ครบรอบ 15 ปี "บีชบอล" : ประตูที่แปลกสุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก

Pipat Sathirawut

October 17, 2024 · 3 min read

ครบรอบ 15 ปี
Football | October 17, 2024

ในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอล เราคงเคยเห็นลูกยิงที่ดูแล้วตลกขบขันมานับไม่ถ้วน

บางครั้งก็เป็นการทำเข้าประตูตัวเอง ที่สวยงามยิ่งกว่าลูกยิงของฝั่งตรงข้าม

บางครั้งก็เป็นความเฟอะฟะของนายทวาร ที่เสียประตูแบบไม่น่าเสีย

หรือบางครั้ง เราก็อาจเคยเห็นประตูฟลุกๆ ที่ดูแล้วต้องขำกลิ้ง กับท่าทางการยิงแบบหัวทิ่มหัวตำ

แต่ย้อนไปเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ปี 2009 มีลูกยิงลูกหนึ่งที่เกิดขึ้นในพรีเมียร์ลีก ซึ่งแฟนบอลทั่วโลกยังคงจำไม่ลืม นั่นคือประตูที่ ดาร์เรน เบนท์ อดีตกองหน้าซันเดอร์แลนด์ ยิงให้ทีมแมวดำเอาชนะ ลิเวอร์พูล ไป 1-0 

ประตูดังกล่าว เกิดจากเหตุการณ์สุดแปลกที่ลูกบอลพุ่งไปโดนลูกบอลชายหาด ที่ตั้งเกะกะขวางทางหน้าประตูหงส์แดง จนแฉลบเปลี่ยนทางตุงตาข่ายชนิดที่ โฆเซ่ เรน่า ได้แต่ยืนงงเป็นไก่ตาแตก

นั่นคือหนึ่งในประตูที่น่ากังขาที่สุดเท่าที่พรีเมียร์ลีกเคยมีมา และในวาระที่เหตุการณ์นั้นครบรอบ 15 ปีแล้ว เราขอพาแฟนบอลไปย้อนดูเรื่องราวเกี่ยวกับประตูนั้น ว่าสุดท้ายสิ่งที่เกิดขึ้น มันมีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง

รู้จัก “ดาร์เรน เบนท์” เจ้าของประตูนี้ 

ในช่วงซัมเมอร์ปี 2009 ซันเดอร์แลนด์ ทุ่มเงินสถิติสโมสรถึง 10 ล้านปอนด์ กระชากตัว ดาร์เรน เบนท์ มาจาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ซึ่งหากรวมออปชั่นเสริมอื่นๆ ราคาของเขาอาจพุ่งสูงถึง 16.5 ล้านปอนด์เลยทีเดียว

เบนท์โชว์ฟอร์มถล่มประตูให้ทีมใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยมทันที เพราะ 8 นัดแรกที่ลงสนามให้ทีมแมวดำในพรีเมียร์ลีก เขามีชื่อบนสกอร์บอร์ดถึง 6 นัด ซัดรวมกันถึง 7 ลูก

ในฤดูกาล 2009-10 ดาร์เรน เบนท์ ยิงให้ซันเดอร์แลนด์มากถึง 24 ประตูในพรีเมียร์ลีก และรั้งอันดับ 3 ของชาร์ทดาวซัลโวปีนั้น โดยมีเพียง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ที่ยิงให้เชลซี 29 ประตู และ เวย์น รูนี่ย์ ที่ยิงให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 26 ลูก แค่ 2 คนเท่านั้น ที่มีชื่อทำประตูได้มากกว่าเขา

แต่ประตูของ เบนท์ ที่ผู้คนจดจำมากที่สุด กลับเป็นลูกยิงแปลกๆ ที่เป็นประตูชัยที่ยิงใส่ ลิเวอร์พูล ในเกมลีกนัดที่ 9 ของซีซั่น และเราคงไม่ได้พูดเกินไปนัก ถ้าจะบอกว่าลูกยิงที่ได้จาก “บีชบอล” น่าจะเป็นประตูที่ทำให้แฟนบอลจดจำ ดาร์เรน เบนท์ ได้มากกว่าประตูอื่นๆ ที่เขายิงได้ทั้งชีวิต

 

เผยลูกบอลยาง มาจากแฟนบอลหงส์เอง

ในสมัยนั้น เกมลูกหนังยังไม่มีการใช้เทคโนโลยีวีเออาร์มาช่วยตัดสิน โดยจังหวะดังกล่าวถือว่ามองด้วยตาเปล่ายากพอสมควร ว่ามันเข้าประตูโดยที่ไม่มีการโดนลูกบอลชายหาดหรือไม่ 

บางคนถ้าได้เห็นเหตุการณ์แค่ครั้งเดียว ก็อาจคิดว่ามันคือการสกัดบอลผิดเหลี่ยมของ เกล็น จอห์นสัน แบ็กขวาทีมหงส์แดงก็เป็นได้

ความพีคก็คือ ถึงแม้เกมดังกล่าวจะเล่นกันที่ สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ สนามของซันเดอร์แลนด์ แต่บอลยางเจ้ากรรมลูกนั้น กลับมาจากแฟนบอลของลิเวอร์พูลซึ่งเป็นทีมเยือนชื่อว่า คัลลั่ม แคมป์เบลล์ ซึ่งในตอนนั้นเป็นเด็กหนุ่มอายุแค่ 16 ปี

แคมป์เบลล์ถูกกล้องโทรทัศน์จับภาพได้อย่างชัดเจน ว่าเป็นคนตีลูกบอลชายหาดลงไปตกใส่หน้าประตูทีมหงส์แดง

ซึ่งการเล่นแบบไม่รู้กาลเทศะของเขา กลับกลายเป็นส่งผลร้ายเกินคาด เพราะทำให้ทีมรักต้องแพ้เป็นนัดที่ 4 ตั้งแต่เกมที่ 9 ของฤดูกาล ซึ่งเป็นผลงานการออกสตาร์ทลีกสูงสุดที่แย่ที่สุดของสโมสรในรอบ 22 ปีในตอนนั้น

หลังจากกลายเป็นต้นเหตุให้ทีมรักต้องแพ้ทีมแมวดำแบบไม่น่าแพ้ แคมป์เบลล์ ให้สัมภาษณ์กับ เดอะ มิร์เรอร์ โดยเผยว่า เขาเครียดมากจนล้มป่วย หลังจากได้อ่านคอมเมนต์ปองร้ายจากแฟนหงส์แดงที่เขียนถึงเขาในอินเตอร์เน็ต

คัลลั่ม แคมป์เบลล์ เผยว่าเขารู้สึกสำนึกผิด เขายอมรับว่าตัวเองไม่ควรโยนอะไรลงไปในสนาม 

“นั่นคือผมเอง ผมคือคนที่ตีบอลลงไปและถูกกล้องจับภาพได้ ผมเสียใจอย่างยิ่ง นี่คือฝันร้ายที่สุดของชีวิตผมจริงๆ”

“เมื่อผมกลับบ้าน ผมไปที่สวนและอาเจียนออกมา ผมป่วยทางร่างกาย และนั่นคือเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่พวกข้อความขู่ฆ่าและคำสาปแช่งต่างๆ จะเริ่มปรากฏบนอินเตอร์เน็ตในวันถัดมา”

“ผมดูเหตุการณ์นั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมยังไม่สามารถรับได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่คุณแม่บอกผมว่านั่นไม่ใช่ความผิดของผม และนั่นคือเรื่องที่ผมต้องเชื่อให้ได้ เพราะมันควรเป็นผู้ตัดสินต่างหาก ที่ไม่มีวันปล่อยให้เหตุการณ์แบบนั้นเป็นประตู”

“ผมทำได้แค่หวังว่าแฟนบอลที่แท้จริงจะเข้าใจและให้อภัยผม”

แคมป์เบลล์ เผยว่า เขาไม่กล้าออกจากบ้านเป็นเวลานานถึง 2 วัน และในช่วงเวลานั้น แฟนบอลหงส์แดงก็ได้คอมเมนต์ในโลกโซเชียลแรงๆ ราวกับจะเอาเจ้าเด็กคนนี้ถึงตายให้ได้

บางคนเมนต์ว่า “ออกจากเมืองนี้ไปซะไอ้หนู เลือกเอาว่าจะอยู่แต่ในบ้านหรือตายซะ!”

บางคนเมนต์ว่า “กูเตรียมโลงศพไว้ให้มึงแล้ว”

หรืออีกคนก็บอกว่า “ไม่ใช่แค่กูจะแทงมึงแค่นั้นนะ แต่จะสับมึงให้เละเป็นชิ้นๆ แล้วเอาไปทำน้ำแกงด้วย”

อย่างไรก็ตาม แคมป์เบลล์ พยายามมองว่า หลายๆ คอมเมนต์ที่เขาเห็น มาจากคนที่อยู่ห่างไกลอีกซีกโลก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย หรือทวีปเอเชีย ทำให้เขาพยายามใช้เวลาทำใจ และก้าวผ่านเรื่องนั้นมาให้ได้

 

ผู้ตัดสินเจอลงโทษ เหตุปล่อยให้ลูกนี้เป็นประตูแบบงงๆ

อย่างไรก็ตาม คนผิดที่แท้จริงคือผู้ตัดสินในเกมนั้นอย่าง ไมค์ โจนส์

เพราะตามกติกาสากลของฟุตบอล มีการระบุไว้ชัดเจน ว่าถ้าหากมีสิ่งแปลกปลอมหลุดเข้าไปในสนาม ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ หรือแฟนบอลที่ลงไปป่วนการแข่งขัน หากผู้ตัดสินพบเห็น จะต้องเป่าหยุดเกมลงชั่วคราวทันที และต้องรีบนำของสิ่งนั้นออกไปจากสนามให้เร็วที่สุด

สุดท้ายพรีเมียร์ลีกออกบทลงโทษ สั่งให้ ไมค์ โจนส์ โดนลดชั้นลงไปตัดสินในศึกแชมเปี้ยนชิพเป็นการชั่วคราว

ทางด้าน ลิเวอร์พูล ก็พยายามยื่นเรื่องให้มีการแข่งใหม่ เพราะพวกเขาแพ้ด้วยประตูที่ไม่ควรเกิดขึ้น แต่พรีเมียร์ลีกปฏิเสธ ทำให้ทีมหงส์แดงไม่ได้แต้มจาก สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ ในเกมนั้นไปอย่างน่าเจ็บใจ

 

ดาร์เรน เบนท์ เผย แฟนหงส์เคืองตนไม่หาย

แน่นอนว่าคนที่ยิงได้อย่าง ดาร์เรน เบนท์ ก็ไม่ได้รับการให้อภัยจากแฟนหงส์แดง เพราะแทนที่เขาจะโชว์สปิริต รีบไปบอกผู้ตัดสินว่าลูกนั้นไม่ควรเป็นประตู เขากลับวิ่งดีใจแบบเนียนๆ หน้าตาเฉย

ในปี 2019 ดาร์เรน เบนท์ ได้ไปให้สัมภาษณ์กับ สกาย สปอร์ตส์ และพูดถึงประตูดังกล่าวเอาไว้ว่า “ผมได้ย้อนดูประตูนั้นหลายต่อหลายครั้ง ผมจำไม่ได้ว่าดูไปกี่ครั้งแล้วจนถึงตอนนี้” 

“คุณจะเห็นรีแอคชั่นของนักเตะลิเวอร์พูลได้เลย สีหน้าของ เปเป้ เรน่า, เกล็น จอห์นสัน และ เจมี่ คาร์ราเกอร์ เหมือนกับจะบอกว่า “นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย”

“นั่นคือประตูที่ทุกคนพูดถึง ถ้าแฟนบอลจะนึกอะไรเกี่ยวกับผมก็ต้องคิดถึงประตูนั้น” 

“เวลาพวกเขาเจอผมบนถนน ก็มักจะบอกว่า ทุกคนจำประตูบีชบอลลูกนั้นได้อย่างแม่นยำ ส่วนแฟนบอลลิเวอร์พูล ไม่ว่าจะเจอผมตอนไหน ส่วนใหญ่ก็ทำท่าทางเหมือนกับว่าพวกเขาจะไม่มีวันอภัยให้ผมเลย”

 

ปัจจุบัน ลูกบอลชายหาดลูกดังกล่าว ถูกนำไปไว้ในพิพิธภัณฑ์ฟุตบอลแห่งชาติของอังกฤษ ที่เมืองแมนเชสเตอร์ เพื่อเป็นหลักฐานชิ้นหนึ่ง บนหน้าประวัติศาสตร์ของกีฬาลูกหนัง

ทางพิพิธภัณฑ์ ได้โชว์คำอธิบายลูกบอลชายหาดลูกนั้นไว้ว่า “ในปี 2009 ดาร์เรน เบนท์ ทำประตูได้ด้วยลูกยิงที่เปลี่ยนทางเพราะลูกบอลชายหาดลูกนี้ ซึ่งถูกโยนลงสู่สนามโดยแฟนบอลลิเวอร์พูลซึ่งเป็นทีมเยือน”

“แม้ว่าประตูนี้จะมากพอที่จะทำให้ทีมแมวดำชนะเกมการแข่งขัน แต่ผู้ควบคุมกฎกติกาของฟุตบอลบอกไว้ว่า ลูกนั้นมันไม่สมควรเป็นประตู”

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้ฟุตบอลมีการนำเทคโนโลยีวีเออาร์เข้ามาใช้ เพื่อทำให้การตัดสินประตูดูโปร่งใสมากขึ้นในปัจจุบัน

ซึ่งแม้ว่าทุกวันนี้ วีเออาร์จะยังคงมีความผิดพลาด แต่เราคงไม่มีทางได้เห็นใครทำประตูได้ จากจังหวะที่ลูกบอลพุ่งไปกระแทกบอลชายหาดอีกแล้วอย่างแน่นอน