“ผมหวังว่าคุณจะจดจำผมในฐานะคนที่คิดในแง่บวกที่พยายามทำทุกอย่างที่เขาสามารถทำได้ อย่าเสียใจไปเลย ยิ้มเข้าไว้” ข้อความสุดท้าย จาก สเวน โกรัน อีริคส์สัน ก่อนที่เขาจะอำลาโลกไปด้วยวัย 76 ปี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (26 ส.ค.)
และหนึ่งในสิ่งที่เป็นคำยืนยันถึงความมองโลกในแง่บวกของเขา ก็คือตอนที่คุม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สมัยที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย เป็นเจ้าของ เมื่อ สเวน ยังคงทำหน้าที่จนหยดสุดท้าย แม้รู้ว่าตัวเองจะโดนปลด
ติดตามเรื่องราวไปพร้อมกัน
เหตุการณ์นี้ต้องย้อนกลับไปในปี 2007 เมื่อ สเวน โกรัน อีริคส์สัน ได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นกุนซือคนใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เพิ่งได้เจ้าของใหม่อย่าง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย
ในตอนแรกความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ชื่นมื่นดี หลัง สเวน พาเรือใบสีฟ้า ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จนขึ้นไปหลัง ท็อป 3 ของลีก ก่อนจะจบด้วยอันดับ 4 ในวันสุดท้ายของปฏิทินปีดังกล่าว
ทว่าช่วงเวลาของการฮันนีมูน ก็จบลงในไม่นาน เมื่อทักษิณ ต้องการมากกว่านั้น เขาอยากจะให้ สเวน พาทีมคว้าแชมป์ ซึ่งกุนซือชาวสวีดิช บอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ ซึ่งประจวบกับผลงานของทีมที่ตกลง ทำให้สุดท้าย เจ้าของสโมสรไม่ยอมคุยกับเขาอีกเลย
“เขาไม่เข้าใจเรื่องฟุตบอลเลย ตอนคริสมาสต์ ผมคิดว่าตอนนั้นเราอยู่ 2 หรือ 3 เราเริ่มต้นในลีกได้ดี ผมจำได้ว่าอาร์เซน เวนเกอร์ บอกกับผมว่าเราน่าทึ่งมาก ซึ่งเราเข้ากันได้ดีในเวลาไม่กี่เดือน” อีริคส์สัน กล่าวกับ Planet Football
“ดังนั้นเราจึงแฮปปี้มาก ผมบอกกับ ทักษิณ ชินวัตร ว่าเราเป็นทีมที่ดีมาก แต่ผมไม่คิดว่าเราจะคว้าแชมป์ลีกในซีซั่นนี้ หรือจบในอันดับ 2 หรือ 3 เราดีจริง แต่ไม่ได้ดีขนาดนั้น”
“จากนั้นในเดือนมีนา-เมษา ผมก็เริ่มรู้ว่าเขาไม่ค่อยแฮปปี้ เพราะตอนที่ผมอยากคุยเรื่องฤดูกาลหน้า เพื่อทำให้ทีมดีขึ้น แต่เขาก็มีข้อแก้ตัวเสมอ และไม่ยอมเข้าประชุม”
“พวกเรา โค้ชและแมวมอง นั่งวิเคราะห์ปีที่ผ่านมา และหาวิธีว่าเราจะแก้ไขให้ดีขึ้นอย่างไร และผมก็พร้อมที่จะนำเสนอ ทักษิณ ชินวัตร แต่ผมแทบไม่มีโอกาส เพราะตั้งแต่เดือนมีนาคม เมษายน เขาก็ไม่คุยกับผมอีกเลย”
ในช่วงปลายฤดูกาล ยังมีกระแสข่าวว่า สเวน จะถูกปลดหลังจบซีซั่น ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้ทั้งแฟนบอล และนักเตะ เพราะนี่คือกุนซือ ที่กำลังจะพาแมนฯ ซิตี้ จบในอันดับสูงสุด เท่าที่เคยลงเล่นในพรีเมียร์ลีก
เช่นกันกับ ริชาร์ด ดันน์ กัปตัน แมนฯ ซิตี้ ในตอนนั้น ที่มาเปิดอกกับ สเวน ว่าเขาไม่พอใจเจ้าของชาวไทยมาก และขอประท้วงด้วยการไม่ลงเล่นในนัดสุดท้ายที่จะพบกับ มิดเดิลสโบรห์
แม้ว่าสุดท้าย สเวน จะกล่อมให้เขาลงเล่นจนได้ แต่แนวรับชาวไอร์แลนด์ ก็อยู่ในสนามเพียงแค่ 5 นาที หลังโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม ก่อนที่เกมดังกล่าวจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ 8-1 ซึ่งถือเป็นการปราชัยมากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรที่ยังยืนยงจนถึงทุกวันนี้
“ผมจำได้ว่าก่อนหน้านั้น (ที่จะถูกไล่ออก) เล็กน้อย กัปตัน ริชาร์ด ดันน์ มาหาผมที่ออฟฟิศและบอกว่า ‘เราไม่อยากเล่น’ แต่ผมก็บอกว่า ‘เราต้องเล่น เราต้องเป็นมืออาชีพ’” อีริคส์สันย้อนความหลัง
“เกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล คือบุกไปเยือน มิดเดิลสโบรห์ และนั่นคือหายนะ ผมคิดว่า ดันน์ โดนใบแดงหลังผ่านไปห้านาที โชคร้ายที่ไม่มีใครอยากเล่นเกมนั้นเลย แต่เราก็ควรจะทำมันให้จบ”
ทั้งนี้ แม้ว่า สเวน จะรู้ตัวว่าคงอยู่กับทีมได้แค่ฤดูกาลเดียว แต่เขาก็ยังเป็นมืออาชีพมากพอ ด้วยการพาแมนฯ ซิตี้ ยกพลมาเยือนไทย ในช่วงปรีซีซั่น
“ไม่มีผู้เล่นคนไหนอยากไป และผมเองก็ไม่อยากไปด้วย” อีริคส์สัน กล่าวกับ Planet Football
“แต่ผมก็บอกนักเตะและตัวเองว่าเราต้องไป เรายังเป็นลูกจ้างของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเราต้องเป็นมืออาชีพ”
“แม้ว่าคุณจะรู้ว่าคุณจะถูกไล่ออก คุณต้องเป็นมืออาชีพจนวินาทีสุดท้าย และหลังจากนั้นผมก็สามารถบอกได้ว่าผมทำงานของผมเสร็จแล้ว นั่นคือสิ่งสำคัญ”
“แต่มันก็ไม่ดีเลย ในตอนนั้นทุกคนรู้ว่าผมจะไม่ได้เป็นผู้จัดการทีมต่อแล้ว แต่ ทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่พูดอะไร ผมยังไม่ถูกปลดตอนนั้น จนกระทั่งวันสุดท้ายของการออกไปทัวร์ เขาบอกผมว่าเขาอยากเปลี่ยนผู้จัดการทีม”
“ผมถามเขาว่า ‘ใครจะมาแทนล่ะ?’ เขาบอกว่า ‘ผมไม่รู้ มันเป็นแค่ความรู้สึกว่าต้องทำ’ เขาไม่ได้ให้เหตุผลกับผมด้วยซ้ำ”
หลังจากนั้น แมนฯ ซิตี้ ก็ได้ มาร์ค ฮิวส์ ขึ้นมาเป็นกุนซือคนใหม่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาท้ายๆ ของ ทักษิณ กับเรือใบสีฟ้าเช่นกัน เมื่อเขาประสบปัญหาทางการเงิน จนทำให้ต้องขายทีมให้กลุ่มทุนจากกาตาร์ ที่เป็นเจ้าของทีมในปัจจุบัน
สำหรับ สเวน หลังจากนั้น เขามีโอกาสได้คุมทีมในอังกฤษอีกครั้งกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ก่อนจะไปโกยเงินหยวนในไชนีส ซูเปอร์ลีก ถึง 4 ปี และปิดฉากการคุมทีมกับทีมชาติ ฟิลิปปินส์ เมื่อปี 2019 ซึ่งเป็นทีมสุดท้ายหลังอยู่ในเส้นทางการเป็นโค้ชมากว่า 40 ปี
หลับให้สบาย สเวน ทุกคนจะจดจำคุณในฐานะคนที่มองโลกในแง่บวกอย่างแน่นอน เพราะคุณได้มอบสิ่งดี ๆ ให้แก่วงการฟุตบอลมามากมาย ขอให้โชคดีกับการเดินทางไกลในครั้งนี้ ลาก่อน
รีซ เจมส์ แบ็กขวากัปตันทีมเชลซี ได้รับบาดเจ็บที่แฮมสตริงเป็นครั้งที่ 9 ในรอบ 5 ปี หลังจากบาดเจ็บซ้ำที่บริเวณดังกล่าวระหว่างการซ้อมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา จากการยืนยันของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ซึ่งเผยว่าดาวเตะวัย 24 ปีจะพลาดลงสนามในเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่จะบุกเยือน…
ครั้งหนึ่งเขาคือแข้งดาวรุ่ง ที่ถูกเปรียบกับ คริสเตียโน โรนัลโด้ ดาวเตะระดับตำนานของโปรตุเกส อย่างไรก็ดี ตอนนี้ คาอัสโซ ดาราเม นี้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อเขาเปลี่ยนสถานะตัวเอง จากนักเตะพรีเมียร์ลีก มาเป็นอาชญากรค้ายา และเพิ่งถูกจำคุกจากคดีแทงคน เกิดอะไรกับชีวิตของเด็กหนุ่มรายนี้…
ความประทับใจตอนซ้อม : ทำไมแข้งแมนยูพร้อมใจเรียก “อโมริม” ว่ามูรินโญ 2.0? เรียกว่ายิ่งนานวัน รูเบน อโมริม ยิ่งสร้างความตื่นเต้นให้แฟนๆรอติดตาม หลังล่าสุด Sun Sport รายงานว่านักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต่างรู้สึกทึ่งและประทับใจกับการซ้อมของ…
วิเคราะห์อนาคต : คีแรน เทียร์นีย์ คัมแบ็คในรอบหลายเดือนแต่อาจไม่ได้อยู่ยาวกับอาร์เซนอล ถ้าพูดถึง คีแรน เทียร์นีย์ กับแฟนๆทีมอื่นอาจจะมองว่าเป็นนักเตะธรรมดาคนหนึ่งไม่ได้พิเศษอะไร แต่กับแฟนๆอาร์เซนอลเขาคือที่รัก และอยากเห็นเขาสวมเสื้ออาร์เซนอลลงสนามอีกสักครั้ง ล่าสุดเมื่อวานนี้ เทียร์นีย์ เพิ่งกลับมาซ้อมได้หลังจากบาดเจ็บหัวเข่าตั้งแต่ในการแข่งขันยูโร นี่ถือว่าเป็นข่าวดีมากๆกับเขาเอง…
ถ้าพูดถึงทีมชาติซานมารีโน หลายคนคงจดจำภาพว่าพวกเขาคือทีมจอมแจกแต้มของยุโรป ปัจจุบันพวกเขาคือชาติที่รั้งอันดับสุดท้ายของโลกบนแรงกิ้งฟีฟ่า (อันดับ 210) แต่เชื่อหรือไม่ว่าตอนนี้ พวกเขาอาจต้องการชัยชนะในเกมสำคัญอีกแค่ 2 นัดเท่านั้น ก็อาจจะเพียงพอให้ได้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2026 ที่แคนาดา, เม็กซิโก และ สหรัฐอเมริกา…
คริสเตียโน โรนัลโด้ ถือเป็นผู้เล่นที่มีจิตวิญญาณแห่งชัยชนะอยู่เต็มเปี่ยม เขาเป็นนักเตะที่กระหายในชัยชนะอยู่เสมอ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีสำหรับนักฟุตบอลอาชีพ อย่างไรก็ดี ความต้องการเป็นผู้ชนะบางครั้งก็ส่งอิทธิพลต่อคนรอบข้าง ไม่เว้นแม้แต่โค้ช ที่ครั้งหนึ่ง คาร์ลอส เคยรอซ ต้องแอบแก้คำตอบให้เขาเป็นฝ่ายถูก ติดตามเรื่องราวไปพร้อมกัน เหตุการณ์นี้ ต้องย้อนกลับไปในตอนที่…