คืนวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคมนี้ ถ้วยแชมป์ยูโรจะถูกชูขึ้นที่สนามโอลิมเปียสตาดิโอน กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี โดยนักเตะที่เล่นตำแหน่งศูนย์หน้าและเป็นกัปตันทีมชาติคนใดคนหนึ่ง ถ้าหากไม่ใช่ อัลบาโร่ โมราต้า ของสเปน ก็ต้องเป็น แฮร์รี่ เคน ของทีมชาติอังกฤษ
โมราต้าซึ่งปัจจุบันเล่นอยู่กับ แอตเลติโก มาดริด เคยประสบความสำเร็จมาไม่น้อยสมัยเล่นอยู่กับ เรอัล มาดริด และ ยูเวนตุส แม้แต่ช่วงเวลาสั้นๆ ที่เคยอยู่กับเชลซี ก็เคยได้ชื่อว่าคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ และ ยูโรปา ลีก มาแล้ว ขณะที่ช่วงเวลาที่รับใช้ทีมชาติสเปน เจ้าตัวก็เคยคว้าแชมป์ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ร่วมกับทัพกระทิงดุได้ในปี 2023
นั่นถือเป็นเรื่องแตกต่างกับ แฮร์รี่ เคน ดาวยิงกัปตันทีมชาติอังกฤษคนปัจจุบัน ถึงแม้ตลอดอาชีพค้าแข้งของเขาจะยิงประตูมานับไม่ถ้วน จนครองสถิติดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลทั้งกับต้นสังกัดเก่าอย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ รวมถึงเป็นนักเตะที่ยิงประตูให้ทีมชาติอังกฤษได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ขณะที่ซีซั่นที่ผ่านมา ก็ยิงไปถึง 36 ประตูให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ในการลงเล่นบุนเดสลีกาฤดูกาลแรก จนครองตำแหน่งรองเท้าทองคำของลีกยุโรป แต่เขาก็ไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสกับโทรฟี่รายการอะไรเลยตลอดเส้นทางการเป็นนักเตะของตัวเอง
คำถามที่น่าสนใจก็คือ ถ้าหาก แฮร์รี่ เคน พาทีมชาติอังกฤษเอาชนะสเปนได้ในคืนวันอาทิตย์นี้ เขาจะเป็นกัปตันทีมคนแรกในประวัติศาสตร์ยูโรหรือไม่ ที่ชูโทรฟี่แชมป์รายการนี้เป็นถ้วยแรกสุดของชีวิต ซึ่งคำตอบก็คือไม่ใช่ เพราะก่อนหน้านี้ กัปตันทีมชาติเยอรมนีตะวันตกชุดแชมป์ยูโร 1980 อย่าง แบร์นาร์ด ดีตซ์ ก็ไม่เคยคว้าแชมป์อะไรทั้งสิ้นในชีวิตเช่นกัน และการพาเยอรมนีตะวันตกคว้าแชมป์ยุโรปได้เมื่อ 44 ปีก่อน นั่นคือแชมป์ระดับเมเจอร์เพียงรายการเดียวในชีวิตของดีตซ์ด้วย
ตลอดอาชีพของดีตซ์ ไม่เคยเล่นให้ทีมใหญ่
แบร์นาร์ด ดีตซ์ เริ่มเส้นทางนักฟุตบอลด้วการเป็นแข้งเยาวชนของ โบคุ่ม-เฮอเฟล ซึ่งปัจจุบันสโมสรแห่งนี้ล้มละลายไปเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่ในปี 1970 ตอนที่อายุได้ 22 ปี เขาก็ย้ายไปอยู่กับดุ๊ยส์บวร์ก และค้าแข้งที่นั่นอย่างจงรักภักดีนานถึง 12 ปี ตั้งแต่ปี 1970-1982
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลา 12 ปีที่ว่า ดุ๊ยส์บวร์กไม่เคยจบอันดับที่สูงกว่าที่ 6 ในบุนเดสลีกา แถมซีซั่นสุดท้ายที่เขาเล่นให้ทีมที่มีโลโก้เป็นรูปม้าลาย ดุ๊ยส์บวร์กแย่จนถึงขั้นตกชั้นลงสู่ลีกาสองอีกต่างหาก ทำให้เขาย้ายไปอยู่กับ ชาลเก้ 04 ในปี 1982 ตอนอายุปาเข้าไปแล้ว 34 ปี ก่อนแขวนสตั๊ดในปี 1987 โดยเล่นให้ทีมราชันสีน้ำเงินเป็นสโมสรสุดท้าย
ชาลเก้อาจจะเป็นทีมที่เคยได้แชมป์บุนเดสลีกามาแล้วถึง 7 สมัย แต่หนสุดท้ายที่พวกเขาคว้าแชมป์ลีกเยอรมันมาครองได้คือปี 1958 นั่นหมายความว่าช่วงที่ดีตซ์ไปอยู่กับทีมราชันสีน้ำเงิน ก็ไม่ใช่ช่วงที่ชาลเก้คือสโมสรใหญ่อีกแล้ว และนั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะแขวนสตั๊ดไปโดยไม่เคยประสบความสำเร็จในระดับสโมสรเลย
แต่กับทีมชาติ เขาคือกองหลังคนสำคัญ
อย่างไรก็ตาม สถานะในการเล่นทีมชาติถือว่า แบร์นาร์ด ดีตซ์ คือตำนาน เขาสามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในเกมรับ ไม่ว่าจะเป็นฟูลแบ็ก, สวีปเปอร์ หรือมิดฟิลด์ตัวรับ
ซึ่งก่อนจะรับบทบาทกัปตันทีมชาติเยอรมนีตะวันตกชุดแชมป์ยูโรปี 1980 เขาก็เคยลงเล่นเกมนัดชิงยูโร 1976 มาแล้วด้วย แต่ทีมอินทรีเหล็กที่มี ฟร้านซ์ เบ็คเคนเบาเออร์ สวมปลอกแขนกัปตันได้แค่รองแชมป์เท่านั้น เมื่อเสมอกับเชโกสโลวาเกีย 2-2 ก่อนแพ้ไปในช่วงดวลจุดโทษ 3-5 ซึ่ง อันโตนิน ปาเนนก้า สังหารเป็นคนที่ 5 พาเชโกสโลวาเกียคว้าแชมป์ด้วยการยิงลูกตัดสินแบบชิพนิ่มๆ เข้ากลางประตู
แบร์นาร์ด ดีตซ์ ที่ยังเป็นตัวหลักของเยอรมนีตะวันตกต่อเนื่องในศึกฟุตบอลโลก 1978 ได้รับสืบทอดตำแหน่งกัปตันต่อจาก แบร์ตี้ โฟ้กท์ส กองหลังตำนานที่เลิกเล่นทีมชาติหลังจบเกมรอบแบ่งกลุ่มที่แพ้ออสเตรีย 2-3 ในศึกฟุตบอลโลก 1978 ที่โฟ้กท์สมีชื่อทำเข้าประตูตัวเองจนเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเกม และทำให้ทีมจากแดนไส้กรอกตกรอบแรก
ดีตซ์คือแนวรับคนสำคัญมากๆ ที่เยอรมนีตะวันตกขาดไม่ได้เลยในศึกยูโร 1980 ที่แข่งกันในรูปแบบแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม แล้วจับแชมป์กลุ่มมาชิงชนะเลิศกันเลยทันทีเมื่อจบรอบแรก โดยในเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ดีตซ์ได้พักเต็มๆ โดยไม่ต้องลงสนามแม้แต่วินาทีเดียว เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนใบเหลืองซึ่งจะทำให้เขาต้องติดโทษแบนในเกมนัดชิง และเมื่อเขาพร้อมสวมปลอกแขนนำทัพตามปกติ เยอรมนีตะวันตกก็คว้าแชมป์ได้ด้วยการเอาชนะเบลเยียม 2-1 จาก 2 ประตูของ ฮอร์สท์ ฮรูเบช
หลังจากเป็นกัปตันทีมชาติชุดแชมป์ยูโรในวัย 32 ปี ดีตซ์รับใช้ทีมอินทรีเหล็กต่อจนถึงปี 1981 แล้วจึงอำลาทีมชาติ ก่อนจะแขวนสตั๊ดในอีก 5 ปีถัดมา โดยลงเล่นให้ชาลเก้ 04 เป็นสโมสรสุดท้าย และแชมป์ยูโร 1980 คือเกียรติประวัติระดับสูงเพียงรายการเดียวในชีวิตนักเตะของ แบร์นาร์ด ดีตซ์ จริงๆ
เผยกัปตันทีมชาติแชมป์ยูโรทุกคน ล้วนเคยเป็นแชมป์มาก่อนได้ชูถ้วย
กัปตันคนล่าสุดที่ได้ชูถ้วยแชมป์ยูโรก็คือ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ของทีมชาติอิตาลีในศึกยูโร 2020 ที่เลื่อนมาแข่งกันในช่วงซัมเมอร์ 2021 และเราคงไม่จำเป็นต้องบรรยายความสำเร็จของคิเอลลินี่มากนัก เพราะทุกคนจำได้ดีว่าสมัยที่เขาอยู่กับยูเวนตุส เขากวาดแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา มากเป็นว่าเล่น
เช่นเดียวกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่สวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติโปรตุเกสชุดแชมป์ยูโร 2016 นั่นคือโทรฟี่แรกที่ CR7 คว้าได้กับทีมฝอยทอง แต่ก่อนหน้านั้นเขาประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ตั้งแต่สมัยเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้ว ส่วนช่วงที่อยู่กับ เรอัล มาดริด คือช่วงที่พีคที่สุดในอาชีพของเขา และไม่กี่เดือนก่อนได้แชมป์ยูโร เขาเพิ่งช่วยให้ทีมราชันชุดขาวคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้หมาดๆ
หรืออย่างกัปตันทีมชาติสเปนชุดแชมป์ยูโรทั้งในปี 2008 และ 2012 ก็คือผู้รักษาประตูระดับตำนานตลอดกาลอย่าง อีเกร์ กาซียาส เราคงไม่ต้องบรรยายอีกเช่นกัน ว่าเขาได้แชมป์มาเยอะแค่ไหนในอาชีพนายทวาร ทั้งกับ เรอัล มาดริด และทีมกระทิงดุ
แม้กระทั่ง เธโอโดรอส ซาโกราคิส กองกลางกัปตันทีมชาติกรีซชุดคว้าแชมป์แบบช็อคโลกในปี 2004 ก็ยังเคยคว้าแชมป์ ลีก คัพ ของอังกฤษร่วมกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาล 1999-2000 และเมื่อกลับไปค้าแข้งที่บ้านเกิดก็พา เออีเค เอเธนส์ คว้าถ้วย กรีก คัพ ในฤดูกาล 2001-02 ได้ด้วย
ดิดิเย่ร์ เดส์ช็องส์ กองกลางกัปตันทีมชาติฝรั่งเศสชุดแชมป์ยูโร 2000 และเป็นกุนซือทีมตราไก่คนปัจจุบัน ก็คือคนเดียวกับที่สวมปลอกแขนกัปตันทัพ เลส์ เบลอส์ ชุดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยแรกในปี 1998
เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ คือดาวยิงกัปตันทีมชาติเยอรมนีชุดแชมป์ยูโร 1996 เคยได้แชมป์ฟุตบอลโลกกับทีมชาติเยอรมนีตะวันตกมาแล้วในปี 1990 และก่อนจะสวมปลอกแขนพาทีมอินทรีเหล็กเป็นแชมป์ยูโรหนสุดท้าย เขาเพิ่งช่วยให้ บาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์ ยูฟ่า คัพ ซีซั่น 1995-96 มาครอง
แม้แต่ ลาร์ส โอลเซ่น กัปตันของทีมชาติเดนมาร์กชุดสร้างตำนานเทพนิยายเดนส์ ด้วยการได้ส้มหล่นแทนยูโกสลาเวียเข้าไปคว้าแชมป์ยูโร 1992 ก็มีเกียรติประวัติแชมป์ลีกสูงสุดแดนโคนมนับไม่ถ้วนกับการเล่นให้บรอนด์บี้
รุด กุลลิท ซึ่งเป็นกัปตันทีมที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ชูถ้วยแชมป์ยูโร ด้วยวัย 25 ปี 298 วัน ตอนที่พาเนเธอร์แลนด์ซิวแชมป์เมื่อปี 1988 เพิ่งพา เอซี มิลาน คว้าแชมป์ เซเรีย อา ก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่มเพียงไม่กี่เดือน แถมก่อนหน้านั้นก็เคยได้แชมป์เอเรดิวิซี่มาแล้วกับ เฟเยนูร์ด และ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น
กัปตันทีมชาติฝรั่งเศสชุดแชมป์ยูโร 1984 อย่าง มิเชล พลาตินี่ ก็เพิ่งเป็นแกนหลักพายูเวนตุสคว้าทั้งสคูเด็ตโต้ และ คัพ วินเนอร์ส คัพ ก่อนไประเบิดฟอร์มเทพพาทีมตราไก่ครองเจ้ายุโรปในเวทีระดับทีมชาติ
หรือแม้แต่กัปตันของเชโกสโลวาเกียชุดแชมป์ยูโร 1976 อย่าง อันตอน ออนดรุส ก็เคยพา สโลวาน บราติสลาว่า คว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ในปี 1974 และ 1975
กัปตันทีมชาติเยอรมนีตะวันตกชุดแชมป์ยูโร 1972 คือ ฟร้านซ์ เบ็คเค่นเบาเออร์ มีเกียรติประวัติพา บาเยิร์น มิวนิค ซิวแชมป์บุนเดสลีกาแล้วถึง 2 สมัยก่อนจะได้แชมป์ยูโรเป็นโทรฟี่แรกในการเล่นทีมชาติ
จาซินโต้ ฟัคเค็ตติ อดีตแบ็กซ้ายตำนานกัปตันทีมชาติอิตาลี เคยพา อินเตอร์ มิลาน ได้แชมป์ทั้ง กัลโช่ เซเรีย อา และ ยูโรเปี้ยน คัพ ก่อนที่เขาจะพาขุนพลอัซซูรี่ซิวแชมป์ยูโร 1968
ในปี 1964 แชมป์ยูโรได้แก่สเปน ซึ่งมี เฟร์ราน โอลิเบย่า กองหลังของบาร์เซโลน่าเป็นกัปตันทีม ซึ่งก่อนจะได้แชมป์ยูโร เขาเคยพาบาร์ซ่าซิวแชมป์ ลา ลีกา มาก่อนแล้วในปี 1959 และ 1960
ส่วนกัปตันทีมคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้ชูถ้วยแชมป์ยูโรก็คือ อิกอร์ เน็ตโต้ อดีตกองกลางทีมชาติสหภาพโซเวียตในปี 1960 ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาก็พา สปาร์ตัก มอสโก ประสบความสำเร็จในประเทศได้เป็นประจำอยู่แล้ว
จะเห็นได้ว่า การที่นักเตะคนไหนสักคนที่ไม่เคยคว้าแชมป์อะไรมาก่อนเลย แต่กลับเป็นกัปตันทีมชาติที่ชูถ้วยแชมป์ยูโร มันคือเรื่องที่แทบไม่เคยเกิดขึ้น
ซึ่งน่าสนใจว่าในคืนวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคมนี้ แฮร์รี่ เคน จะเอาอย่าง แบร์นาร์ด ดีตซ์ และล้างอาถรรพ์ที่ทั้งชีวิตไม่เคยมีโทรฟี่ได้เสียทีหรือไม่
การทำ 2 อาชีพควบคู่กันอาจไม่ใช่เรื่องใหม่ในยุคนี้ แต่สำหรับ ฉี หมิง อาจจะต่างออกไป เมื่อนักสู้ MMA ชาวจีนรายนี้ เพิ่งจะกระทืบคู่แข่งจนบาดเจ็บหนัก ก่อนจะมาเฉลยว่าตัวเองเป็นหมอ ติดตามเรื่องราวไปพร้อมกัน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในการแข่งขัน UFC…
พรีเมียร์ลีกเดินทางมาถึงสัปดาห์ที 12 แล้ว โดยสัปดาห์นี้มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมายที่ทั้งเป็นไปตามคาดและสุดแสนจะพลิกล็อค จะมีเหตุการณ์อะไรบ้าง ไปดูกัน 1.ทีมใหญ่ยังคงรักษามาตรฐานไว้ได้ดี อาร์เซนอลคือทีมที่สามารถเก็บผลการแข่งขันไปได้แบบน่าพอใจที่สุด หลังเอาชนะน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 3-0 ทั้งๆที่ฤดูกาลนี้ฟอเรสต์ก็ไม่ธรรมดา และนอกจากผลการแข่งขันที่ดีแล้ว ถ้าเราดูรูปเกมก็จะเห็นว่าอาร์เซนอลทำได้ดีมาก…
Full Gear เป็นอีกศึกใหญ่ท้ายปีของ AEW และจะเป็นตัวกลางส่งไปสู่ Worlds End ศึกใหญ่สุดท้ายของปี เรามาดูกันดีกว่าว่าใน Full Gear มีแมตซ์ไหนและเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง แมตซ์ที่ 1 ชิงแชมป์แท็กทีม…
สตีฟ คูเปอร์ ถูก เลสเตอร์ ซิตี้ ปลดออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมเรียบร้อยแล้ว โดยทีมจิ้งจอกสยามได้ประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการเมื่อวันอาทิตย์ หลังจากที่เขาคุมทีมนัดล่าสุดแพ้เชลซีคาบ้าน 1-2 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้เลสเตอร์ไม่ชนะใคร 5 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการ ตกรอบ คาราบาว…
รูเบน อโมริม จะทำหน้าที่คุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงสนามเป็นนัดแรกในเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่จะต้องบุกเยือนน้องใหม่อย่าง อิปสวิช ทาวน์ คืนวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน ซึ่งจากสิ่งที่เฮดโค้ชชาวโปรตุเกสให้สัมภาษณ์ ดูเหมือนว่าเขาน่าจะยึดระบบ "หลัง 3"…
หลังจากที่อาร์เนซอลเอาชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอรเสต์ ไป 3-0 เมื่อคืนนี้ ส่งผลให้อาร์เซนอลทำสถิติเป็นทีมที่ 2 ในอังกฤษที่ทำสถิติเก็บชัยชนะถึง 2,000 นัด ในลีกสูงสุดจากจำนวนลงแข่งทั้งหมด 4,336 นัด เรามาย้อนดูกันหน่อยดีกว่าในในช่วงเวลาที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นบ้างกับอาร์เซนอล…