ซานมารีโนทำอย่างไร? จากทีมที่คนในชาติยังไม่เชียร์ สู่การเลื่อนชั้นเนชันส์ลีก

Maruak Tanniyom

November 19, 2024 · 2 min read

ซานมารีโนทำอย่างไร? จากทีมที่คนในชาติยังไม่เชียร์ สู่การเลื่อนชั้นเนชันส์ลีก
Esports | November 19, 2024

พวกเขาคือทีมอันดับสุดท้ายของโลก และเพิ่งรู้จักกับชัยชนะแค่เพียงเกมเดียว จาก 140 นัด ในระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา

ความย่ำแย่เหล่านี้ ทำให้แม้แต่คนในประเทศยังระอา ส่งผลให้ทุกครั้งที่ ซานมารีโน ลงสนาม หากไม่เจอกับทีมใหญ่ พวกเขามีแฟนบอลแค่เพียงหลักร้อยไปจนถึงหลักพันเท่านั้น

อย่างไรก็ดี ตอนนี้ มันกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อ ซานมารีโน เพิ่งจะสร้างประวัติศาสตร์ ด้วยการเก็บชัยชนะเหนือ ลิกเตนสไตล์ พร้อมได้สิทธิ์เลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในลีกบนของ ยูฟ่า เนชันส์ลีก

เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา? ติดตามไปพร้อมกัน

ทีมที่คนในประเทศไม่เชียร์?

ซานมารีโน เป็นดินแดนขนาดเล็กบนหุบเขา ที่ไร้ทางออกทางทะเล โดยมีพื้นที่ทั้งหมดอยู่ในประเทศอิตาลี และเป็นที่รู้จักในฐานะประเทศที่เล็กที่สุดอันดับ 5 ของโลก

ด้วยพื้นที่เพียงแค่ 61 ตารางกิโลเมตร ซึ่งใหญ่กว่าเมืองพัทยาเพียงเล็กน้อย (พัทยามีพื้นที่ 53.4 ตารางกิโลเมตร) และประชากรเพียงแค่ 33,000 คน ทำให้พวกเขาไม่มีสนามบิน หรือแม้แต่สถานีรถไฟด้วยซ้ำ

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เหล่านักเตะในทีมชาติซานมารีโนส่วนใหญ่ จึงเป็นแค่นักฟุตบอลพาร์ทไทม์ และมีงานประจำของตัวเอง ที่มีตั้งแต่ช่างยนต์, พนักงานส่งของ ไปจนถึงคนงานในโรงงานอัญมณี

และนั่นก็ทำให้ ซานมารีโน ต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะนับตั้งแต่ลงเล่นในเกมระดับนานาชาติอย่างเป็นทางการเมื่อปี 1990 พวกเขาเอาชนะคู่แข่งได้เพียงนัดเดียว (หากนับจนถึงปี 2023) และปราชัยไปถึง 192 เกม จาก 201 นัดที่ลงสนาม

ทั้งนี้ ความปราชัย ไม่ใช่สิ่งเดียวที่ ซานมารีโน ต้องเผชิญ เมื่อทุกครั้งที่ลงสนาม พวกเขามักจะโดนคู่แข่งไล่ถล่มอย่างยับเยิน รวมถึงการพ่ายต่อเยอรมัน 13-0 เมื่อปี 2006 และโดนอังกฤษไล่อัด 10-0 เมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา

ผลงานที่ย่ำแย่ของ ซานมารีโน ทำให้แม้แต่คนในประเทศของพวกเขายังไม่เชียร์ และทำให้ทุกเกมที่พวกเขาลงสนาม มีคนดูในระดับหลักร้อยหรือหลักพันเศษเท่านั้น

“คุณจะไม่เจอแฟนบอลซานมารีโนที่นี่” มัตเตโอ พนักงานเสิร์ฟของร้าน Birrificio Abusivo กล่าวกับ ESPN

“คุณจะรู้ว่าซานมารีโนมีแข่งก็เพราะมีแฟนบอลทีมอื่นเข้ามาหาอะไรดื่ม”

มันยังสะท้อนให้เห็นจากยอดขายเสื้อของซามารีโนที่อยู่ในระดับต่ำเตี้ยเรี่ยดิน และส่วนใหญ่ก็เป็นกองเชียร์คู่แข่งที่เข้ามาซื้อเพื่อไปสะสม

“ฉันขายเสื้อให้แฟนอังกฤษ สเปน และเยอรมันไปเยอะมาก” มิเชล เจ้าของร้านขายเสื้อกล่าวกับ ESPN

“เสื้อทีมชาติซานมารีโนเป็นของแปลกใหม่ ไม่มีใครในซานมารีโนซื้อมัน แต่ดูเหมือนผู้มาเยือนจากต่างประเทศจะชอบมัน เพราะว่าทีมมีผลงานที่ไม่ดี”

ทว่าในปี 2024 บางอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป

ชัยชนะประวัติศาสตร์

แม้ว่า ซานมารีโน จะจมจ่อมการเป็นทีมอันดับสุดท้ายของโลกมาหลายสิบปี แต่พวกเขาก็ไม่ได้พอใจในสิ่งนี้ และพยายายามที่จะผลักดันตัวเองไปข้างหน้าอยู่เสมอ

สมาพันธ์ฟุตบอลซานมารีโนเริ่มจากวิธีเบสิคที่สุด นั่นก็คือลงทุนไปกับระบบพัฒนานักเตะเยาวชน ที่จะทำให้พวกเขามีนักเตะใช้งานอย่างไม่ขาดสาย ไปพร้อมกับปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานให้ดีขึ้น

พวกเขายังได้แปลงโฉม สตาดิโอ ดิ แอคคัววิวา รังเหย้าของทีมชาติให้ทันสมัยขึ้น ที่ทำให้มันมีทั้งสนามหญ้าเทียม ห้องแต่งตัว และหลังคาบนอัฒจันทร์ ขณะที่สนามฟุตบอลหลายแห่งก็กำลังอยู่ในกระบวนการปรับปรุง ด้วยเงินสนับสนุนจากฟีฟ่า

นอกจากนี้ ในปี 2024 สมาคมฯ ยังได้แต่งตั้ง โรแบร์โต เซโวลี เฮดโค้ชชาวอิตาเลียน ที่เคยมีประสบการณ์กับทีมในลีกอิตาลีอย่าง เรจจินา และ โนวารา ขึ้นมาเป็นกุนซือคนใหม่

มันเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้ชาติแห่งนี้ มีพัฒนาการที่ดีขึ้น เมื่อกุนซือวัย 55 ปี ได้เข้ามาเปลี่ยนให้ ซานมารีโน เป็นทีมที่ไม่ได้เอาชนะได้ง่ายเหมือนในอดีต ด้วยการให้ความสำคัญเรื่องแทคติกมากขึ้น โดยเฉพาะกลยุทธ์เน้นตั้งรับ แล้วโต้กลับ

และมันก็เริ่มเห็นผล เมื่อนับตั้งแต่ปี 2024 ซานมารีโน กลายเป็นทีมที่เสียประตูยากขึ้น และแม้จะแพ้เป็นส่วนใหญ่ แต่พวกเขาก็ไม่เคยเสียเกิน 4 ลูกอีกเลย จากที่เคยเสียไม่น้อยกว่าครึ่งโหลในแทบทุกเกม

“เป้าหมายของเรายังคงเหมือนเดิมเสมอ นั่นคือรักษาสกอร์ 0-0 ให้นานที่สุดเพื่อเพิ่มแรงกดดัน (ให้คู่แข่ง) แต่แน่นอนมันไม่ง่าย” ซิโมเน ฟรานซิโอซี กองหลังซานมารีโน ที่มีอีกอาชีพเป็นนักศึกษากล่าว

“เราไม่ได้เล่นเพื่อแพ้ เราอยากจะชนะเสมอแหละ แต่ผมเพิ่งเริ่มต้นกับทีมชาติ และผมก็รู้ว่าการเอาชนะในเกมเหล่านี้เป็นเรื่องที่ยากมากๆ”

ขณะเดียวกัน เขายังสร้างทีมโดยใช้การผสมผสานระหว่างนักเตะตัวเก๋า และผู้เล่นหน้าใหม่ ด้วยการเรียกแข้งดาวรุ่ง เข้ามาติดทีมชาติอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ ซานมารีโน กลายเป็นทีมที่เต็มไปด้วยแข้งในวัยทีนเอจ

จนกระทั่งในเดือนกันยายน 2024 ความพยายามของพวกเขาก็สัมฤทธิ์ผล เมื่อ ซานมารีโน สามารถคว้าชัยนัดแรกในรอบ 20 ปี ด้วยการเอาชนะ ลิกเตนสไตน์ ในศึกยูฟ่า เนชันส์ลีก จากประตูชัยของ นิคโก เซนโซลี กองหน้าวัย 19 ปี

“มันไม่ง่ายเลยที่จะเก็บอารมณ์ไว้ได้ ผมยังรู้สึกมีความสุขมากๆอยู่เลย” เซนโซลี กล่าวกับ FIFA

“ผู้เล่นมากประสบการณ์จำนวนมากในทีมใฝ่ฝันถึงช่วงเวลานี้มานานหลายปี บางคนกำลังจะสิ้นสุดชีวิตนักฟุตบอล และการได้รับอะไรเช่นนี้ นำมาซึ่งความยินดีและความสุขแก่พวกเขา”

ทว่า นั่นเป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อ 2 เดือนหลังจากนั้น ซานมารีโน ก็มาเก็ยชัยชนะนัดที่ 2 ในยูฟ่า เนชันส์ลีก ดี ด้วยการบุกไปเอาชนะ ลิกเตนสไตน์ เจ้าเก่าเจ้าเดิมด้วยสกอร์ 3-1 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่พวกเขาคว้าชัยมากกว่า 1 เกมในรอบปี พร้อมได้สิทธิ์เลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในยูฟ่า เนชันส์ลีก ซี

มันเป็นความสำเร็จ ที่เกิดจากความร่วมมือกันในหลายฝ่าย ทั้งตัวสมาคมฯ ที่ให้ความจริงจังกับการเยาวชน และการจ้างโค้ชที่มีฝีมือ ไปจนถึง ฟีฟ่า ที่ช่วยสนับสนุนในเรื่องความรู้และเงินลงทุน

แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเหล่าผู้เล่นในทีม ที่ไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าจะต้องเจอกับผลการแข่งขันที่เลวร้ายขนาดไหน พวกเขายังพร้อมจะสู้ในทุกเกมที่ลงสนาม ด้วยความภูมิใจในฐานะนักเตะทีมชาติซานมารีโนเสมอมา

“มันเป็นสิ่งที่ยาก แต่แน่นอน เราภูมิใจกับมัน แม้ว่าเราจะเป็นทีมที่อยู่รั้งท้ายของโลกก็ตาม” มัตเตโอ วิไตโอลี กัปตันทีมชาติซานมารีโน ที่มีอาชีพเป็นกราฟฟิคดีไซเนอร์กล่าวกับ ESPN

“เราอยู่ตรงนี้ เป็นหนึ่งในประเทศที่เล็กที่สุดในโลก แต่เราก็ลงเล่นอย่างเต็มร้อย และมีเพียงแค่เรา ไม่มีชาติอื่น แม้แต่ อิตาลี ยังใช้ผู้เล่นจากชาติอื่น แต่เราคือ ซานมารีโน ดังนั้นเราจึงภาคภูมิใจมากกับสิ่งนั้น”