กอร์ดอน แรมซีย์ : เชฟฝีปากกล้าที่กลายเป็น “เด็กเลี้ยงแกะ” ในโลกฟุตบอล
ในแวดวงอาหาร คงไม่มีมีใครไม่รู้จัก กอร์ดอน แรมซีย์ เซฟระดับมิชลินสตาร์ ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความดุดัน และวาจาที่เฉือดเฉือนแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม
ทั้งนี้ นอกจากการเป็นเชฟแล้ว กอร์ดอน ยังหลงใหลในเกมลูกหนัง และบอกว่าสมัยเด็กๆ เขาเกือบจะได้เซ็นสัญญากับ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส หากไม่ได้รับบาดเจ็บไปก่อน
“ถ้าให้เปรียบเทียบกับนักฟุตบอลสักคน ผมน่าจะประมาณสจ๊วต เพียร์ซ” เชฟดังกล่าว
อย่างไรก็ดี หลายคนก็เอะใจกับเรื่องนี้ และตั้งคำถามว่า แรมซีย์ เก่งขนาดนั้นเลยเหรอ? ก่อนที่มันจะกลายเป็นการเปิดโปงครั้งใหญ่ ที่ทำให้ เชฟคนดัง กลายเป็น “เด็กเลี้ยงแกะ” แห่งวงการลูกหนัง
ติดตามเรื่องราวไปพร้อมกัน
อันที่จริง สำหรับ แรมซีย์ ฟุตบอลคือสิ่งที่เขาผูกพันมาตั้งแต่เด็ก หลังได้ตามพ่อเข้าไปเชียร์ เรนเจอร์ส ในไอบร็อกซ์ พาร์ค จนถึงอายุ 10 ขวบ ก่อนที่ครอบครัวจะย้ายลงใต้ ไปอยู่ สแตรตเฟิร์ดอะพอนเอวอน
แรมซีย์ เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่ตอนนั้น และได้ร่วมทีมเยาวชน อ็อกฟอร์ด ยูไนเต็ด ก่อนที่ฝีเท้าของเขาจะไปเข้าตาแมวมองของ เรนเจอร์ส และได้ย้ายมาเล่นให้อคาเดมีของยักษ์ใหญ่ลีกสก็อตแลนด์ในที่สุด
“นั่นคือจุดเริ่มต้น ผมกลับไปกลาสโกว์ และปิดเทอมฤดูร้อนนั้น ผมก็ได้เซ็นสัญญาในที่สุด” แรมซีย์ กล่าวในรายการ Desert Island Discs
ในบทสัมภาษณ์หลายครั้ง รวมถึงใน ‘Humble Pie อัตชีวประวัติส่วนตัว แรมซีย์ ยังบอกว่าเขาอยู่กับ เรนเจอร์สถึง 3 ปี และมีฝีเท้าที่ไม่เลว จนเกือบจะไปรุ่งในเส้นทางลูกหนัง
“ผมทำได้ดีมากทีเดียว ผมเป็นแบ็คซ้ายขาโหดโดยธรรมชาติ และชอบเข้าสกัดแบบถึงลูกถึงคน คุณอาจจะผ่านผมไปได้ครั้งหนึ่ง แต่ต่อไปจะไม่มีวัน ไม่มีโอกาสซ้ำสอง” แรมซีย์กล่าวกับ Observer Sport Monthly
“ผมยังเป็นนักวิ่ง 100 เมตรที่ยอดเยี่ยม ถ้าให้เปรียบเทียบกับนักฟุตบอลสักคน ผมน่าจะประมาณสจ๊วต เพียร์ซ”
อย่างไรก็ดี ความฝันของเขาก็ต้องจบลง เมื่อ แรมซีย์ ดันโชคร้ายได้รับบาดเจ็บหนักที่หัวเข่า จนทำให้เขาต้องแขวนสตั๊ดด้วยวัยเพียงแค่ 18 ปี
“ผมได้เล่นในทีมชุดใหญ่ ผมเป็นสมาชิกในทีมชุดใหญ่ของทีม และได้เล่นไป 3 เกม” แรมซีย์ ย้อนความหลังในรายการ Desert Island Discs
“หลังจากนั้นผมก็ได้รับบาดเจ็บหนัก ผมต้องผ่าตัดเพื่อเอากระดูกอ่อนออก และ 3 เดือนหลังจากนั้น เอ็นของผมก็ฉีก”
“ผมถูกเรียกไปหาที่ออฟฟิศ ในเช้าวันศุกร์ โดยมี แจ็ค วอลเลซ (ผู้จัดการทีมเรนเจอร์ส) และ อาร์ชี น็อกซ์ โค้ชทีมชุดใหญ่ ผมก็เลยพาพ่อไปด้วย”
“คืนก่อนหน้านั้นผมแทบนอนไม่หลับ แต่ผมก็บอกตัวเองว่า แกก็รู้ แกจะได้เซ็นสัญญาอีกครั้ง แกจะได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่เต็มตัว แต่ไม่ใช่มันตรงกันข้าม”
หลังจากนั้น ฟุตบอลกับ แรมซีย์ ก็กลายเป็นเส้นขนาน แต่โชคยังดีที่เขายังมีอีกสิ่งที่ชื่นชอบนั่นคือการทำอาหาร ที่ทำให้เขาเบนเข็มเข้าสู่วงการนี้ ก่อนจะสร้างตัวจนกลายเป็นเชฟชื่อดังระดับโลกในเวลาต่อมา
เรื่องราวดังกล่าวของ แรมซีย์ ถูกเล่าผ่านสื่อซ้ำๆ จนทำให้เขาได้รับความนิยมในหมู่แฟนบอล เรนเจอร์ส นอกจากนี้ เขายังได้รับคำชื่นชมกับการที่ไม่ยอมแพ้แม้ความฝันจะจบลง พยายามสร้างเนื้อสร้างตัวจนได้รับการยอมรับในอีกวงการที่ต่างออกไป
อย่างไรก็ดี ภายใต้เรื่องเล่าสุดซึ้ง ยังมีคนบางกลุ่มที่ตะขิดตะขวงใจกับ แรมซีย์ โดยเฉพาะคนของสโมสรและเหล่าแฟนบอลเดนตายของ เรนเจอร์ส ที่รู้สึกไม่คุ้นกับเรื่องที่เชฟคนดังเล่าเลย
เริ่มจาก โรเบิร์ต แม็คเอลรอย นักประวัติศาสตร์ของเรนเจอร์ส ที่ยืนยันว่า แรมซีย์ ไม่เคยเซ็นสัญญากับทีม ไม่เคยเล่นให้ทีมชุดใหญ่ และไม่เคยได้รับการเสนอสัญญาแม้แต่ฉบับเดียว
“มันโครตเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี” แม็คเอลรอย กล่าวกับ News of the World
ขณะที่ น็อกซ์ ที่ แรมซีย์ บอกว่าเป็นคนไล่เขาออกจากสโมสร ระบุว่าช่วงเวลาที่เชฟคนดังพูดถึงเขาไม่ได้ทำงานให้ เรนเจอร์ส แถมไม่เคยทำงานภายใต้ จอซ วอลเลซ อีกด้วย
“เขาต้องสับสนในตัวเองแน่เลย ผมเป็นผู้จัดการทีมของดันดีอยู่ในตอนนั้น” น็อกซ์กล่าว
“ครั้งแรกที่ผมเห็น กอร์ดอน แรมซีย์ คือปี 1996 ที่เขาเขียนหนังสือเล่มแรก เขาไม่มีทางรู้จักผม เพราะว่าเราไม่เคยเจอกันมาก่อน”
เมื่อถูกเปิดโปง โฆษกของ แรมซีย์ ก็ออกมาตอบโต้เรื่องนี้ โดยงัดหลักฐานรูปถ่ายของเชฟคนดังในสีเสื้อของเรนเจอร์ส ที่ถ่ายในปี 1985 เคียงข้างกับ อัลลี แม็คคอยส์ ตำนานสโมสร ทว่า อลัน แครนส์ ผู้ลั่นชัตเตอร์ภาพนี้ก็ยืนยันว่านี่ไม่ใช่รูปของทีมชุดใหญ่
“มันเป็นเกมเทสติโมเนียลสำหรับกัปตันของ อีสต์ คิลไบรด์ ธิสเทิล ทีมเยาวชนของสโมสร มันเป็นทีมของ เรนเจอร์ส แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ทีมชุดใหญ่” แครนส์ อธิบาย
ก่อนที่มันจะถูกตอกย้ำจากโฆษกสโมสรที่ออกมาแถลงว่าตอนนั้น แรมซีย์ เป็นเพียงแค่นักเตะที่มาทดสอบฝีเท้า และลงเล่นในเกมกระชับมิตร เท่านั้น
“แรมซีย์ เป็นนักเตะทดสอบฝีเท้าที่ลงเล่นในเกมเทสติโมเนียล เขาฝึกซ้อมกับเราอยู่ไม่กี่เดือน แต่หลังจากนั้นก็มาได้รับบาดเจ็บ” โฆษกของเรนเจอร์สกล่าว
สรุปแล้ว เรื่องราวในโลกลูกหนังที่ แรมซีย์ เคยคุยโวเอาไว้กลับไม่ใช่เรื่องจริงแม้แต่เรื่องเดียว เขาไม่เคยเป็นนักเตะของเรนเจอร์ส ไม่เคยลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ รวมถึงไม่เคยถูกไล่ออกจากสโมสรอีกด้วย ที่เห็นจะมีเข้าเค้าก็คงเป็นเรื่องที่เขาได้รับบาดเจ็บเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ แรมซีย์ กลายเป็น “จอมโกหก” ในหมู่แฟนบอลเรนเจอร์ส และโลกลูกหนัง ทว่ามันอาจจะไม่มีผลอะไร เพราะเขาถูกเปิดโปงตอนที่มีชื่อเสียงแล้ว ที่สุดท้ายอาจจะเป็นเพียงเรื่องคุยโวโอ้อวดในวงเหล้าต่อจากนี้
Picks and Pick'em is here!
More teams, more wins. Join a public league and draft instantly.