้ทีมแพทย์ปฐมพยาบาล

และเมื่อผู้เล่นเชฟฟิลล์ออกไปปฐมพยาบาลข้างสนาม อาร์เซนอลก็อาศัยจังหวะทีเผลอเล่นเร็วทุ่มเข้ามาให้ เอ็นวาโก คานู หลุดเดี่ยวเข้าไปก่อนจะก่อนให้ มาร์ค โอเวอร์มารส์ ยิงเข้าไป แบบที่ผู้เล่นเชลฟิลล์ได้แต่ยืนขาตาย และนั้นสร้างความไม่พอใจให้พวกเขาเป็นอย่างมากและพยายามประท้วงกรรมการหนักมาก

แต่เมื่อพิจารณาแล้วกรรมการมองว่ามัน ‘ไม่ผิดกฏ’ และให้เป็นประตูนั้นยิ่งสร้างความไม่พอใจให้เชฟฟิลล์มากขึ้นไปอีกจนเกือบจะ Walk Out แต่สุดท้ายพวกเขาก็กลับมาเล่นต่อและจบเกมไปด้วยสกอร์นี้

แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดทันทีที่จบเกมเมื่อ อาร์แซน เวนเกอร์ ให้สัมภาษณ์ว่า ‘ผมขอเสนอให้มีการแข่งใหม่ เราไม่ได้อยากชนะด้วยการโกงแบบนี้’ จนสุดท้ายสมาคมเอฟเอก็ยอมรับและให้มีการแข่งขันใหม่ในอีกไม่กี่วันถัดมาและอาร์เซนอลก็เอาชนะไปด้วยสกอร์เดิม

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติและทีมทีมนั้นก็มีสิทธิที่จะชนะ เพราะพวกเขาไม่ได้ทำผิดกฎ แต่มันคือเรื่องของน้ำใจนักกีฬา ซึ่งบางอย่างเราอาจจะไม่ขาดการประพฤติตามกฎบ้างก็ได้ แต่เราต้องมีจิตสำนึกในการทำบางสิ่งบางอย่างอยู่เสมอ