จานฟรังโก้ โซล่า : วันที่ตัวท็อป EPL ยังเป็นตัวคัดทิ้งของกัลโช่

Chayuntorn Chaimool

October 02, 2024 · 1 min read

จานฟรังโก้ โซล่า : วันที่ตัวท็อป EPL ยังเป็นตัวคัดทิ้งของกัลโช่
Football | October 02, 2024

ตั้งแต่ปี 1995 เป็นต้นมา นักเตะต่างชาติเริ่มทยอยเข้ามาพรีเมียร์ลีกมากขึ้นจากการรีแบรนด์ครั้งสำคั และนักเตะจาก อิตาลี เองก็เริ่มจะหันมามองลีกอังกฤษบ้างหลังจากที่หลายทีมในอังกฤษสามารถสู้ค่าจ้างไหว คนแรกที่เข้ามามีชื่อว่า อันเดรีย ไซเลนซี กองหน้าจาก โตริโน่ ที่มีค่าตัว 1.8 ล้านปอนด์ เมื่อครั้งย้ายมาอยู่กับ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์

การมาของ ไซเลนซี เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่านักเตะระดับกลาง ๆ ค่อนบนที่เล่นใน เซเรีย อา แล้วเบียดพวกเหล่าตัวท็อปในยุค “เซเรีย อา ครองโลก” จึงมาหาโอกาสและเงินค่าจ้างที่มากขึ้นในพรีเมียร์ลีกรวมถึงโซล่าด้วย

บทความจาก The Guardian เล่าว่าความเป็นนักเตะเชิงสูงสไตล์อิตาเลียนหรือนักเตะจากนอกสหราชอณาจักรคือความแตกต่างของฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเวลานั้น และเมื่อได้นักเตะที่มีความสามารถมากกว่าคนอื่น ๆ มันง่ายกว่าที่จะทำทีมโดยมีนักเตะคนนั้นเป็นศูนย์กลางของทีม ให้อิสระในการเล่นของพวกศิลปินลูกหนังเล่านี้ ไม่จับพวกเขาปักหลักในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งมากเกินไป เมื่อนั้นพวกเขาจะมีความสุขในการเล่น และเมื่อเดอะแบกเหล่านี้เอ็นจอย ทีมก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น … นี่คือแนวคิดการทำทีมของทีมจากพรีเมียร์ลีกในช่วงยุค 90s

และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ จานฟรังโก้ โซล่า ย้ายมาอยู่กับ เชลซี ทั้ง ๆ ที่ ณ เวลานั้น สิงห์บลูส์ จบอันดับ 11 ของตารางเท่านั้น

โซล่า เข้ามาและทำผลงานกับเชลซีได้อย่างสุดยอด ความยอดเยี่ยมของเขาเทียบชั้นกับ “อัจฉริยะของวงการฟุตบอลอังกฤษ” อย่าง พอล แกสคอยน์ คนที่สื่ออังกฤษบอกว่า 20 ปีจะมีนักเตะแบบนี้สักคน

“เอาแบบนี้แล้วกัน ผมขอเปรียบเทียบเขากับ พอล แกสคอยน์ มีความฉลาดแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ตลอด เป็นคนสนุกสนานและมีรอยยิ้มบนใบหน้าเสมอ ถ้าคุณได้เห็น คุณอดที่จะชื่นชมเขาไม่ได้แน่ โซล่า คืออัจฉริยะที่คาดเดาไม่ได้ เขาทำในสิ่งที่ผู้เล่นคนอื่นไม่กล้าทำ มันเป็นสิ่งที่หายากจริง ๆ ในฟุตบอลอังกฤษเวลานั้น”

“อีกอย่างหนึ่ง ณ เวลานั้นเรามีนักเตะต่างชาติในลีกไม่มากเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงเป็นเป้าให้แฟนได้ดูและจับผิดง่ายมากกว่าใคร แต่นั่นไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร โซล่า เป็นผู้ชนะในสนามยังไม่พอ เขาชนะใจแฟนบอลด้วย แม้แต่แฟนบอลทีมอื่น ๆ ก็เกลียดเขาไม่ลง” เจสัน ค็อกซ์ นักข่าวยุคนั้นบอกเล่าความยอดเยี่ยมของโซล่า ที่เข้ามาเป็นทุกอย่างในแนวรุกของ เชลซี จนช่วยทีมให้กลับมาสู่ยุคเริ่มต้นของความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ และเขากลายเป็นตำนานของสโมรแห่งนี้ไปโดยปริยาย

โซล่า ได้เล่าในวันที่เลิกเล่นว่าฟุตบอลอิตาลีในเวลานั้นมีแต่นักเตะระดับโลก ทุกคนเล่นกันอย่างมีสมาธิเขม็งเกรียว เป็นระบบ และใช้ความหมัศจรรย์ของนักเตะเปลี่ยนแปลงจังหวะการเล่นจากจังหวะเซ็ตเกม ให้เปลี่ยนเป็นจังหวะเป็นประตู

ทว่าในพรีเมียร์ลีกนั้น ทุกอย่างตัดสินกันที่ไหวพริบ ตัวของเขาเองนั้นรอดมาได้อาจจะไม่ใช่ความแข็งแรง แต่เป็นเรื่องของความคล่องแล้ว และการใช้ไหวพริบที่ดีบวกกับการมีทักษะที่ดีอยู่แล้ว ภาพที่ออกมาส่วนใหญ่จึงเป็นจังหวะจ่ายบอลสวย ๆ ยิงประตูงาม ๆ หรือจากหลอกล่อนักเตะฝั่งตรงข้ามที่ทำได้อย่างแนบเนียน และเป็นวิธีการเล่นที่วงการฟุตบอลอังกฤษต้องอ้าปากค้างในช่วงเวลาที่พวกเขายังไม่รู้จักนักเตะอิตาลีมากนัก