แซมมี่ ฮาร์วี่ย์ : โกลเด็กที่ได้เป็นมือหนึ่งทีมชาติด้วยวัย 14 ปี

ถ้าหากเป็นเด็กที่อยู่ในประเทศไทย ช่วงวัย 14 ปี ถือว่ายังเรียนอยู่ในระดับมัธยมต้น หรือถ้าหากอยู่ในสหราชอาณาจักร นั่นยังไม่ใช่อายุที่ถึงเกณฑ์ไปเที่ยวไนท์คลับได้ด้วยตัวเองด้วยซ้ำ

แต่สำหรับ แซมมี่ ฮาร์วี่ย์ เจ้าหนูผู้รักษาประตูที่ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2009 ซึ่งจะอายุครบ 15 ปีเต็มภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เขาได้โอกาสลงเฝ้าเสาให้ทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกตั้งแต่อายุ 14 ปีเศษๆ ในช่วงเบรกฟีฟ่าเดย์เมื่อเดือนกันยายน 2024

ฮาร์วี่ย์ซึ่งเป็นผู้รักษาประตูของ เชสเชียร์ ฮอลล์ อะคาเดมี่ฟุตบอลในประเทศหมู่เกาะเติกส์และเคคอส ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงให้กับทีมชาติทั้ง 2 นัดในศึก คอนคาเคฟ เนชั่นส์ ลีก ฤดูกาล 2024-25  ลีก C ซึ่งเป็นลีกที่ต่ำที่สุดของรายการ นัดที่แพ้ทีมชาติแองกวิลลา 0-2 และแพ้เบลิซ 0-4 โดยในเกมที่พบกับแองกวิลลา ผู้รักษาประตูของฝั่งตรงข้ามอายุมากถึง 41 ปี ถือว่าอายุห่างกันถึง 27 ปีเลยทีเดียว

 

ชาติอันดับ 206 ของโลก ที่ให้โอกาสเด็กๆ ติดทีมชาติชุดใหญ่

ปัจจุบัน ทีมชาติหมู่เกาะเติกส์และเคคอส คือชาติที่รั้งอันดับ 206 ของแรงกิ้งฟีฟ่าหรือชาติอันดับที่ 5 ของโลกหากนับจากท้าย โดยดินแดนอาณานิคมโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักรที่ตั้งอยู่บนทะเลแคริบเบียนแห่งนี้ มีประชากรเพียงแค่ราวๆ 30,000 คนเท่านั้น และคนส่วนใหญ่ของประเทศยังมีอายุไม่ถึง 20 ปี

นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทีมฟุตบอลทีมชาติชุดใหญ่ของพวกเขา มีนักเตะอายุไม่ถึง 20 ปีติดทีมชาติมากถึง 12 คนเมื่อเดือนกันยายน โดยผู้เล่นที่อายุมากที่สุดคือ บิลลี่ ฟอร์บส์ กองหน้าวัย 33 ปีที่เป็นกัปตันทีม และครองสถิติเป็นนักเตะที่ติดทีมชาติมากที่สุด และเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของหมู่เกาะเติกส์และเคคอสด้วย

ด้วยความที่หมู่เกาะเติกส์และเคคอสคือชาติที่ให้โอกาสวัยรุ่นติดทีมชาติตั้งแต่อายุยังเด็กอยู่แล้ว นั่นทำให้ แซมมี่ ฮาร์วี่ย์ ไม่ใช่ผู้เล่นคนแรกที่ได้ลงเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่ของพวกเขาตั้งแต่อายุ 14 แต่ว่าก่อนหน้านี้ กองกลางอย่าง คริสโตเฟอร์ ลุยซี่ ซึ่งปัจจุบันอายุ 19 ปี ก็เคยประเดิมทีมชาติในช่วงวัยดังกล่าวมาแล้ว

 

 

จากกุนซือผู้เป็นอดีตโกลจาเมกา ชุดบอลโลกฟร้องซ์ 98 ชี้เหตุผลทำไมเด็กได้โอกาส

ปัจจุบัน เฮดโค้ชของทีมชาติหมู่เกาะเติกส์และเคคอสคือ อารอน ลอว์เรนซ์ อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติจาเมกาชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 1998 ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ และเป็นคนที่ได้ลงเฝ้าเสาในเกมที่จาเมกาเอาชนะญี่ปุ่นไป 2-1  ซึ่งเป็นชัยชนะนัดเดียวในประวัติศาสตร์การลงเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายของจาเมกาด้วย

ลอว์เรนซ์เผยว่า ด้วยวิถีชีวิตของคนในหมู่เกาะเติกส์และเคคอส ที่มองว่าควรหันไปเอาดีทางอื่นในการทำมาหากินมากกว่า ทำให้เมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัยก็เข้าสู่ชีวิตของการทำงานหาเลี้ยงชีพและครอบครัวเต็มตัว นั่นทำให้ฟุตบอลกลายเป็นเรื่องของเด็กวัยรุ่นซะมากกว่า

“หมู่เกาะเติกส์และเคคอสคือเกาะที่เล็กมากๆ และนักเตะบางคนที่อายุมากกว่านี้ที่กำลังเรียนมหาวิทยาลัยไม่มีโอกาสมาโชว์ผลงาน บางคนเลิกเล่นและเริ่มทำงานกันไปแล้ว เพราะพวกเขามองไม่เห็นหนทางก้าวหน้ากับกีฬาฟุตบอล”

“เรากำลังพยายามอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนา และนี่คือสิ่งที่เรากำลังทำกับเด็กเหล่านี้ เพื่อช่วยให้พวกเขาเติบโต และหวังว่าเด็กเหล่านี้ยังรักษาความสนใจและอยู่กับฟุตบอลไปอีกเป็นช่วงเวลานาน”

“นักเตะเหล่านี้จะต้องมีอะไรสักอย่างให้รอคอยและเล่นเพื่อมัน และมีบางสิ่งที่จะออกไปและประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง”

 

ความศรัทธาในตัวโค้ช ทำให้เจ้าหนูฮาร์วี่ย์เล่นเป็นนายประตู

นายด่านวัยกระเตาะให้สัมภาษณ์กับบีบีซีไว้ว่า “หลังจากลงเล่นนัดแรกให้ทีมชาติ ผมร้องไห้ เมื่อรู้ว่าเกมแรกของผมมันจบลงด้วยความพ่ายแพ้”

“โค้ชโทรหาผมในคืนนั้นเพื่อช่วยดึงสติผมกลับมา และผมก็เชิดหน้าสู้ และพร้อมอีกครั้ง”

“ผมปล่อยให้เรื่องมันผ่านไปพร้อมกับความคิดที่ว่า “นี่ผมได้เล่นให้ทีมชาติตอนอายุ 14 โดยได้รับประสบการณ์ยอดเยี่ยมเลยนะ” จงพร้อมสำหรับเกมนัดต่อไปและสู้อีกครั้งเถอะ เพื่อพิสูจน์ให้พวกเขาได้เห็นว่าผมสามารถลงเล่นในระดับนี้ได้”

โดบ แซมมี่ ฮาร์วี่ย์ เผยว่า อารอน ลอว์เรนซ์ กุนซือทีมชาติหมู่เกาะเติกส์และเคคอสคนปัจจุบัน คือไอดอลของเขาที่ทำให้มาเล่นตำแหน่งผู้รักษาประตู เพราะเดิมทีเขาเล่นเป็นกองหลัง

“ผมเริ่มเล่นในตำแหน่งแบ็กซ้ายและแบ็กขวา แต่เมื่อโค้ชอารอนเข้ามาสู่โปรแกรมที่ผมฝึกฟุตบอล เขาจับผมไปเล่นเป็นโกล และทำงานเพื่อผม เขาคือโค้ชผู้รักษาประตูคนแรกของผม”

“ผมได้ดูไฮไลท์การเล่นของเขาเยอะมากจากวันที่เขาเล่นในฟุตบอลโลก”

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเบรกทีมชาติหนนี้ อารอน ลอว์เรนซ์ เลือกส่ง ปีเตอร์สัน เซนต์ เฟลอเรนต์ โกลวัย 17 ปีลงเฝ้าเสาแทนในเกมที่หมู่เกาะเติกส์และเคคอสเอาชนะแองกวิลลา 2-1 แต่ด้วยวัยของ แซมมี่ ฮาร์วี่ย์ ที่อายุยังน้อยมากๆ เขาน่าจะมีเส้นทางในทีมชาติอีกยาวไกลแน่นอน