ถึงเวลา พาลเมอร์ ยึดตัวจริงทีมชาติ หลังฟอร์มเด่นกว่าใครเพื่อน

Pipat Sathirawut

October 10, 2024 · 4 min read

ถึงเวลา พาลเมอร์ ยึดตัวจริงทีมชาติ หลังฟอร์มเด่นกว่าใครเพื่อน
Football | October 10, 2024

ในช่วงเบรกฟีฟ่าเดย์หนนี้ หลายคนกำลังจับตาว่า โคล พาลเมอร์ จะได้โอกาสเป็นตัวจริงให้ทีมชาติอังกฤษเสียทีหรือยัง หลังจากที่ผ่านมาเขาทำผลงานยอดเยี่ยมกับเชลซีมาตลอดฤดูกาลที่แล้ว แต่สุดท้ายกลับเป็นแค่ตัวสำรองในศึกยูโร 2024 ส่วนในช่วงเบรกทีมชาติเดือนที่แล้ว เขาไม่ได้ติดทีมเพราะมีปัญหาบาดเจ็บ

ถึงตอนนี้ เขากำลังถูกยกย่องจากทั่วสารทิศว่าเป็นนักเตะที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีกในตอนนี้ และถ้าจะมีจังหวะไหนที่เขาควรได้เป็นตัวจริงให้ทีมชาติ ตอนนี้นี่แหละที่เหมาะสมที่สุด

 

สถิติฟ้อง ตอนนี้คือแนวรุกอันดับหนึ่งพรีเมียร์ลีก

นับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วเป็นต้นมา ไม่มีนักเตะคนไหนที่จะมีส่วนร่วมกับการทำประตูโดยตรงในพรีเมียร์ลีกมากไปกว่า โคล พาลเมอร์ แนวรุกตัวแบกของเชลซีอีกแล้ว โดยสตาร์ดังวัย 22 ปี ทำผลงานยิง 22 แอสซิสต์ 11 เมื่อซีซั่นก่อน แถมฟอร์มช่วงต้นซีซั่นนี้ก็ยังยอดเยี่ยม ผ่านไป 7 นัด ซัดไป 6 ประตู ทำอีก 5 แอสซิสต์

จาก 6 ประตูที่ทำได้ มีผลงานอันลือลั่นที่กลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ นั่นก็คือการเหมาคนเดียว 4 ประตูภายในเวลาห่างกันแค่ 20 นาทีในเกมที่เชลซีเปิดบ้านชนะไบรท์ตัน 4-2 ทำให้เขาจารึกชื่อว่าเป็นนักเตะคนแรกที่สามารถยิงได้ถึง 4 ประตูภายในครึ่งเวลาแรกของศึกพรีเมียร์ลีก

ที่บอกว่าพาลเมอร์คือ “เดอะ แบก” ไม่ใช่การพูดเกินจริง เพราะถ้าหากไม่มีประตูและแอสซิสต์ของพาลเมอร์ช่วยไว้ เชลซีจะทำแต้มหล่นไปถึง 7 แต้มในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ และถ้าเป็นแบบนั้นจริง พวกเขาอาจจะไม่ใช่อันดับ 4 ตอนนี้ แต่หล่นไปอยู่กลางตารางได้เลย

ส่วนซีซั่นที่แล้ว พาลเมอร์คือคีย์แมนสำคัญในการพาทีมสิงโตน้ำเงินครามของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ จบฤดูกาลด้วยอันดับ 6 โดยประตูกับแอสซิสต์ของเขาช่วยให้ทีมได้คะแนนเพิ่มถึง 26 แต้ม แม้ 9 ประตูในจำนวนนั้นจะมาจากจุดโทษ แต่พาลเมอร์ไม่เคยสังหารพลาดเลยแม้แต่หนเดียว 

นับตั้งแต่เปิดฤดูกาล 2023-24 มาจนถึงตอนนี้ มีแค่ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ปีศาจดาวถล่มประตูของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยิงในพรีเมียร์ลีกได้มากกว่าพาลเมอร์ที่เล่นเป็นกองกลาง โดยฮาลันด์ซัดไป 37 ประตู ส่วนพาลเมอร์ยิงไป 28 ลูก ส่วนอันดับ 3 คือ โอลลี่ วัตกิ้นส์ ที่ยิงไป 23 ประตู

และในช่วงเวลาเดียวกันนั้น พาลเมอร์คือผู้เล่นที่ทำแอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีกมากที่สุดถึง 16 ครั้งเทียบเท่ากับ บูคาโย่ ซาก้า ปีกขวาของอาร์เซน่อล 

นั่นทำให้รวมผลงานทั้งยิงทั้งจ่าย พาลเมอร์กลายเป็นนักเตะที่มีอิทธิพลกับการช่วยให้ทีมได้ประตูมากที่สุดของพรีเมียร์ลีกตอนนี้ไปแล้ว เมื่อมีส่วนร่วมโดยตรงถึง 44 ประตู นับตั้งแต่ย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เข้าสู่ถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อช่วงซัมเมอร์ปีก่อน ด้วยค่าตัวรวม add-ons ทั้งหมด 42.5 ล้านปอนด์

 

โคล พาลเมอร์ กับรางวัลนักเตะชายยอดเยี่ยมของทีมชาติอังกฤษ ประจำฤดูกาล 2023-24

 

ฟอร์มส่วนตัวที่ยอดเยี่ยมของ โคล พาลเมอร์ ทำให้เขาคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 2023-24 จากทั้งพรีเมียร์ลีก และจากสมาคมนักเตะอาชีพของอังกฤษหรือ พีเอฟเอ และล่าสุดก็เพิ่งถูกโหวตให้คว้ารางวัลนักเตะชายยอดเยี่ยมของทีมชาติอังกฤษประจำซีซั่นที่ผ่านมาอีกด้วย

 

ตำแหน่งตัวจริงทีมชาติ ที่หลายคนกำลังเชียร์

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่หลายคนพูดกันมาตั้งแต่ศึกยูโร 2024 เมื่อช่วงซัมเมอร์ นั่นก็คือแล้วเมื่อไรกันที่พาลเมอร์จะได้โอกาสลงเป็นตัวจริงของทีมชาติ เพราะตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ที่ทีมสิงโตคำรามได้รองแชมป์ที่ประเทศเยอรมนี พาลเมอร์เป็นแค่ตัวสำรองตลอด

แต่ถึงแม้จะไม่ได้โอกาสลงเป็น 11 คนแรกเลยสักครั้งในศึกยูโรที่ผ่านมา แต่พาลเมอร์ก็สร้างอิมแพ็คท์ได้ไม่น้อยในหลายๆ นัด ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่พบกับสวิตเซอร์แลนด์ เขาลงสนามในช่วงท้ายเกม ก่อนจะช่วยให้การต่อบอลแดนบนไหลลื่นขึ้น และเป็นหนึ่งในมือสังหารจุดโทษที่ซัดไม่พลาดในช่วงดวลเป้า

จากนั้นในรอบรองชนะเลิศ เขาทำแอสซิสต์ให้ โอลลี่ วัตกิ้นส์ ยิงประตูชัยดับเนเธอร์แลนด์ 2-1 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ส่วนนัดชิงชนะเลิศก็ลงเป็นตัวสำรองมาทำประตูตีเสมอใส่ทีมชาติสเปน แต่น่าเสียดายที่เขาช่วยให้ทีมโค่นทัพกระทิงดุคว้าแชมป์ยุโรปสมัยแรกมาครองไม่สำเร็จ

ในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ทั้ง 2 นัดเมื่อเดือนกันยายน พาลเมอร์พลาดโอกาสติดทีมชาติไปอย่างน่าเสียดาย เพราะมีปัญหาบาดเจ็บรบกวนจนต้องถอนตัวออกไป แต่ในเดือนตุลาคมนี้ กุนซือขัดตาทัพของอังกฤษอย่าง ลี คาร์สลี่ย์ เรียกตัวเขามาติดทีมชุดที่จะต้องทำศึก เนชั่นส์ ลีก 2 นัด ที่จะเปิดบ้านพบกรีซ และบุกเยือนฟินแลนด์ด้วย

อย่างไรก็ตาม การจะให้ โคล พาลเมอร์ ลงเป็น 11 คนแรกในทีมชาติอังกฤษก็มีเครื่องหมายคำถาม ว่าควรจะให้เขาลงเล่นตำแหน่งไหน เพราะบทบาทกองกลางตัวรุกหลังกองหน้า หรือหมายเลข 10 ที่กำลังเฉิดฉายภายใต้การคุมทีมของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ในซีซั่นนี้ ในทีมชาติก็มีทั้ง ฟิล โฟเด้น และ จู๊ด เบลลิงแฮม ที่พร้อมแย่งตำแหน่งเช่นกัน

หรือถ้าจะฉีกออกไปเป็นปีกขวาเหมือนกับตำแหน่งหลักที่เล่นให้ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ก็มี บูคาโย่ ซาก้า ที่เป็นตัวหลักตำแหน่งนั้นมานาน 

เมื่อเดือนกันยายน ลี คาร์สลี่ย์ ไม่ต้องเจอปัญหานี้ เพราะทั้ง จู๊ด เบลลิงแฮม, โคล พาลเมอร์ และ ฟิล โฟเด้น ไม่ถูกเรียกตัวติดทีมชาติทั้ง 3 คน เนื่องจากจู๊ดกับพาลเมอร์ถอนตัวไปด้วยปัญหาบาดเจ็บ ส่วนโฟเด้นมีอาการป่วย ทำให้เดือนที่แล้ว คาร์สลี่ย์จัดทัพโดยให้ แอนโธนี่ กอร์ดอน ตัวรุกจากนิวคาสเซิ่ลลงสนาม แล้วมี แจ็ค กรีลิช ยืนปีกซ้าย ให้ บูคาโย่ ซาก้า เล่นปีกขวา

แต่ในเดือนนี้ คาร์สลี่ย์มีอาวุธในมือให้เลือกใช้เพียบ ทั้ง จู๊ด, พาลเมอร์, โฟเด้น มีชื่อติดทีมชาติอังกฤษรอบนี้ทั้งหมด ปีกขวาก็ยังมีชื่อของซาก้า ปีกซ้ายก็ยังมีชื่อของกรีลิช โดยที่ แอนโธนี่ กอร์ดอน กับ โนนี่ มาดูเอเก้ ก็ติดทีมมาด้วย

 

กระแสชื่นชมล้นหลาม นี่คือแข้งดีสุดของอังกฤษชั่วโมงนี้

หลายคนกำลังจับตาว่าในช่วงเบรกทีมชาติรอบนี้ จะถึงเวลาที่ โคล พาลเมอร์ เริ่มต้นกับการเป็นตัวหลักของทีมชาติอังกฤษแบบเต็มตัวได้เสียทีหรือยัง เพราะเสียงชื่นชมที่มีต่อเขาอย่างล้นหลามตอนนี้ หลายคนกำลังยกให้พาลเมอร์คือนักเตะที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีกตอนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ

ไม่ใช่แค่เจ้านายในต้นสังกัดอย่าง เอ็นโซ่ มาเรสก้า ที่ชื่นชมลูกทีมคนเก่งรายนี้ว่าเป็นผู้เล่นที่เก่งที่สุดของพรีเมียร์ลีก ณ ปัจจุบันเท่านั้น แต่บรรดาตำนานนักเตะทีมชาติอังกฤษหลายคนก็กำลังออกมายกย่องสตาร์ดังเจ้าของท่าดีใจ “กูหนาว” กันอย่างต่อเนื่องในช่วงหลัง

แกรี่ ลินิเกอร์ บอกว่า “ทุกครั้งที่ผมดูเขาเล่น เขาทำให้ผมลืมหายใจ”

“ในบรรดานักเตะพรสวรรค์ทุกคนที่อังกฤษมี เขาอาจจะเป็นคนที่เก่งที่สุดจากหลายๆ คนเลยก็ได้”

ส่วน ธีโอ วัลค็อตต์ ก็ชี้ว่านักเตะที่สามารถทำได้ดีทั้งการยิงประตูทุกรูปแบบ และการสร้างสรรค์โอกาส สมควรได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงโดยอัตโนมัติให้กับทุกทีมที่เล่น

“คุณไม่สามารถเอาเขาออกจากทีมไหนได้ทั้งนั้น และผมกำลังพูดถึงทีมชาติอังกฤษอยู่ด้วยเช่นกัน”

“เขามีพรสวรรค์มาก เขาจะได้รับการยอมรับรอบๆ เขา และทำให้นักเตะต่างยำเกรงเขา ถ้าหากเขายังทำได้แบบนี้ต่อไป เขาจะกลายเป็นตำนานของพรีเมียร์ลีก”

 

เชส ฟาเบรกาส ตำนานกองกลางทีมชาติสเปน ที่ปัจจุบันเป็นกุนซือของโคโม่ กล่าวยกย่องพาลเมอร์

ทางด้าน เชส ฟาเบรกาส ซึ่งเป็นอดีตตำนานกองกลางทีมชาติสเปน และเคยผ่านประสบการณ์ค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกมาอย่างโชกโชนทั้งกับอาร์เซน่อล และเชลซี ก็แนะนำว่าทีมไหนก็ตามที่มีนักเตะอย่าง โคล พาลเมอร์ อยู่ในทีม ควรจะสร้างทีมโดยมีเขาเป็นจุดศูนย์กลาง

“เมื่อใครสักคนมีความพิเศษขนาดนั้น เมื่อมีใครสักคนที่ทำให้คุณได้เห็นและรู้สึกว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในทีม เขาจะเป็นคนเปลี่ยนเกมได้ ผมเชื่อว่าคุณสามารถสร้างทีมรอบๆ เขาได้”

“เป็นเรื่องยุติธรรมที่จะพูดว่ามันคือสิ่งถูกต้องที่จะทำ ถึงแม้ว่าในฐานะที่ผมเป็นโค้ช เราเกลียดที่จะพูดอะไรแบบนี้ เพราะเราต้องการปกป้องทีมและความเป็นส่วนรวมเอาไว้ แต่เมื่อคุณมีใครสักคนที่เก่งขนาดนั้น และมีอิมแพ็คท์ในสนามมากขนาดนั้น ผมคิดว่าทีมเห็นตัวเองแล้ว และพวกเขาอยากให้พาลเมอร์ได้บอลมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

“เมื่อเขาได้บอล มันรู้สึกเหมือนว่าทุกอย่างดูช้าลง และทุกอย่างกลายเป็นชัดเจนทันทีในสายตาเขา เขายังสามารถผ่านบอลได้ทุกแบบจากทุกมุมของสนาม ผมคิดว่ามันเป็นไปได้ที่จะสร้างทีมขึ้นมารอบตัวเขา เมื่อมีนักเตะที่เก่งขนาดนั้นอยู่”

“ผมมีความสุขไปกับเขา เพราะนักเตะเก่งๆ ทุกวันนี้ไม่ค่อยได้รับการปกป้องสักเท่าไร พวกเขาไม่ได้รับความเชื่อมั่นแบบเดียวกันจากโค้ชในการปล่อยให้เป็นตัวของตัวเอง ได้สร้างพื้นที่การเล่นให้ตัวเอง และทำให้อะไรมันเกิดขึ้นในแบบที่พวกเขารู้สึกเอง”

“พวกเราได้เห็นการได้อิสระนี้ในตัวของพาลเมอร์ มันคือเรื่องสำคัญมากไม่ใช่แค่กับเชลซี แต่มันหมายถึงวงการฟุตบอลในทั่วๆ ไป และทีมชาติอังกฤษด้วย”

 

ฟอร์มซีซั่นนี้ เหนือกว่าโฟเด้น, จู๊ด

หากเทียบจากฟอร์ม ณ ปัจจุบัน ก็ต้องบอกว่า โคล พาลเมอร์ เหนือกว่าทั้งจู๊ดและโฟเด้นมากๆ เพราะมีผลงานยิงไปแล้ว 6 ประตูกับอีก 5 แอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ขณะที่ ฟิล โฟเด้น ยังไม่ค่อยได้ลงเล่นให้ แมนฯ ซิตี้ มากนักในช่วงต้นซีซั่น จึงยังไม่มีผลงานประตูและแอสซิสต์ในลีก ขณะที่ จู๊ด เบลลิงแฮม ยังยิงไม่ได้เลยตั้งแต่เปิดฤดูกาลเป็นต้นมา

ฟอร์มของพาลเมอร์ที่กำลังยอดเยี่ยม ทำให้หลายคนตั้งสมการไปก่อนเลยว่า ดาวดังจากเชลซีควรได้ตำแหน่งตัวจริงโดยอัตโนมัติไปก่อน และควรเล่นตำแหน่งตัวรุกหมายเลข 10 เพื่อจะได้เค้นศักยภาพสูงสุดออกมาช่วยทีมให้ได้มากที่สุด ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ก็พิจารณาสับเปลี่ยนเอาตามความเหมาะสม

คริส ซัตตัน อดีตดาวยิงตำนาน แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ชุดแชมป์พรีเมียร์ลีกปี 1995 ชี้ว่าทางออกที่ลงตัวก็คือให้ ฟิล โฟเด้น เป็นปีกซ้าย ให้ บูคาโย่ ซาก้า เป็นปีกขวาตามถนัด แต่ดร็อป จู๊ด เบลลิงแฮม ลงต่ำไปยืนกลางคู่กับ ดีแคลน ไรซ์ ไม่ต้องให้จู๊ดเล่นตำแหน่งหมายเลข 10 เหมือนช่วงที่ผ่านมา เพราะพาลเมอร์จะมีวิชั่นการจ่ายบอลที่ดีกว่า และมีทีเด็ดในการช่วยเกมรุกมากกว่า ส่วนเบลลิงแฮมอาจใช้ความสูงใหญ่ และพรสวรรค์ที่มี ช่วยคุมเกมในแผงมิดฟิลด์ได้

ซัตตันบอกว่า โคล พาลเมอร์ ต้องเป็นตัวจริงในทีมชาติแล้วเท่านั้น โดยชี้ว่า “คุณไม่สามารถทิ้งเขาออกจากทีมได้เลยในตอนนี้ เขาต้องได้เป็นตัวจริง เพราะเขากำลังอยู่ในฟอร์มร้อนแรง”

“เขาเล่นเหมือนกับว่ามีตาอยู่ด้านหลังศีรษะเขา และผมโคตรชอบดูเขาเล่นเลย”

 

สำหรับ โคล พาลเมอร์ เคยร่วมงานกับกุนซือทีมชาติอังกฤษคนปัจจุบันอย่าง ลี คาร์สลี่ย์ มาตั้งแต่ในชุดอายุไม่เกิน 21 ปี ที่คว้าแชมป์ยุโรปได้เมื่อปีที่แล้ว 

ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปรุ่นยู-21 เมื่อปี 2023 คาร์สลี่ย์จับพาลเมอร์เล่นในหลายบทบาทในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว ทั้งตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง, มิดฟิลด์ตัวรุก หรือจับเป็นปีกทั้ง 2 ข้าง และทำผลงานได้ดี ช่วยให้ทีมสิงโตชุดเล็กคว้าแชมป์โดยชนะ 6 นัดรวด แบบไม่เสียประตูเลย

โปรแกรม ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2 นัดของทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ในเดือนนี้ ที่เจองานไม่หนักมาก พบกับกรีซ และฟินแลนด์ ยิ่งเป็นโอกาสดีที่จะทำให้พลพรรค ทรี ไลอ้อนส์ ได้ทดลองแนวรุกหลายๆ แบบ และสมควรมากๆ ต่อการให้ โคล พาลเมอร์ ได้เป็นตัวจริงและเป็นศูนย์กลางของทีมบ้าง 

นี่คือโอกาสที่ทุกคนจะได้ดูกันแต่เนิ่นๆ เลยว่าการใช้พาลเมอร์เป็นตัวหลักจะออกมาเวิร์คไหม ก่อนที่อังกฤษจะเริ่มลงแข่งรายการที่สำคัญกว่านี้ในปี 2025 ที่ต้องทำศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนยุโรป ซึ่งนอกจากจะต้องคว้าผลการแข่งขันที่ดีแล้ว มันยังเป็นช่วงเตรียมทีมรอฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้ายอีกด้วย

ซึ่งถึงตรงนี้ ต้องบอกเลยว่า ถ้าหากพาลเมอร์ไม่ได้เล่นในตำแหน่งที่ถนัดที่สุดในทีมชาติ หรือยังไม่ได้โอกาสออกสตาร์ทตัวจริง มันคงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากๆ 

เพราะถ้าหากทำผลงานได้ดีต่อเนื่องมานานขนาดนี้แล้วยังไม่ถูกเหลียวแล ก็ไม่รู้ว่าจะได้เป็นตัวจริงให้ทีมชาติตอนไหนแล้วล่ะ