ซาลาห์แค่ที่ 2 : สื่อใหญ่จัดอันดับ 12 แข้งย้ายปุ๊ปเล่นปีแรกด้วยฟอร์มสุดโหดตลอดกาล

Chayuntorn Chaimool

October 01, 2024 · 4 min read

ซาลาห์แค่ที่ 2 : สื่อใหญ่จัดอันดับ 12 แข้งย้ายปุ๊ปเล่นปีแรกด้วยฟอร์มสุดโหดตลอดกาล
Football | October 01, 2024
top12 player who best debut season in PL

 

  1. ดิเอโก้ คอสต้า (เชลซี 2014-15)

 

ดาวเตะชาวบราซิลผู้เลือกเล่นให้ทีมชาติสเปนรายนี้ มีช่วงเวลาที่สุดยอดหลังจากเริ่มย้ายมาค้าแข้งในอังกฤษกับ เชลซี โดยเจ้าตัวยิง 7 ประตูจาก 4 เกมพรีเมียร์ลีกแรกที่ลงสนาม และยิงถึง 20 ประตูในฤดูกาลแรกของเขาในพรีเมียร์ลีกอีกต่างหาก นอกจากนี้ยังยิงประตูชัยให้เชลซีชนะ สเปอร์ส ในเกมลีกคัพนัดชิงชนะเลิศจนคว้าแชมป์แรกของเขาได้สำเร็จอีกด้วย 

 

คอสต้า อาจมีปัญหาเรื่องพฤติกรรมและอารมณ์อยู่บ้าง แต่นั่นก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความยอดเยี่ยมที่เขาสร้างให้ เชลซี ได้เลย เขาลงเล่นให้กับ สิงห์บลูส์ ในเกมลีก 89 นัดและยิงไปถึง 52 ประตูก่อนย้ายกลับไปอยู่กับ แอตฯ มาดริด ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา

 

  1. เฟร์นันโด ตอร์เรส (ลิเวอร์พูล 2007/08)

 

ฟอร์มการเล่นและสถิติของ ตอร์เรส ในระยะหลังๆของเขาอาจทำให้คุณลืมไปแล้วว่า เอล นินโญ่ เคยสุดยอดแค่ไหนตอนย้ายไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล ในปี 2007 ซึ่งเขายิงได้ถึง 24 ประตูจากการลงเล่นเกมลีกทั้งหมด 29 เกม ถือว่าเป็นสถิติที่ดีที่สุดสำหรับนักเตะต่างชาติที่ย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีกเหนือ รุด ฟาน นิสเติลรอย ที่เคยทำไว้ในฤดูกาล 2001/02 

 

ดาวยิงชาวสเปนทำสถิติยิง 8 เกมติดต่อกันในเกมลีกเท่ากับที่ โรเจอร์ ฮันท์ ทำไว้ให้ลิเวอร์พูลในอดีต นอกจากนี้ยังทำให้เขาเป็นนักเตะของ “หงส์เเดง” คนแรกที่ยิงประตูเกิน 20 ลูกนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ทำไว้ และท้ายที่สุดคือ ตอร์เรส คือนักเตะคนแรกที่ทำสถิติยิงแฮตทริกในเกมหย้าติดต่อกัน 2 เกมในรอบ 60 ปีอีกด้วย

 

ผลงานทั้งหมดที่กล่าวมาทำให้ ตอร์เรส พา สเปน คว้าแชมป์ฟุตบอลยูโรปี 2008 และได้อันดับ 3 ของ บัลลงดอร์ รองจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ 

 

  1. บนนี่ แม็คคาร์ธี่ (แบล็คเบิร์น 2006-07)

 

ดาวยิงชาวแอฟริกาใต้ย้ายมาเล่นให้กับ แบล็คเบิร์น ในปี 2006 หลังจากพเนจรกับหลากหลายสโมสรรวมถึงการเคยเป็นลูกทีมของ โจเซ่ มูรินโญ่ ที่ เอฟซี ปอร์โต้ คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกในปี 2004 มาครองอีกด้วย การเข้ามายังถิ่น อีวู้ด ปาร์ค ของ เเม็คคาร์ธี่ เกิดขึ้นเพราะกุหลาบไฟเพิ่งขาย เคร็ก เบลลามี่ ให้กับ ลิเวอร์พูล นั่นเอง 

 

แบล็คเบิร์น อาจจะเปิดฤดูกาลด้วยการแพ้ พอร์ทสมัธ 0-3 ทว่า แม็คคาร์ธี่ ก็ท็อปฟอร์มด้วยการยิงประตูในเกมต่อๆมากับ วีแกน,แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล สุดท้ายเขาจบฤดูกาลด้วยการซัดไปถึง 18 ลูก โดยปีนั้นเขาจับคู่กับชาบานี่ น็องด้า ในแนวรุกช่วยให้ทีมของ มาร์ค ฮิวจ์ส คว้าอันดับ 10 ของพรีเมียร์ลีก 

 

3 ประตูของ เเม็คคาร์ธี่ ที่ทำได้ในถ้วย เอฟเอ คัพ ช่วยให้ทีมไปถึงรอบ 4 ทีมสุดท้าย และยังยิงอีก 3 ลูกในเกมยูฟ่า คัพ อีกด้วย ทั้งหมดนี้คือจำนวน 24 ประตูจากทุกรายการที่เขาทำได้ในฤดูกาลดังกล่าว

 

  1. เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ 

 

แชมป์ฟุตบอลโลก 1990 อย่าง คลิ้นส์มันน์ มาค้าแข้งกับ สเปอร์ส ในซัมเมอร์ปี 1994 โดยย้ายมาจาก โมนาโก “ฉลามขาว” ยิงประตูในเกมแรกที่ลงสนามกับ เชฟฯ เว้นส์ฯ ได้ทันที ก่อนยิงไปถึง 7 ประตูจาก 6 นัดแรกและจบฤดูกาลที่ 21 ประตูในเกมลีก (30ประตูในทุกรายการ)

 

ผลงานดังกล่าวทำให้ คลิ้นส์มันน์ คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีก ก่อนที่สุดท้ายย้ายกลับไปอยู่กับบาเยิร์น มิวนิค และช่วยทัพเสือใต้ให้คว้าแชมป์ ยูฟา คัพ สำเร็จขณะที่ตัวเขาเองยิงไป 31 ประตูจาก 45 เกมที่ลงสนาม 

 

ปี 1997 หลังจากที่ไปค้าแข้งกับทั้งบาเยิร์น และ ซามพ์โดเรีย มาเเล้ว คลิ้นส์มันน์ ก็กลับมาเล่นให้สเปอร์สอีกครั้ง โดยหนนี้เขายิงถึง 9 ประตูจาก 18 นัด และช่วยให้ “ไก่เดือยทอง” รอดตกชั้นสำเร็จ

 

  1. เยนส์ เลห์มันน์ (อาร์เซน่อล 2003-04)

 

เลห์มันน์ ย้านค้าแข้งในถิ่น ไฮบิวรี่ ในซัมเมอร์ปี 2003 โดยเข้ามาสานงานต่อจาก เดวิด ซีเเมน ผู้เคยมาทีมคว้าแชมป์ลีก 3 สมัยและเเชมป์ เอฟเอ คัพ อีก 1 สมัย

 

อย่างไรก็ตามแม้จะมีความกดดันสูงแต่ เลห์มันน์ ก็รับมือและเอาตัวรอดได้สบายๆ เขาลงเล่นให้กับ อาร์เซน่อล ถึง 54 นัดในฤดูกาลแรก นอกจากนี้ยังทำให้ อาร์เซน่อล เป็นทีมไร้พ่ายของพรีเมียร์ลีกด้วยการเสียแค่ 26 ประตูจาก 38 เกมอีกด้วย 

 

เลห์มันน์ อยู่กับ อาร์เซน่อล  5 ฤดูกาลก่อนเพิ่มเติมด้วยเเชมป์ เอฟเอ คัพ และ เเชมป์พรีเมียร์ลีก ทว่าน่าเสียดายสำหรับรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ปืนใหญ่ต้องถูก บาร์เซโลน่า สอยในนัดชิงชนะเลิศปี 2006 

 

  1. รุด ฟาน นิสเติลรอย (แมนฯ ยูไนเต็ด 2001-02)

 

ดาวยิงชาวดัตช์อาจจะต้องใช้เวลารอมาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ถึง 1 ปีเต็มเพราะมีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า อย่างไรก็ตามเขาไม่ทำให้เหล่าแฟนผีต้องรอเก้อเพราะในปีแรกของเขาจบลงด้วยการยิงไปถึง 23 ประตูจาก 36 เกมที่ลงเล่น โดยมีเพียง เธียร์รี่ อองรี คนเดียวเท่านั้นที่ยิงได้มากกว่า 

 

10 ประตูของเขาในเกมเเชมเปี้ยนส์ลีกทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ดไปถึงรอบรองชนะเลิศ นอกจากนี้ เขายังคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนถึง 2 ครั้งอีกด้วย

 

  1. จานฟรังโก้ โซล่า (เชลซี 1996-97)

 

โซล่า ย้ายมาอยู่กับ เชลซี ในปี 1996 ด้วยค่าตัว 4.5 ล้านปอนด์ ซึ่งดาวยิงชาวอิตาเลี่ยนก็ผงาดคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีทันทีและยังช่วยให้เชลซีคว้าแชมป์แรกของสโมสรนับตั้งแต่ปี 1970 จากการเอาชนะ มิดเดิ้ลสโบรห์ในนัดชิง  

 

4 จาก 12 ประตูของ โซล่า เกิดขึ้นในเกมเอฟเอ คัพ ซึ่งเป็นประตูที่ทำให้ เชลซี เอาชนะ พอร์ทสมัธ ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย และผ่านวิมเบิลดัน ในรอบ 4 ทีมสุดท้ายอีกด้วย

 

ในฤดูกาลต่อมาเขายังช่วยเชลซี ให้คว้าแชมป์ คัพ วินเนอร์ส คัพ ด้วยการยิงประตูในเกมกับ ทรอมโซ่, เรอัล เบติส และ วิเซนซ่า รวมถึงในเกมนัดชิงกับ สตุ๊ตการ์ท อีกด้วย  “จานฟรังโก้ ทำได้ทุกสิ่งบนโลกนี้เพราะเขาคือพ่อมดยังไงล่ะ” เคลาดิโอ รานิเอรี่ กล่าว

 

  1. เซร์คิโอ อเกวโร่ (แมนฯ ซิตี้ 2011-12)

 

แมนฯ ซิตี้ กลับมาฟื้นฟูสู่ความรุ่งเรืองอีกครั้งนับตั้งแต่ได้ตัวจอมถล่มประตูชาวอาร์เจนไตน์รายนี้มาร่วมทีมในปี 2011 ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ 

 

อเกวโร่ ใช้เวลาไม่ถึง 9 นาทีก็เบิกสกอร์แรกในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จกการโดนเปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรองในเกมกับ สวอนซี และจบเกมด้วยการยิง 2 ประตูและ ซิตี้ ก็ชนะ หงส์ขาวไป 4-0 

 

อเกวโร่ ยิงไป 23 ประตูกับอีก 8 แอสซิสต์ ช่วยให้ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1968 หลังจากซัดประตูชัยช่วงทดเจ็บในเกมสุดท้ายของฤดูกาลที่พบกับ ควีนส์ พาร์ค เรนเจอร์ส ซึ่งถือว่าเป็นประตูที่ช่วยบอกว่าเขาคู่ควรกับการเป็นตำนานของแมนฯ ซิตี้ อย่างแท้จริง

 

  1. เควิน ฟิลลิปส์ (ซันเดอร์แลนด์ 1999-00)

 

ซุปเปอร์เคฟ ย้ายมาอยู่กับ ซันเดอร์แลนด์ หลังจากตกชั้นไปเล่นในลีกรองเมื่อปี 1997 ก่อนจะยิง 60 ประตูใน 2 ฤดูกาลช่วยให้ทัพแมวดำกลับขึ้นสู่ลีกสูงสุดอีกครั้ง 

 

แฟนบอลของซันเดอร์แลนด์รู้ดีว่า ฟิลลิปส์ เก่งกาจแค่ไหนแต่ไม่มีใครคิดว่าเขาจะสร้างตำนานได้ทันทีในการเลื่อนชั้นครั้งแรกของเขา โดย ฟิลลิปส์ จับคู่กับ ไนออล ควินน์ ถล่มประตูอย่างเมามัน นอกจากนี้ ฟิลลิปส์ ยังได้รางวัลรองเท้าทองคำของทวีปยุโรปมาครองอีกด้วยจากการยิง 30 ประตูช่วยให้ซันเดอร์แลนด์จบอันดับ 7 ของพรีเมียร์ลีก 

 

นี่คือฤดูกาลที่เขาประสบความสำเร็จมากที่สุดในชีวิตค้าแข้ง ก่อนที่สถิติของเขาจะถูกทำลายลงโดย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ หลุยส์ ซัวเรซ ในเวลาต่อมา 

 

  1. ยาป สตัม (แมนฯ ยูไนเต็ด 1998-99)

 

ยักษ์ใหญ่ชาวดัตช์ย้ายจาก พีเอสวี มาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อปี 1998 ก่อนที่พาทีมปีศาจเเดงคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกถึง 3 ครั้ง โดยฤดูกาลแรกของเขากับปีศาจเเดงนั้นยิ่งใหญ่สุดๆด้วยการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก,เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก มาครองได้สำเร็จ

 

ผลงานดังกล่าวทำให้ สตัม ติดทีมยอดเยี่ยมประจำปีของพรีเมียร์ลีก และได้รางวัลเป็นกองหลังยอดเยี่ยมของยุโรป โดยรายการเดียวที่ ยูไนเต็ด ไม่สามารถคว้าแชมป์ในปีนั้นคือถ้วย ลีก คัพ ซึ่งเป็นรายการที่ สตัม ไม่ได้ลงเล่นเลยแม่แต่เกมเดียว  

 

หลังจากนั้น สตัม โดนขายให้กับ ลาซิโอ ซึ่งเกิดจากแตกหักกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เพราะกองหลังชาวดัตช์ไปเขียนวิจารณ์เจ้านายของเขาในพ็อคเก็ตบุ๊กส่วนตัว อย่างไรก็ตามในภายหลัง เฟอร์กี้ ยอมรับว่าการขายสตัมออกจากทีมคือการตัดสินใจที่ผิดพลาดของเขา 

 

  1. โมฮาเหม็ด ซาลาห์ 

 

ตอนนี้ ซาลาห์ ยิงไปแล้ว 29 ประตูในเกมลีก ทำให้เขามีคะแนนนำนักเตะดังอย่าง ลิโอเนล เมสซี่,ชิโร่ อิมโมบิลเล่, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้,คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ และ เอดิสัน คาวานี่ ที่จะคว้ารางวัลรองเท้าทองคำของยุโรป 

 

ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ซาลาห์ เพิ่งทำลายสถิติของ เฟร์นันโด ตอร์เรส ที่ยิงได้ 24 ประตูในเกมเหย้าสำหรับซีซั่นแรก ตอนนี้ดาวเตะชาวอียิปต์ยิงไป 39 ประตูจากทุกรายการ เหลือเพียงอีก 8 ลูกเท่านั้น ซาลาห์ จะทำลายสถิติตลอดกาลที่ เอียน รัช ยิงไว้ทั้งหมด 47 ประตูในฤดูกาล 1983-84

 

  1. เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (เลสเตอร์ , 2015-16)

 

ก็องเต้ ย้ายมาอยู่ เลสเตอร์ ด้วยชื่อเสียงที่ไม่มีใครรู้จักจาก ก็อง ในซัมเมอร์ปี 2015 ด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์ และไม่ต้องพิสูจน์อะไรเลยว่าคุ้มหรือไม่เมื่อ ก็องเต้ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ เลสเตอร์ ช็อคโลกคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้สำเร็จ 

 

ก็องเต้ ได้รับการซูฮกจากฟอร์มการเล่นส่วนตัวเสมอมา เขาติดทีมยอดเยี่ยมประจำปีของพรีเมียร์ลีก และยังถูกอดีตนักเตะของเลสเตอร์อย่าง สตีฟ วอลช์ ชมว่าการมี ก็องเต้ อยู่ในเเดนกลางทำให้กองกลางของ เลสเตอร์ มีผู้เล่นเพิ่มมาอีก 1 คน 

 

ก็องเต้ ยังกลายเป็นผู้เล่นคนที่ 2 ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัยติดต่อกับคนละสโมสร หลังจากที่เขาย้ายไปอยู่กับ เชลซี ในปี 2016 และนอกจากจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแล้ว ก็องเต้ ยังคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของพรีเมียร์ลีก, รางวัล PFA รวมถึงรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีจาก FWA อีกด้วย