แมนฯ ยูฯ พบ ลิเวอร์พูล : 5 มุมลับที่คุณอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับแดงเดือด

Maruak Tanniyom

August 30, 2024 · 3 min read

แมนฯ ยูฯ พบ ลิเวอร์พูล : 5 มุมลับที่คุณอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับแดงเดือด
Football | August 30, 2024

มาไวแบบไม่ทันตั้งตัวสำหรับแดงเดือดระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลิเวอร์พูล ที่ปีศาจแดง จะเปิดโอลด์ แทรฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูลในวันอาทิตย์ที่ 1 กันยายนที่จะถึงนี้

และก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น นี่คือ 5 มุมที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน ติดตามไปพร้อมกัน

คลองแมนเชสเตอร์ตอนเริ่มขุด

ท่าเรือเป็นเหตุ

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล ถือเป็นสองทีมแห่งเกาะอังกฤษ ที่ช่วงชิงความยิ่งใหญ่ในเกมลูกหนังมาตลอด ทว่าจุดเริ่มต้นของความบาดหมางของทั้งคู่ อาจไม่ได้เกิดขึ้นจากสนามฟุตบอล

ย้อนกลับไปในช่วงศตวรรษที่ 18 เมื่อหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม ได้พลิกบทบาทให้ แมนเชสเตอร์ จากเมืองเกษตรกรรม มาเป็นศูนย์กลางผู้ผลิตผ้าฝ้ายรายใหญ่ของอังกฤษ

แต่ปัญหาก็คือ พวกเขาไม่มีพื้นที่ติดทะเล จึงให้เมืองท่าเรืออย่างลิเวอร์พูล ที่ห่างออกไป 50 กิโลเมตร เป็นพ่อค้าคนกลางในการขนส่งผ้าฝ้ายของพวกเขาไปขายในต่างประเทศ

ความสัมพันธ์ของทั้งสองเมืองดำเนินไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งในปี 1870 แมนเชสเตอร์ รู้สึกว่า ลิเวอร์พูล เอากำไรจากพวกเขามากเกินไป แถมหลายครั้งยังส่งสินค้าล่าช้า จนทำให้ผลผลิตล้นสต็อค

ทำให้ในปี 1875 แมนเชสเตอร์ ก็ตัดสินใจยุติการทำธุรกิจกับลิเวอร์พูล และไปใช้บริการเมืองฮัลล์ ที่หักกำไรน้อยกว่า แม้ว่าจะอยู่ห่างจากพวกเขาถึง 129 กิโลเมตร

นอกจากต้องสูญเสียรายได้ในฐานะผู้ขนส่ง สิ่งที่ทำให้ชาวเมืองลิเวอร์พูลต้องเจ็บแค้นกว่านั้น แมนเชสเตอร์ ได้ขุดคลองเป็นของตัวเอง ที่ชื่อว่า “คลองเดินเรือสมุทรแมนเชสเตอร์” ซึ่งเสร็จสิ้นในปี 1893

คลองความยาว 64 กิโลเมตรนี้ได้ทำให้ แมนเชสเตอร์ มีท่าเรือเป็นของตัวเอง และทำให้พวกเขากลายเป็นทั้งศูนย์กลางการค้าและการผลิต จนก้าวแซง ลิเวอร์พูล ขึ้นมาเป็นเมืองอันดับ 2 ของอังกฤษอย่างภาคภูมิ

หลังจากนั้นคนทั้งสองเมือง ก็ได้วางตัวว่าเป็นคู่ปรับกัน จนลุกลามไปถึงการแข่งขันในสนาม

ทอม แฟร์ฟาล์ว, ทอม มิลเลอร์, บ็อบ เพอร์เซลล์ และ แจ็คกี เชลดอน 4 แข้งลิเวอร์พูลที่โดนแบนตลอดชีวิตหลังเกมดังกล่าว

ล้มบอลเพื่อไม่ให้คู่แข่งตกชั้น

ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้มีความขัดแย้งกันเท่านั้น พวกเขายังเคยก่อคดีร่วมกัน ที่กลายเป็นหนึ่งในเรื่องอื้อฉาวของวงการฟุตบอลแดนผู้ดี

มันเกิดขึ้นในสมัยที่ลีกสูงสุดของอังกฤษ ยังใช้ชื่อดิวิชั่น 1 เมื่อในฤดูกาล 1914-1915 แมนฯ ยูไนเต็ด ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ จนสุ่มเสี่ยงที่จะตกชั้น แถมนัดสุดท้ายที่ต้องคว้า 3 คะแนน พวกเขาดันต้องมาเจอกับ ลิเวอร์พูล คู่รักคู่แค้น

แม้ว่าผลการแข่งขันจะเป็นใจ หลัง แมน ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 2-0 รอดพ้นจากการลงไปเล่นในลีกล่าง แต่ก็มีความไม่ชอบมาพากลในเกมนัดนี้

ก่อนที่การสืบสวนจะพบว่า ก่อนเกม นักเตะทั้งสองทีมมีการนัดพบกัน เพื่อล็อคผลการแข่งขัน และทำให้นักเตะ ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ถูกแบนตลอดชีวิต

ทว่า พวกเขาก็ไม่ได้รับโทษตามจริง เพราะหลังไปรับใช้ชาติในสงครามโลกครั้งที่ 1 โทษแบนของนักเตะเหล่านี้ก็ถูกยกเลิก เพื่อเชิดชูความทุ่มเทในช่วงสงครามของพวกเขา

รังเหย้าแมน ฯ ยูไนเต็ด ที่ชื่อแอนฟิลด์

แม้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล จะมีความหลังฝังใจต่อกันในประวัติศาสตร์ แต่เมื่อยามยาก พวกเขาก็ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายลำบาก

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 1971 เมื่อปีศาจแดง ถูกแบนห้ามเล่นในโอลด์ แทรฟฟอร์ด ถึง 2 เกมในช่วงต้นฤดูกาล 1971-1972 หลังแฟนบอลของพวกเขาก่อเหตุปามีดไปที่โซนแฟนบอลของทีมเยือน เมื่อฤดูกาลที่แล้ว

จนในที่สุด แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้ ลิเวอร์พูล ที่เข้ามาช่วยเหลือ ด้วยการยอมให้คู่แข่งของพวกเขาใช้แอนฟิลด์ รับการมาเยือนของอาร์เซนอล

ทว่าเรื่องแปลกก็คือแข้งปีศาจแดงที่ลงสนามในวันนั้น กลับจำเหตุการณ์นี้ไม่ได้ ทั้งที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ทั้งภาพถ่าย หนังสือพิมพ์ ไปจนถึงปากคำจากโฆษกในสนาม

“ผมจำไม่ได้ ยูไนเต็ดลงเล่นในบ้านด้วยสนามแอนฟิลด์เนี่ยนะ ยอมแพ้ซะเถอะ” อลัน โกวลิง ที่ทำหนึ่งประตูในเกมวันนั้นกล่าวกับ The Guardian

“ผมเคยลงเล่นด้วยเหรอ ผมจำไม่ได้จริงๆ” เดวิด แซดเลอร์ อดีตแนวรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่อยู่ในเกมวันนั้นกล่าว

“ผมจำได้คร่าวๆ ว่าเราต้องเล่น 2 เกมนอกโอลด์ แทรฟฟอร์ด แต่ผมจำเกมนั้นไม่ได้” อเล็กซ์ สเต็ปนีย์ ผู้รักษาประตูในวันนั้นกล่าว

ทั้งนี้ จากรายงานระบุว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องแบ่งเงินจากค่าตั๋วเข้าชม 15 เปอร์เซ็นต์ให้ ลิเวอร์พูล รวมถึงต้องจ่ายเงินชดเชยให้อาร์เซนอล หลังมีผู้ชมในสนามเพียงแค่ 27,649 คน ซึ่งต่ำกว่าตัวเลข 46,000 คนโอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อฤดูกาลก่อน (ในอดีต 2 ทีมจะแบ่งค่าตั๋วกัน)

แมตต์ บัสบี คนนั่งกลางตอนเป็นกัปตันลิเวอร์พูลในปี 1939

ตำนานโค้ชแมนฯ ยูฯ จากอดีตแข้งลิเวอร์พูล

แมตต์ บัสบี้ ถือเป็นปรมาจารย์ลูกหนังที่ได้รับการยกย่องจากทั่วโลกหลังพาปีศาจแดงครองความยิ่งใหญ่ในช่วงทศวรรษที่ 1950s-1970s ด้วยแชมป์ลีก 5 สมัย เอฟเอคัพ 2 สมัย และ ยูโรเปียน คัพ หรือ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ในปัจจุบันอีก 1 สมัย

ทว่า เขาคงไม่สามารถพา แมนฯ ยูไนเต็ด มาถึงจุดนี้ หากไม่มี ลิเวอร์พูล คู่รักคู่แค้นตลอดกาลของพวกเขา

เนื่องจากอันที่จริง บัสบี้ เป็นนักเตะของลิเวอร์พูลมาก่อน โดยลงรับใช้ทีมไปกว่า 122 นัดในช่วงปี 1935-1939 ก่อนจะแขวนสตั๊ดในปี 1943 ด้วยวัย 34 ปี

หลังจากจบชีวิตนักฟุตบอล บัสบี ก็กำลังก้าวเข้าสู่งานโค้ชกับ ลิเวอร์พูล เป็นทีมแรก หลังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมของ จอร์จ เคย์

ทว่า ด้วยแนวคิด และวิธีการเล่นที่ขัดแย้งกับผู้บริหารลิเวอร์พูล ทำให้ บัสบี ปฏิเสธงานดังกล่าว และได้มา คุม แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ให้อิสระในการคุมทีมอย่างเต็มที่ ก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นมาเป็นตำนานของสโมสรในเวลาต่อมา

ชุดแข่งของ ลิเวอร์พูล (ซ้าย) และ แมนฯ ยูไนเต็ด (ขวา) ในช่วงเริ่มก่อตั้ง

แดงเดือดที่ไม่มีสีแดง

แม้การพบกันของทั้งคู่ จะถูกเรียกว่า “แดงเดือด” แต่สีแดง ไม่ได้เป็นสีของ แมนฯ ยูไนเต็ด และลิเวอร์พูล มาตั้งแต่แรก

เริ่มจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ก่อตั้งในชื่อ นิวตัน ฮีท ในปี 1878 พวกเขามีชุดแข่งเริ่มแรกเป็นเสื้อขาวและมีเส้นสีน้ำเงินพาดเฉียง และเปลี่ยนมาเป็นสีเขียวและทองในปี 1880 สลับกับเสื้อแดงขาว และมาใช้เสื้อแดงเต็มตัว ตอนเปลี่ยนชื่อเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 1902

ขณะที่ ลิเวอร์พูล ที่ก่อตั้งในปี 1892 ก็มียูนิฟอร์มเริ่มต้นด้วยเสื้อขาวสลับน้ำเงิน แต่ก็ใช้เพียงแค่ 4 ปี และเปลี่ยนมาเป็นเสื้อสีแดงเต็มตัวในปี 1896

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้การเจอกันครั้งแรกของทั้งคู่ในปี 1894 จึงไม่ใช่แดงเดือด แต่เป็นการเผชิญหน้าของ เขียว และ ขาวน้ำเงิน ที่จบลงด้วยการที่ ลิเวอร์พูล คว้าชัยไปได้ 2-0