ตง ฟางโจว : ชีวิตสุดพลิกผันของแข้งประวัติศาสตร์จีน หลังย้ายออกจากแมนฯยู

Maruak Tanniyom

January 28, 2025 · 2 min read

ตง ฟางโจว : ชีวิตสุดพลิกผันของแข้งประวัติศาสตร์จีน หลังย้ายออกจากแมนฯยู
ฟุตบอล | January 28, 2025

ครั้งหนึ่ง ตง ฟางโจว ได้รับการยกย่องในฐานะนักเตะประวัติศาสตร์ หลังจรดปากกาเซ็นสัญญากับทีมยักษ์ใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ทว่า กว่า 4 ปีในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด นักเตะชาวจีนผู้นี้ไม่เคยเข้าใกล้กับความว่าประสบความสำเร็จ แถมหลังจากนั้น ยังมีข่าวลือว่าเจ้าตัวต้องไปศัลยกรรมเพราะอับอายกับชีวิตนักฟุตบอล

เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตนักเตะที่เคยถูกมองว่าเป็นความหวังใหม่ของวงการฟุตบอลจีนรายนี้กันแน่? ติดตามไปพร้อมกัน

ความหวังใหม่ฟุตบอลจีน

แม้ว่าในปัจจุบัน ตง ฟางโจว อาจจะไม่ใช่ชื่อคุ้นหู แต่หากย้อนกลับไปเมื่อกว่า 10 ปีก่อน เขาคือนักเตะที่ผู้คนจับจ้อง หลังสร้างประวัติกลายเป็นนักเตะจีนคนแรกที่ได้เซ็นสัญญากับ แมนเชสเเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยวัยเพียง 18 ปี

ในตอนแรก เขาถูกมองว่านี่น่าจะเป็นความหวังใหม่ของวงการฟุตบอลแดนมังกร เพราะถึงขนาดได้รับการยอมรับจากยักษ์ใหญ่ปีศาจแดง ที่มีกุนซือระดับตำนานคุมทัพ ทว่า เมื่อเวลาผ่านไป ก็ได้รู้ว่านี่เป็นเพียงแค่การตลาดเท่านั้น

“เขาถูกซื้อในช่วงที่เวลาที่เหมาะสมสำหรับฟุตบอลจีน แต่เขายังห่างไกลจากการเป็นนักเตะที่มีตัวตน” แบรนดอน เชมเมอร์ หัวหน้าบรรณาธิการ Wild East Football กล่าวกับ Bleacher Report

“เขาเพิ่งอายุ 18 และเพิ่งเล่นเกมลีกไม่กี่เกม มันเป็นความรู้สึกว่าเขาถูกเซ็นมาเพื่อขายเสื้อ”

ตลอด 4 ปีในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ตง ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการถูกปล่อยให้ รอยัล อันเวิร์ป ยืมตัว และได้ลงเล่นให้ปีศาจแดงไปเพียงแค่ 1 เกมเท่านั้น ก่อนจะลาทีมไปในปี 2008

อย่างไรก็ดี ชีวิตหลังจากนั้นกลับเลวร้ายกว่าที่คิด

อีโก้สวนทางกับฝีเท้า

ปกติแล้วนักเตะส่วนใหญ่ที่ไปค้าแข้งในยุโรป มักจะกลับมาพร้อมกับฝีเท้าที่พัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน แต่สำหรับ ตง อาจเป็นข้อยกเว้น เมื่อเขาไม่สามารถโชว์พิษสงในสีเสื้อ ตาเหลียน ซรือเต๋อ ได้เลย ด้วยสถิติ 0 ประตูจาก 26 นัด ใน 2 ซีซั่น

แม้ว่าหนึ่งในสาเหตุคืออาการบาดเจ็บ ที่เรื้อรังมาตั้งแต่เล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด จนทำให้เขาไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างที่คาดหวัง แต่อีกปัจจัยเสริมก็คืออีโก้ทะลุเพดานของเขา

“ทัศนคติของเขามันผิด หลังการเล่นที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตงคิดว่าทุกอย่างคงดำเนินไปอย่างง่ายดาย และตอนที่เขากลับมาที่จีน เขาจะเป็นนักเตะที่เก่งที่สุด” ซู เหมาเฉิน อดีตแข้งจีนที่เคยมาทดสอบฝีเท้ากับ แมนฯ ยูไนเต็ด กล่าว

“นั่นมันไม่จริง คุณต้องแสดงให้เห็นพรสวรรค์ในทุกที่ ผู้เล่นที่ดีจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอทั้งในการฝึกซ้อมและชีวิตปกติ ผมคิดว่าเขาน่าจะไม่มีคนบอกว่าควรจะใช้ชีวิตอย่างไรเมื่อไม่มีฟุตบอล”

นอกจากนี้ เขายังถูกวิจารณ์จากเรื่องพฤติกรรมก้าวร้าวนอกสนาม จนทำให้ครั้งหนึ่งเขาต้องถูกแบนยาวถึง 6 เกม หลังไปชูนิ้วกลางใส่แฟนบอล

“ความรับผิดชอบของเขาถูกตั้งคำถามจากสื่อเป็นประจำ เขาแสดงให้เห็นเป้าหมายที่สูงขึ้นเพียงเล็กน้อย” คริสโตเฟอร์ แอตกินส์ ตัวแทนของนักเตะที่จีนกล่าวกับ Bleacher Report

“เขาทำให้ตัวเองมีปัญหาในฤดูกาลนั้น ถูกแบน 6 นัดหลังไปชูนิ้วกลางให้แฟนบอลของสถาบันเทคโนโลยีปักกิ่ง หลังจากถูกเยาะเย้ยตอนที่ถูกไล่ออก”

ขณะเดียวกัน ตง ยังขึ้นชื่อในฐานะนักเตะจอมปาร์ตี้ เขาหลงใหลในของมึนเมาและแสงสี จนทำให้มีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัว ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งได้เลย ตอนกลับมาค้าแข้งในบ้านเกิด

สุดท้าย ตง ก็ฝึนสภาพตัวเองไม่ไหว ประกาศแขวนสตั๊ดในปี 2014 ด้วยวัยเพียง 29 ปี ซึ่งถือว่าน้อยมาก สำหรับผู้เล่นที่ครั้งหนึ่งเคยไปค้าแข้งในยุโรป และไม่มีใครได้ยินข่าวคราวของเขาอีกเลยหลังจากนั้น

ขออุทิศชีวิตเพื่อเด็ก ๆ

ตง กลายเป็นแข้งที่ถูกลืม จนกระทั่งในปี 2015 เขาก็ถูกพูดถึงอีกครั้ง หลังมีชื่อเป็นผู้ร่วมรายการของจีน เพื่อทำศัลยกรรมพลาสติก ท่ามกลางข่าวลือว่าเขาไม่อยากให้ใครจำได้ เนื่องจากอับอายกับชีวิตนักฟุตบอล

และหลังจากหายหน้าไปสื่ออยู่พักใหญ่ ตง ก็ออกมาพูดเรื่องนี้เป็นครั้งแรกในปี 2019 และยืนยันว่าข่าวลือทั้งหมด ไม่มีเค้าโครงของความจริงแม้แต่น้อย

“ผมแค่ลองแต่งหน้าง่าย ๆ ถ้าคุณบอกว่าผมไปทำศัลยกรรมมา มันคงเป็นการศัลยกรรมที่ล้มเหลว” ตง กล่าวกับ AFP เมื่อปี 2019

เนื่องจากงานที่ ตง ทำอยู่ฉากหลัง ก็ยังข้องเกี่ยวกับฟุตบอลที่เขารัก นั่นก็คือการเป็นโค้ชฟุตบอลให้กับเด็กเล็กและเด็กพิการที่ เซี่ยเหมิน ประเทศจีน

มันเป็นงานที่เขารักและภาคภูมิใจ ที่ได้เป็นฟันเฟืองเล็กๆ ในการพัฒนาฟุตบอลจีน แม้ว่ามันจะห่างไกลจากความรู้สึกของการได้เป็นนักเตะพรีเมียร์ลีกก็ตาม

“ผมรู้สึกถึงความบริสุทธิ์ในสายตาและจิตใจของพวกเขา” ตงกล่าว

“แม้ว่าพวกเขาอาจจะมีข้อจำกัดทางร่างกาย แต่สมาธิและความจริงจังของพวกเขา แพชชั่นเหล่านั้นทำให้ผมซาบซึ้งจริงๆ”

นอกจากนี้ปลายปี 2023 เขายังมีโอกาสได้กลับไปเยี่ยมถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น รวมถึงได้คุยกับ เวสต์ บราวน์ อดีตเพื่อนเก่าของเขาอีกด้วย

แม้ว่าไม่แน่ชัดว่าเขามาที่รังเหย้าของปีศาจแดงในฐานะอะไร แต่ที่แน่นอนคือการได้เห็นสีหน้าของ ตง ที่สดใด ต่างจากตอนค้าแข้ง ซึ่งอาจจะหมายความว่าเขาสามารถก้าวผ่านความเจ็บปวดที่เคยได้รับจากที่นี่ไปหมดแล้ว