จากสนามสู่ศาสนา : อดีตแข้งแมนฯ ยูฯ ผู้เบื่อความฟุ้งเฟ้อของโลกลูกหนัง จนไปบวชเป็นพระ

Maruak Tanniyom

December 10, 2024 · 2 min read

จากสนามสู่ศาสนา : อดีตแข้งแมนฯ ยูฯ ผู้เบื่อความฟุ้งเฟ้อของโลกลูกหนัง จนไปบวชเป็นพระ
Football | December 10, 2024
รู้จักกับอดีตนักเตะปีศาจแดง ที่หันเหเข้าสู่ทางธรรม เนื่องจากเบื่อความวุ่นวายในโลกลูกหนัง ที่เผชิญมาตลอดตอนที่ค้าแข้ง

นักฟุตบอล ถือเป็นอาชีพที่ใฝ่ฝันของใครหลายคน เพราะนอกจากจะได้ทำในสิ่งที่รักแล้ว ยังมีโอกาสที่มีรายรับมหาศาล รวมไปถึงชื่อเสียงที่ตามมา

ทว่า อาจจะไม่ใช่สำหรับ ฟิล มัลไรน์ เมื่ออดีตแข้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้นี้ กลับไม่มีความสุขกับชีวิตนักเตะอาชีพ เนื่องจากความฟุ้งเฟ้อของโลกลูกหนัง จนสุดท้ายเขาต้องไปบวชเป็นพระ

ติดตามเรื่องราวของเขาไปพร้อมกัน

อดีตเด็กนรกแมนฯ ยู

ฟิล มัลไรน์ อาจจะไม่ได้เป็นชื่อที่หลายคนคุ้นหูมากนัก ทว่า หากย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษที่ 1990s แข้งชาวไอร์แลนด์เหนือผู้นี้ คือหนึ่งในแข้งดาวรุ่งน่าจับตาของอคาเดมี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเฉพาะการเป็นส่วนหนึ่งของการว้าแชมป์ เอฟเอ ยูธ คัพของปีศาจแดงในปี 1995

แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่สามารถเบียดขึ้นมาเป็นตัวจริงในทีมชุดใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในยุคที่เต็มไปด้วยแข้งดาวรุ่งระดับพระกาฬอย่าง พอล สโคลส์, เดวิด เบ็คแฮม หรือ แกรี เนวิลล์ ได้ และได้ลงเล่นเพียงแค่เกมเดียว ก่อนจะถูกขายให้ นอริช ซิตี้ ด้วยราคาเพียง 500,000 ปอนด์ ในปี 1999

และแคร์โรว โรด ก็คือที่ที่ทำให้กองกลางร่างเล็กคนนี้ได้เฉิดฉาย เมื่อ มัลไรน์ กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของ นอริช และได้ลงเล่นไปถึง 160 นัด พร้อมช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีก 2004-2005

อย่างไรก็ดี ไม่ทันจะได้ลงเล่นในลีกสูงสุด ในปี 2005 มัลไรน์ ก็เลือกออกจากทีมไปเล่นให้กับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นการตัดสินใจไม่ดีนัก เมื่อเขาแทบไม่มีโอกาสลงเล่นให้ทีมจากเวลส์เลย

หลังจากนั้น มัลไรน์ ก็มีโอกาสค้าแข้งในช่วงสั้นๆ กับเลย์ตัน โอเรียน ต่อด้วย คิงส์ ลิน ก่อนจะแขวนสตั๊ดในปี 2008 ด้วยวัยเพียง 31 ปี

จากสนามสู่ศาสนา

สำหรับอดีตนักเตะ อาชีพที่หลายคนเลือกทำหลังเลิกเล่น หากไม่เป็นโค้ช ก็เป็นกูรูช่วยวิเคราะห์ทางหน้าจอโทรทัศน์ แต่อาจไม่ใช่สำหรับ มัลไรน์ เมื่อเขาตัดสินใจมุ่งหน้าเข้าสู่ทางธรรม ด้วยการเข้ารับการฝึกอบรมเป็นนักบวชของคาทอลิค

มัลไรน์ ให้เหตุผลว่าเขารู้สึกเบื่อกับชีวิตในโลกลูกหนัง ที่ไม่ได้เป็นหลังเลิกเล่น แต่เป็นมาตั้งแต่ตอนเป็นนักเตะอาชีพ

“มันยากที่จะระบุว่าเป็นช่วงไหน แต่ผมพูดได้ว่ามันเริ่มตอนปีสุดสุดท้ายที่ผมอยู่กับ นอริช มันอาจจะไม่ได้ชัดเจน และผมก็ไม่ได้คิดถึงมัน แต่ตอนนั้นผมรู้สึกว่าผมไม่พอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่” มัลไรน์ กล่าวกับ เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ นอริช

“เรามีชีวิตที่มหัศจรรย์กับการเป็นนักฟุตบอล และผมก็ได้สิทธิพิเศษหลายอย่าง แต่ผมพบว่าเมื่อมีสิ่งต่าง ๆ มากมายอยู่รอบตัว ผมกลับรู้สึกว่ามันว่างเปล่า ผมรู้สึกช็อคพอควร ว่าทำไมผมจึงไม่มีความสุข ตอนที่ผมมีทุกอย่างที่คนหนุ่มต้องการ”

“นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางเพื่อสำรวจศรัทธาของผมอีกครั้ง ศรัทธาที่ผมมีเมื่อสมัยยังเด็ก ผมตัดสินใจกลับบ้านไปหนึ่งปี และมันก็เป็นปีที่ทุกอย่างพลิกผันไปหมด”

“ผมไปเป็นอาสาสมัครอยู่ที่สถานสงเคราะห์คนไร้บ้านอยู่ช่วงหนึ่ง ผมเริ่มกลับไปเข้าโบสถ์ และสวดมนต์เป็นประจำอีกครั้ง ผมรู้สึกอิ่มเอมใจกับเรื่องนี้ ฟุตบอลมันขึ้นๆลงๆ และนี่คือสิ่งที่ทำให้จิตใจของผมมั่นคง”

นอกจากเข้ารับการอบรมแล้ว มัลไรน์ ยังต้องนับหนึ่งใหม่ในเส้นทางสายนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปศึกษาด้านปรัชญาถึงอิตาลี หรือการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในด้านเทววิทยาในบ้านเกิดถึง 4 ปีเต็ม

และตอนนี้ความพยายามของเขาก็บรรลุผล เมื่อ มัลไรน์ ในวัย 46 ปี สามารถผลักดันตัวเองจนกลายเป็น “สาธุคุณฟิลิป มัลไรน์” หลังจากได้สถาปนาขึ้นมาเป็นบาทหลวงแห่งคณะโดมินิกัน เมื่อปี 2017 และทำหน้าที่ดูแลโบสถ์ เซนแมรี ไพออรี ที่เมืองคอร์กในปัจจุบัน

“หนึ่งในการค้นพบที่ยิ่งใหญ่สำหรับผมตลอดหลายปีที่ผ่านมา คือความคล้ายคลึงของทั้งสองสิ่งนี้ ที่อาจจะไม่ชัดเจนหากมองจากภายนอก” คุณพ่อฟิล มัลไรน์กล่าวกับ The Mirror

“นั่นคือการทำงานร่วมกันเป็นทีม การใช้ชีวิตอยู่กับเหล่าพี่น้อง และมุ่งไปสู่เป้าหมายที่คล้ายกัน”