ซาลาห์แค่ที่ 2 : สื่อใหญ่จัดอันดับ 12 แข้งย้ายปุ๊ปเล่นปีแรกด้วยฟอร์มสุดโหดตลอดกาล
- ดิเอโก้ คอสต้า (เชลซี 2014-15)
ดาวเตะชาวบราซิลผู้เลือกเล่นให้ทีมชาติสเปนรายนี้ มีช่วงเวลาที่สุดยอดหลังจากเริ่มย้ายมาค้าแข้งในอังกฤษกับ เชลซี โดยเจ้าตัวยิง 7 ประตูจาก 4 เกมพรีเมียร์ลีกแรกที่ลงสนาม และยิงถึง 20 ประตูในฤดูกาลแรกของเขาในพรีเมียร์ลีกอีกต่างหาก นอกจากนี้ยังยิงประตูชัยให้เชลซีชนะ สเปอร์ส ในเกมลีกคัพนัดชิงชนะเลิศจนคว้าแชมป์แรกของเขาได้สำเร็จอีกด้วย
คอสต้า อาจมีปัญหาเรื่องพฤติกรรมและอารมณ์อยู่บ้าง แต่นั่นก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความยอดเยี่ยมที่เขาสร้างให้ เชลซี ได้เลย เขาลงเล่นให้กับ สิงห์บลูส์ ในเกมลีก 89 นัดและยิงไปถึง 52 ประตูก่อนย้ายกลับไปอยู่กับ แอตฯ มาดริด ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา
- เฟร์นันโด ตอร์เรส (ลิเวอร์พูล 2007/08)
ฟอร์มการเล่นและสถิติของ ตอร์เรส ในระยะหลังๆของเขาอาจทำให้คุณลืมไปแล้วว่า เอล นินโญ่ เคยสุดยอดแค่ไหนตอนย้ายไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล ในปี 2007 ซึ่งเขายิงได้ถึง 24 ประตูจากการลงเล่นเกมลีกทั้งหมด 29 เกม ถือว่าเป็นสถิติที่ดีที่สุดสำหรับนักเตะต่างชาติที่ย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีกเหนือ รุด ฟาน นิสเติลรอย ที่เคยทำไว้ในฤดูกาล 2001/02
ดาวยิงชาวสเปนทำสถิติยิง 8 เกมติดต่อกันในเกมลีกเท่ากับที่ โรเจอร์ ฮันท์ ทำไว้ให้ลิเวอร์พูลในอดีต นอกจากนี้ยังทำให้เขาเป็นนักเตะของ “หงส์เเดง” คนแรกที่ยิงประตูเกิน 20 ลูกนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ทำไว้ และท้ายที่สุดคือ ตอร์เรส คือนักเตะคนแรกที่ทำสถิติยิงแฮตทริกในเกมหย้าติดต่อกัน 2 เกมในรอบ 60 ปีอีกด้วย
ผลงานทั้งหมดที่กล่าวมาทำให้ ตอร์เรส พา สเปน คว้าแชมป์ฟุตบอลยูโรปี 2008 และได้อันดับ 3 ของ บัลลงดอร์ รองจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่
- เบนนี่ แม็คคาร์ธี่ (แบล็คเบิร์น 2006-07)
ดาวยิงชาวแอฟริกาใต้ย้ายมาเล่นให้กับ แบล็คเบิร์น ในปี 2006 หลังจากพเนจรกับหลากหลายสโมสรรวมถึงการเคยเป็นลูกทีมของ โจเซ่ มูรินโญ่ ที่ เอฟซี ปอร์โต้ คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกในปี 2004 มาครองอีกด้วย การเข้ามายังถิ่น อีวู้ด ปาร์ค ของ เเม็คคาร์ธี่ เกิดขึ้นเพราะกุหลาบไฟเพิ่งขาย เคร็ก เบลลามี่ ให้กับ ลิเวอร์พูล นั่นเอง
แบล็คเบิร์น อาจจะเปิดฤดูกาลด้วยการแพ้ พอร์ทสมัธ 0-3 ทว่า แม็คคาร์ธี่ ก็ท็อปฟอร์มด้วยการยิงประตูในเกมต่อๆมากับ วีแกน,แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล สุดท้ายเขาจบฤดูกาลด้วยการซัดไปถึง 18 ลูก โดยปีนั้นเขาจับคู่กับชาบานี่ น็องด้า ในแนวรุกช่วยให้ทีมของ มาร์ค ฮิวจ์ส คว้าอันดับ 10 ของพรีเมียร์ลีก
3 ประตูของ เเม็คคาร์ธี่ ที่ทำได้ในถ้วย เอฟเอ คัพ ช่วยให้ทีมไปถึงรอบ 4 ทีมสุดท้าย และยังยิงอีก 3 ลูกในเกมยูฟ่า คัพ อีกด้วย ทั้งหมดนี้คือจำนวน 24 ประตูจากทุกรายการที่เขาทำได้ในฤดูกาลดังกล่าว
- เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์
แชมป์ฟุตบอลโลก 1990 อย่าง คลิ้นส์มันน์ มาค้าแข้งกับ สเปอร์ส ในซัมเมอร์ปี 1994 โดยย้ายมาจาก โมนาโก “ฉลามขาว” ยิงประตูในเกมแรกที่ลงสนามกับ เชฟฯ เว้นส์ฯ ได้ทันที ก่อนยิงไปถึง 7 ประตูจาก 6 นัดแรกและจบฤดูกาลที่ 21 ประตูในเกมลีก (30ประตูในทุกรายการ)
ผลงานดังกล่าวทำให้ คลิ้นส์มันน์ คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีก ก่อนที่สุดท้ายย้ายกลับไปอยู่กับบาเยิร์น มิวนิค และช่วยทัพเสือใต้ให้คว้าแชมป์ ยูฟา คัพ สำเร็จขณะที่ตัวเขาเองยิงไป 31 ประตูจาก 45 เกมที่ลงสนาม
ปี 1997 หลังจากที่ไปค้าแข้งกับทั้งบาเยิร์น และ ซามพ์โดเรีย มาเเล้ว คลิ้นส์มันน์ ก็กลับมาเล่นให้สเปอร์สอีกครั้ง โดยหนนี้เขายิงถึง 9 ประตูจาก 18 นัด และช่วยให้ “ไก่เดือยทอง” รอดตกชั้นสำเร็จ
- เยนส์ เลห์มันน์ (อาร์เซน่อล 2003-04)
เลห์มันน์ ย้านค้าแข้งในถิ่น ไฮบิวรี่ ในซัมเมอร์ปี 2003 โดยเข้ามาสานงานต่อจาก เดวิด ซีเเมน ผู้เคยมาทีมคว้าแชมป์ลีก 3 สมัยและเเชมป์ เอฟเอ คัพ อีก 1 สมัย
อย่างไรก็ตามแม้จะมีความกดดันสูงแต่ เลห์มันน์ ก็รับมือและเอาตัวรอดได้สบายๆ เขาลงเล่นให้กับ อาร์เซน่อล ถึง 54 นัดในฤดูกาลแรก นอกจากนี้ยังทำให้ อาร์เซน่อล เป็นทีมไร้พ่ายของพรีเมียร์ลีกด้วยการเสียแค่ 26 ประตูจาก 38 เกมอีกด้วย
เลห์มันน์ อยู่กับ อาร์เซน่อล 5 ฤดูกาลก่อนเพิ่มเติมด้วยเเชมป์ เอฟเอ คัพ และ เเชมป์พรีเมียร์ลีก ทว่าน่าเสียดายสำหรับรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ปืนใหญ่ต้องถูก บาร์เซโลน่า สอยในนัดชิงชนะเลิศปี 2006
- รุด ฟาน นิสเติลรอย (แมนฯ ยูไนเต็ด 2001-02)
ดาวยิงชาวดัตช์อาจจะต้องใช้เวลารอมาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ถึง 1 ปีเต็มเพราะมีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า อย่างไรก็ตามเขาไม่ทำให้เหล่าแฟนผีต้องรอเก้อเพราะในปีแรกของเขาจบลงด้วยการยิงไปถึง 23 ประตูจาก 36 เกมที่ลงเล่น โดยมีเพียง เธียร์รี่ อองรี คนเดียวเท่านั้นที่ยิงได้มากกว่า
10 ประตูของเขาในเกมเเชมเปี้ยนส์ลีกทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ดไปถึงรอบรองชนะเลิศ นอกจากนี้ เขายังคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนถึง 2 ครั้งอีกด้วย
- จานฟรังโก้ โซล่า (เชลซี 1996-97)
โซล่า ย้ายมาอยู่กับ เชลซี ในปี 1996 ด้วยค่าตัว 4.5 ล้านปอนด์ ซึ่งดาวยิงชาวอิตาเลี่ยนก็ผงาดคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีทันทีและยังช่วยให้เชลซีคว้าแชมป์แรกของสโมสรนับตั้งแต่ปี 1970 จากการเอาชนะ มิดเดิ้ลสโบรห์ในนัดชิง
4 จาก 12 ประตูของ โซล่า เกิดขึ้นในเกมเอฟเอ คัพ ซึ่งเป็นประตูที่ทำให้ เชลซี เอาชนะ พอร์ทสมัธ ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย และผ่านวิมเบิลดัน ในรอบ 4 ทีมสุดท้ายอีกด้วย
ในฤดูกาลต่อมาเขายังช่วยเชลซี ให้คว้าแชมป์ คัพ วินเนอร์ส คัพ ด้วยการยิงประตูในเกมกับ ทรอมโซ่, เรอัล เบติส และ วิเซนซ่า รวมถึงในเกมนัดชิงกับ สตุ๊ตการ์ท อีกด้วย “จานฟรังโก้ ทำได้ทุกสิ่งบนโลกนี้เพราะเขาคือพ่อมดยังไงล่ะ” เคลาดิโอ รานิเอรี่ กล่าว
- เซร์คิโอ อเกวโร่ (แมนฯ ซิตี้ 2011-12)
แมนฯ ซิตี้ กลับมาฟื้นฟูสู่ความรุ่งเรืองอีกครั้งนับตั้งแต่ได้ตัวจอมถล่มประตูชาวอาร์เจนไตน์รายนี้มาร่วมทีมในปี 2011 ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์
อเกวโร่ ใช้เวลาไม่ถึง 9 นาทีก็เบิกสกอร์แรกในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จกการโดนเปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรองในเกมกับ สวอนซี และจบเกมด้วยการยิง 2 ประตูและ ซิตี้ ก็ชนะ หงส์ขาวไป 4-0
อเกวโร่ ยิงไป 23 ประตูกับอีก 8 แอสซิสต์ ช่วยให้ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1968 หลังจากซัดประตูชัยช่วงทดเจ็บในเกมสุดท้ายของฤดูกาลที่พบกับ ควีนส์ พาร์ค เรนเจอร์ส ซึ่งถือว่าเป็นประตูที่ช่วยบอกว่าเขาคู่ควรกับการเป็นตำนานของแมนฯ ซิตี้ อย่างแท้จริง
- เควิน ฟิลลิปส์ (ซันเดอร์แลนด์ 1999-00)
ซุปเปอร์เคฟ ย้ายมาอยู่กับ ซันเดอร์แลนด์ หลังจากตกชั้นไปเล่นในลีกรองเมื่อปี 1997 ก่อนจะยิง 60 ประตูใน 2 ฤดูกาลช่วยให้ทัพแมวดำกลับขึ้นสู่ลีกสูงสุดอีกครั้ง
แฟนบอลของซันเดอร์แลนด์รู้ดีว่า ฟิลลิปส์ เก่งกาจแค่ไหนแต่ไม่มีใครคิดว่าเขาจะสร้างตำนานได้ทันทีในการเลื่อนชั้นครั้งแรกของเขา โดย ฟิลลิปส์ จับคู่กับ ไนออล ควินน์ ถล่มประตูอย่างเมามัน นอกจากนี้ ฟิลลิปส์ ยังได้รางวัลรองเท้าทองคำของทวีปยุโรปมาครองอีกด้วยจากการยิง 30 ประตูช่วยให้ซันเดอร์แลนด์จบอันดับ 7 ของพรีเมียร์ลีก
นี่คือฤดูกาลที่เขาประสบความสำเร็จมากที่สุดในชีวิตค้าแข้ง ก่อนที่สถิติของเขาจะถูกทำลายลงโดย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ หลุยส์ ซัวเรซ ในเวลาต่อมา
- ยาป สตัม (แมนฯ ยูไนเต็ด 1998-99)
ยักษ์ใหญ่ชาวดัตช์ย้ายจาก พีเอสวี มาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อปี 1998 ก่อนที่พาทีมปีศาจเเดงคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกถึง 3 ครั้ง โดยฤดูกาลแรกของเขากับปีศาจเเดงนั้นยิ่งใหญ่สุดๆด้วยการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก,เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก มาครองได้สำเร็จ
ผลงานดังกล่าวทำให้ สตัม ติดทีมยอดเยี่ยมประจำปีของพรีเมียร์ลีก และได้รางวัลเป็นกองหลังยอดเยี่ยมของยุโรป โดยรายการเดียวที่ ยูไนเต็ด ไม่สามารถคว้าแชมป์ในปีนั้นคือถ้วย ลีก คัพ ซึ่งเป็นรายการที่ สตัม ไม่ได้ลงเล่นเลยแม่แต่เกมเดียว
หลังจากนั้น สตัม โดนขายให้กับ ลาซิโอ ซึ่งเกิดจากแตกหักกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เพราะกองหลังชาวดัตช์ไปเขียนวิจารณ์เจ้านายของเขาในพ็อคเก็ตบุ๊กส่วนตัว อย่างไรก็ตามในภายหลัง เฟอร์กี้ ยอมรับว่าการขายสตัมออกจากทีมคือการตัดสินใจที่ผิดพลาดของเขา
- โมฮาเหม็ด ซาลาห์
ตอนนี้ ซาลาห์ ยิงไปแล้ว 29 ประตูในเกมลีก ทำให้เขามีคะแนนนำนักเตะดังอย่าง ลิโอเนล เมสซี่,ชิโร่ อิมโมบิลเล่, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้,คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ และ เอดิสัน คาวานี่ ที่จะคว้ารางวัลรองเท้าทองคำของยุโรป
ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ซาลาห์ เพิ่งทำลายสถิติของ เฟร์นันโด ตอร์เรส ที่ยิงได้ 24 ประตูในเกมเหย้าสำหรับซีซั่นแรก ตอนนี้ดาวเตะชาวอียิปต์ยิงไป 39 ประตูจากทุกรายการ เหลือเพียงอีก 8 ลูกเท่านั้น ซาลาห์ จะทำลายสถิติตลอดกาลที่ เอียน รัช ยิงไว้ทั้งหมด 47 ประตูในฤดูกาล 1983-84
- เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (เลสเตอร์ , 2015-16)
ก็องเต้ ย้ายมาอยู่ เลสเตอร์ ด้วยชื่อเสียงที่ไม่มีใครรู้จักจาก ก็อง ในซัมเมอร์ปี 2015 ด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์ และไม่ต้องพิสูจน์อะไรเลยว่าคุ้มหรือไม่เมื่อ ก็องเต้ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ เลสเตอร์ ช็อคโลกคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้สำเร็จ
ก็องเต้ ได้รับการซูฮกจากฟอร์มการเล่นส่วนตัวเสมอมา เขาติดทีมยอดเยี่ยมประจำปีของพรีเมียร์ลีก และยังถูกอดีตนักเตะของเลสเตอร์อย่าง สตีฟ วอลช์ ชมว่าการมี ก็องเต้ อยู่ในเเดนกลางทำให้กองกลางของ เลสเตอร์ มีผู้เล่นเพิ่มมาอีก 1 คน
ก็องเต้ ยังกลายเป็นผู้เล่นคนที่ 2 ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัยติดต่อกับคนละสโมสร หลังจากที่เขาย้ายไปอยู่กับ เชลซี ในปี 2016 และนอกจากจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแล้ว ก็องเต้ ยังคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของพรีเมียร์ลีก, รางวัล PFA รวมถึงรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีจาก FWA อีกด้วย
Picks and Pick'em is here!
More teams, more wins. Join a public league and draft instantly.