ถ้าพูดถึง บราฮิม ดิอาซ ภาพจำที่ทุกคนมีต่อเขาคงจะเป็น “วันเดอร์คิดของวงการ” ที่เก่งแต่ก็ยังไปไม่สุด ตลอดอาชีพของ ดิอาซ มีคนพูดมากมายว่าเขาน่าจะไปได้ไกลกว่านี้นะถ้าไม่ได้อยู่กับ เรอัล มาดริค
ยิ่งเมื่อเราเห็นผลงานของเขากับ เอซี มิลาน สมัยที่ไปยืมตัวมันยิ่งตอกย้ำคำพูดนั้นได้เป็นอย่างดี เพราะตลอดเวลาที่เขาอยู่กับ ปีศาจแดงดำ เขาแทบจะเป็นนักเตะที่สำคัญที่สุดของทีมที่ไม่สามารถขาดไปได้ เขาเป็นที่รักของแฟนๆและถูกร้องขออย่างมากให้ย้ายมารว่มทีมแบบถาวร แต่สิ่งนั้นก็ไม่เกิดขึ้น
เมื่อผ่านไป 3 ฤดูกาล ดิอาซ ตัดสินใจกลับไปเล่นให้กับต้นสังกัดอย่าง เรอัล มาดริต และทุกครั้งที่เขาได้โอกาส เขาก็มักจะทำผลงานได้น่าพอใจเสมอ แต่นั้นแหละคือปัญหา เพราะเขาไม่ค่อยได้รับโอกาส ด้วยเหตุผลด้านขุมกำลังที่ตัวหลักก็เก่งเหลือเกินของราชันชุดขาว นั้นยิ่งทำให้มีหลายคนพูดว่า “การตัดสินใจกลับมาที่สเปนคือการตัดสินที่ผิดของเขา”
แต่นั้นไม่ใช่กับทีมชาติ ในปี 2024 ดิอาซวัย 25 ปี ตัดสินย้ายสัญชาติมารับใช้ทีมชาติโมร็อคโก ที่เป็นประเทศของคุณพ่อเหนือทีมชาติสเปน ประเทศที่เขาเกิดและเติบโตมา
ความจริงแล้ว ดิอาซ เคยถูกเรียกติดทีมชาติสเปนชุดใหญ่แล้วด้วย 1 นัดและเขาก็ทำประตูได้ด้วยในเกมนั้น แต่นั้นเป็นเพียงเกมอุ่นเครื่อง ทำให้เขายังสามารถย้ายทีมชาติได้ แต่ก็เขาก็ตัดสินใจแบบนั้น โดย ดิอาซ บอกความรู้สึกถึงการตัดสิดใจครั้งนี้ว่า
“ ผมภูมิใจอย่างน่าเหลือเชื่อที่ได้สวมเสื้อทีมชาติโมร็อคโก ผมรู้สึกขอบคุณโมร็อคโกและแอฟริกาต่อทุกความรักและการตอนรับอย่างอบอุ่นที่มีให้ผม ผมรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวใหญ่ที่น่าเหลือเชื่อ ผมต้องการที่จะสร้างประวัติศาสตร์ที่กับทีมชาติโมร็อคโก ”
และแน่นอนว่ามันคือการเริ่มต้นที่สวยงาม ตอนนี้เขาลงเล่นให้ทีมชาติโมร็อคโกไปแล้ว 8 นัด ทำประตูได้ถึง 7 ประตูและอีก 2 แอสซิตต์ สถิติตรงนี้อาจจะยังไม่สามารถยืนยันกับเราได้ว่าอนาคตเขาจะเป็นอย่างไร แต่มันก็เป็นการเริ่มต้นที่สวยงามเหลือเกิน
สำหรับ ดิอาซ ในนานของสโมสรกับเรอัล มาดริค การตัดสินใจของเขามันจะยังเป็นคำถามอยู่บ้าง แต่กับทีมชาติเรากล้าบอกได้ว่า “มันคือการตัดสินใจที่ดี”
และในวัยเพียง 25 ปี บราฮิม ดิอาซ ยังมีอนาคตอีกไกลมากที่รอให้เขาไปพิสูจน์ตัวเองอยู่ และถ้าไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวน รักษาฟอร์มการเล่นและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องแบบนี้ความฝันของเขาที่อยากจะเป็น “ นักเตะระดับโลก ” คงไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน
ถ้าพูดถึง มาร์คัส แรชฟอร์ด ในช่วงนี้ต้องบอกว่าเต็มไปด้วยความเห็นที่แตกต่างกันมากมาย มีทั้งฝั่งที่เห็นใจ เข้าใจ และฝั่งที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของแรชฟอร์ด ในส่วนของฝั่งที่ไม่เห็นด้วยกับแรชฟอร์ดต่างบอกว่าต้องการให้แรชฟอร์ดย้ายออกจากทีมไปและไม่ว่าทีมไหนที่ได้ตัวไป นั้นจะเป็นฝันร้ายอย่างแน่นอน ซึ่งนี่อาจจะเป็นความคิดเห็นที่สุดโต่งไปหน่อยและไม่ใช่ทุกคนที่คิดแบบนั้นเช่นกันกับ เอียน ไรท์ อดีตตำนานกองหน้าของอาร์เซนอล ที่ออกแสดงความคิดเห็นไว้ว่า “ผมย้ายไปอาร์เซนอลตอนอายุ…
วันนี้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว (20 ธันวาคม 2562) มิเกล อาเตต้า ถูกแต่งตั้งเป็นเฮดโค้ชคนใหม่ หลังปลด อูไนเอเมรี่ การทำงานตลอด 5 ปี ภายใต้…
“ความคิดของผมเกี่ยวกับ กิว คือ บาร์เซโลนา ปล่อยเขามาได้อย่างไร?” โจ โคล อดีตมิดฟิลด์ของเชลซีกล่าว เชลซี ยังทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในเกมฟุตบอลสโมสรยุโรป หลังไล่ถล่ม แชมร็อค โรเวอร์ส 5-1 ในศึกยูฟ่า…
ควันหลงจากเกมคาราบาว คัพที่สเปอร์สเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปได้สุดมันส์ 4-3 โดยในเกมนี้มาเรื่องดราม่ามากมายหลายประเด็น ในทุกคนรู้หรือไม่ว่าในระหว่างเกมที่เดือดไฟลุกแบบนี้มีอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบๆสนามและนั้นก็ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณที่สำคัญนั้นคือก็ลูกโป่งสีเหลืองที่แฟนๆสเปอร์สร่วมกันชูขึ้น ว่าแต่ว่าลูกโป่งสีเหลืองคืออะไร พวกเขาส่งสัญญาณถึงใคร มาค่อยๆไล่เลียงกันไปครับ เกิดอะไรขึ้น? ย้อนกลับไปในวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมาเกิดการลักพาตัวประชาชนชาวอังกฤษขึ้นหลายคนไปฉนวนกาซา และหนึ่งในนั้นคือ Emily…
นับเป็นวันดีๆอีกหนึ่งวันสำหรับแฟนบอลอาร์เซนอล หลังพวกเขาสามารถเอาชนะคริสตัล พาเลซมาได้ 3-2 ในศึกคาราบาว คัพ เมื่อคืนที่ผ่านมา แม้ว่านี่จะเป็นการที่เจอกับทีมที่ชื่อชั้นเป็นรองกว่าและบอลถ้วย แต่นั้นก็ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่ดีหลังโชว์ฟอร์มได้น่าผิดหวังในเกมลีกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และจากเกมนี้ผมไม่มีดีใจไปกว่า กาเบรียล เชซุส กาเบรียล เชซุส ตกเป็นเป้าในการวิจารณ์มาตลอดในช่วงหลังเนื่องจากเขาไม่สามารถทำประตูได้อย่างต่อเนื่อง…