นับตั้งแต่กลับมาจากพักเบรกทีมชาติอาร์เซนอลทำผลงานได้ดีต่อเนื่อง หลังชนะรวด 3 เกม ยิงได้ 13 ประตู แน่นอนว่ามันเกิดจากการเล่นเป็นทีม พวกเขาช่วยกัน ซัพพอร์ตกันเป็นอย่างดี แต่ไม่สามารถปฎิเศษได้เลยว่าการกลับมาของ มาร์ติน โอเดการ์ด ส่งผลเชิงบวกมากจริงๆ แล้วมันมีเรื่องอะไรบ้างเรามาวิเคราะห์กัน
1.ในแง่ของแทคติก
มาร์ติน โอเดการ์ด คือหัวใจหลักของอาร์เซนอลอย่างแท้จริง หลายคนอาจจะติดภาพว่าเขาคือกองกลางตัวรุกคอยสร้างสรรค์อย่างเดียว ซึ่งต้องบอกว่านั้นไม่ใช่ ถ้าเราได้ดูลงในแง่ของแทคติก โอเดการ์ด จะมีหน้าที่ทั้งตัวคุมจังหวะ คอยดรอปตัวเองมาลงรับบอลเพื่อเป็นตัวเลือกในการจ่ายบอลของกองหลังอีกคน และพอเป็นอย่างนั้นคนอื่นก็เช่น ไรซ์ ฮาแวร์ตซ์ ซาก้า ทรอสซาร์ ก็จะขยับสลับตำแหน่งกันเป็นว่าเล่น เพื่อสร้างพื้นที่ให้โอเดการ์ดสามารถจ่ายจากแนวลึกมาได้
หรือจะเป็นในจังหวะที่ทีมต้องเพลสซิ่ง โอเดการ์ดกับฮาแวร์ตซ์ ก็จะเป็น 2 คนที่นำเพลส และเราจะเห็นว่าข้างหลังเขาจะขยับดันกันขึ้นมาอย่างรู้ใจเพื่อดักเก็บจังหวะสอง นั้นก็เป็นภาพที่เราเห็นจนชินตา หรือการสร้างโอกาสจากลูกมหัศจรรย์ก็ยังคงมีเรื่อยๆจากเขา
ในตอนที่อาร์เซนอลไม่มีโอเดการ์ด หน้าที่ตรงนี้เพื่อนๆทุกคนจะช่วยมาช่วยแชร์กัน ซึ่งมันก็พอทดแทนได้ แต่ก็จะทำให้ประสิทธิภาพด้านอื่นลดทอนไปตามสถานการณ์ โอเดการ์ดเป็นคนที่ฉลาดและเข้าใจเรื่องพื้นที่เป็นอย่างมาก การขยับหรือการจ่ายบอลของเขาบางครั้งมันทำให้เกิดการคุกคามอย่างหนัก และก็ช่วยทำให้เพื่อนเล่นง่ายไปด้วย
เรื่องแทคติกของอาร์เซนอล ถ้าเป็นตำแหน่งอื่นๆขาดหายไปเชื่อว่าตำสำรองยังพอทดแทนได้ แต่ตำแหน่งและหน้าที่ของโอเดการ์ดไม่มีใครทำได้ใกล้เคียงกับเขาจริงๆ ซึ่งเราไม่ควรตำหนิคนอื่นๆ แต่ควรชื่นชมอย่างยอดเยี่ยมของเขามากกว่า
2.ในแง่ของความผู้นำ
โอเดการ์ดปัจจุบันเขาเพิ่งอายุเพียง 25 ปี แต่เขามีความผู้นำชนิดที่ว่าเกินวัยมากๆ ทั้งบุคลิก การแสดงออก การสื่อสาร มันยอดเยี่ยมมากๆ เขาอาจจะไม่ใช่ผู้นำที่ดุดันพร้อมปะทะตลอดเวลาเหมือนวิเอร่า เขาในยามจำเป็นเขาก็พร้อมเอาตัวเองไปปกป้องเพื่อนร่วมทีม
เช่นกันกับจังหวะที่ทีมทำพลาด แต่ก็จะไม่ใช่คนที่คอยตำหนิเพื่อน แต่จะเป็นการให้กำลังใจ และแสดงออกว่าจะกลับมาได้ ยกตัวอย่างเช่นจังหวะที่เขาเดินไปยกหน้าของโทมิขึ้นมา หลังทำพลาด
3.การสื่อสารที่ยอดเยี่ยมทั้งในและนอกสนาม
ถ้าเราจับตาดูแค่โอเดการ์ดในสนาม คุณจะเห็นเขาคอยมองหันซ้าย หันขวาอยู่เรื่อยๆ พร้อมกับทำท่าขี้มือชี้ไม้ เพื่อเป็นการสื่อสารให้เพื่อนที่ได้ขยับไปในพื้นที่ที่ถูกต้อง ทั้งการเพลสซิ่งหรือตั้งโซนเล่นเกมรับ สิ่งนี้มันเกิดจากความเข้าใจทั้งบทหน้าที่ของตัวเอง และของเพื่อนร่วมทีมว่าใครควรทำอะไรตอนไหน มันช่วยเพื่อนๆได้มาก เพราะบางครั้งในเรื่องของวิชั่นการมองหรือจินตนาการของแต่ละคนไม่เท่ากัน การที่มีคนที่เรายอมรับและเก่งจริงๆมาช่วยบอก มันช่วยได้มาก
เช่นกันกับนอกสนาม โอเดการ์ด จะเป็นคนที่ไม่ค่อยให้สัมภาษณ์มากนัก แต่ทุกครั้งที่เขาพูด เขาจะพูดแต่สิ่งที่จำเป็น ตอบแบบกระชับและไม่เคยพูดถึงใครในเชิงลบ ตอนจบเกมช่วงในวันที่ชนะเขาก็จะอยู่ฉลองกับเพื่อนๆ กับแฟนๆอย่างเต็มที่ ช็อตที่เป็นที่จดจำมากคงจะเป็นตอนที่เขาเอากล้องของตากล้องสโมสรมาถ่ายรูปให้ เพราะต้องการให้ตากล้องคนนี้มีภาพอยู่ในค่ำคืนที่ยอดเยี่ยมแบบนี้
ตอนนั้นก็โดนตั้งข้อครหามากมายถึงการกระทำนั้น แต่ถ้าเราลดอคติแล้วคิดว่าทีมเรามีโมเมนต์แบบนี้ เราก็คงจะยิ้มกันบ้างไม่มากก็น้อย ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่ผิด ตรงกันว่ามันเป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ดีด้วยซ้ำ และแน่นอนว่าด้วยการกระทำแบบนี้ทำให้ก็เป็นที่รักของทุกคนด้วยเช่นกัน ดั่งที่เห็นในเกมที่อาร์เซนอลเอาชนะเวสต์แฮม 5-2 ที่ บูคาโย่ ซาก้า ใส่โอเดการ์ดยิงจุดโทษ ซึ่งเป็นประตูแรกหลังจากกลับมาจากอาการบาดเจ็บ
4.ทุกคนยกระดับตัวเองขี้นมา
ในช่วงก่อนพักเบรกทีมชาติอาร์เซนอลฟอร์มอาจจะตกอยู่บ้าง หลายๆคนเมื่อมองคร่าวๆอาจจะบอกว่าเป็นเพราะขาดโอเดการ์ดเลยสร้างสรรค์โอกาสไม่ได้ ซึ่งมันก็เชื่อมกับข้อที่ 1 ที่บอกว่าหน้าที่ของโอเดการ์ดไม่ใช่แค่สร้างสรรค์ แต่ปัญหาของอาร์เซนอลตอนนั้นก็ไม่ใช่สร้างโอกาสไม่ได้ด้วย พวกก็ยังสามารถสร้างโอกาสลุ้นทำประตูได้เรื่อยๆ อาจจะไม่เท่าตอนมีโอเดการ์ด แต่ก็มี
แต่อีกปัญหาคือพวกเขาไม่สามารถส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้ และอย่างที่เห็นว่าเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ความมั่นใจ ควมเชื่อมั่น พอทำได้ ก็ไหลมาเรื่อยๆเลย สิ่งนี้มันไม่ใช่เพราะโอเดการ์ดคนเดียว แต่มันคือทั้งทีม
"มันเหมือนกับการที่เราดู เดวิด แบ็คแฮม ปั่นโค้งด้วยเท้าขวา หรือการที่ โรแบร์โต้ คาลอส ทำแบบเดียวกันด้วยเท้าข้างซ้าย" ปีเตอร์ โอเด็มวิงกี้ หยิบยกเรื่องของฟุตบอลมาเปรียบเทียบเพื่ออธิบายถึงกีฬากอล์ฟที่สวยงามของเขากับกีฬาฟุตบอลที่เขาเล่นมาตั้งแต่วัยเด็ก โดย ณ ปัจจุบันอดีตแข้ง เวสต์บรอมวิช…
เชื่อว่าสำหรับแฟนฟุตบอลหลายคนน่าจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดีกับมุมธงตามสนามต่างๆ แต่ถ้าเราสังเกตกันดีๆจะเห็นว่ามีบางทีมที่ธงของพวกเขาเป็นแบบสามเหลี่ยม ซึ่งต่างจากส่วนใหญ่ที่จะเป็นผืนสี่เหลี่ยมปกติ ถ้าพูดถึงเสาธงที่มุมสนามแล้วนั้น จะมีข้อกำหนดไว้เพียงแค่ ต้องไม่สั้นกว่า 150 เซนติเมตร หนาไม่เกิน 12 เซนติเมตร แต่ในส่วนของธงค่อนข้างมีอิสระอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นสี ที่สีเหลืองได้รับความนิยมสูงสุด หรือถ้าสโมสรไหนอยากใช้สีของทีมตัวเองก็ได้เช่นกัน…
ถือว่าน่าเสียดายสำหรับพ่อ-ลูกตระกูลยัง เมื่อสุดท้าย ไทเลอร์ ลูกชายของ แอชลีย์ ยัง ไม่ถูกส่งลงสนาม ที่ทำให้ทั้งคู่ได้อดดวลกัน ในเกมที่เอฟเวอร์ตัน เปิดบ้านเอาชนะ ปีเตอร์โบโรห์ 2-0 ในศึก เอฟเอคัพ รอบ…
ย้อนกลับไปในปี 2002 ในศึก Royal Rumble ในปีนั้นมีเหตุการณ์สุดช็อคเกิดขึ้นเมื่อ Maven นักมวยปล้ำดาวรุ่งในขณะนั้นกระโดนถีบ Undertaker ตกเวทีทำให้ตกรอบ Royal Rumble ก่อนจะโดนสัปเหร่อลากไปกระทืบยับ ในช่วงเวลานั้นใครหลายคนเชื่อว่านั้นคือการผิดบทอย่างแน่นอน เพราะเป็นเรื่องยากมากและไม่มีความจำเป็นที่จะให้…
อีกไม่นานนี้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็จะมีอายุครบ 40 ปีแล้ว และอย่างที่เราทุกคนทราบกันดีกว่า โรนัลโด้ เป็นนักกีฬาที่มีร่างกายแข็งแรงมาก แต่ต่อให้จะแข็งแรงแค่ไหนก็ไม่มีใครหนีพ้นสังขาร มันเริ่มถึงเวลาแล้วที่ โรนัลโด้ ต้องคิดถึงชีวิตหลังแขวนสตั้ด ซึ่งตัว โรนัลโด้…
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2023 ลิซ่า ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า แบล็คพิงก์ ได้เข้าไปชม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ระหว่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง…