โปรเจ็กต์ใหญ่เห็นผล! ลีกซาอุอาจเป็นลีกแรกนอกยุโรปมีแข้งได้แชมป์ยูโร

ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยูโรรอบสุดท้าย ไม่เคยมีชาติไหนที่มีนักเตะที่ค้าแข้งในลีกเอเชียผ่านเข้าถึงนัดชิงชนะเลิศมาก่อน แต่ในศึกยูโร 2024 ถือว่าการันตีได้แน่นอนแล้วว่า จะต้องมีนักเตะที่เล่นในลีกสูงสุดของซาอุดีอาระเบียผ่านเข้าชิงอย่างน้อย 1 คน เมื่อ สเปน กับ ฝรั่งเศส จะต้องพบกันในรอบรองชนะเลิศ

สเปนมี อายเมอริค ลาป๊อร์กต์ เซนเตอร์แบ็กจาก อัล-นาสเซอร์ เป็นกองหลังตัวหลักของทีมชุดนี้ ขณะที่กองหลังสารพัดประโยชน์อย่าง นาโช่ เฟร์นานเดซ ก็เพิ่งเซ็นสัญญาร่วมทัพ อัล คัดเซียห์ ทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดของแดนเศรษฐีน้ำมันได้หมาดๆ ขณะที่ฝรั่งเศสก็มี เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กองกลางตัวเก๋าจอมขยันจาก อัล-อิตติฮัด เป็นคีย์แมนในแผงมิดฟิลด์ในทัวร์นาเมนต์นี้

แล้วถ้าหากผู้ชนะระหว่าง เนเธอร์แลนด์ กับ ตุรกี เป็นฝ่ายผ่านเข้าชิงได้อีก จะการันตีได้เลยว่าลีกของซาอุดีอาระเบีย จะเป็นลีกแรกนอกทวีปยุโรป ที่มีนักเตะในสังกัดคว้าแชมป์ยูโร เพราะทีมอัศวินสีส้มมี จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม กองกลางประสบการณ์สูงซึ่งปัจจุบันเล่นอยู่กับ อัล-อิตติฟาค ส่วนตุรกีก็มี เมรีห์ เดมิรัล กองหลังจาก อัล-อาห์ลี เป็นเซนเตอร์แบ็กตัวหลัก

 

โปรเจ็กต์ใหญ่ให้เป็นมหาอำนาจในปี 2030

ในวันที่ 25 มกราคม 2016 รัฐบาลของราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียได้เปิดตัวโครงการ “Vision 2030” ซึ่งมีเป้าหมายพัฒนาเศรษฐกิจ, สังคม และวัฒนธรรม ให้ประเทศก้าวขึ้นไปสู่ระดับชาติมหาอำนาจ โดยไม่ต้องพึ่งพาทรัพยากรหลักอย่างน้ำมันเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป และหนึ่งในโปรเจ็คท์ใหญ่ก็คือการทำให้ฟุตบอล ซึ่งเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลก เป็นกีฬาที่ผู้คนทั่วโลกต้องพุ่งความสนใจไปที่ซาอุดีอาระเบียให้ได้

การเซ็นสัญญาคว้าตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ของ อัล-นาสเซอร์ คือจุดเริ่มต้นของการดึงดูดนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ให้ไปช่วยกันยกระดับลีก จากนั้นในเดือนมิถุนายน 2023 กองทุนเพื่อความมั่งคั่งแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย (Public Investment Fund หรือ PIF) ก็เข้าซื้อหุ้นถึง 75% ของ 4 สโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง อัล-นาสเซอร์, อัล-อาห์ลี, อัล-ฮิลาล และ อัล-อิตติฮัด ทำให้ 4 ทีมนี้พร้อมมีงบไม่จำกัดในการเสริมทัพ ทีมใหญ่ในลีกซาอุฯ จึงมีพลังในการซื้อนักเตะคุณภาพแทบจะพอๆ กับสโมสรใหญ่ในยุโรป

และจากนั้นมา ลีกของแดนเศรษฐีน้ำมันก็ไม่ใช่เวทีสำหรับนักเตะใกล้วัยแขวนสตั๊ดแต่อย่างใด แต่หลายๆ ทีมสามารถดึงแข้งคุณภาพ ให้ย้ายไปเล่นตั้งแต่ยังอยู่ในช่วงพีคของอาชีพได้

 

นักเตะจากลีกซาอุฯ คือตัวหลักทีมชาติในยูโร ไม่ใช่ตัวประกอบ

ในศึกยูโร 2024 มีนักเตะที่ค้าแข้งอยู่ในศึก ซาอุดี โปร ลีก เมื่อฤดูกาลที่แล้วมาทำการแข่งขันมากถึง 14 คน ถือว่าเป็นลีกที่มีนักเตะมาลุยยูโรหนนี้มากกว่าซูเปอร์ลีกของโปรตุเกส (12 คน) เสียอีก และมากกว่าเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นลีกนอกยุโรปที่มีนักเตะติดทีมชาติในศึกยูโร 2024 มากเป็นอันดับ 2 (7 คน) ถึงหนึ่งเท่าตัว

14 คนจากลีกซาอุดีอาระเบียที่มาเล่นให้ทีมชาติในศึกยูโรครั้งนี้ หลายๆ คนยังมีสถานะเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติ และบางคนทวงตำแหน่งตัวหลักในทีมชาติของตัวเองคืนมาได้ เพราะย้ายไปเล่นที่นั่นด้วยซ้ำ

ดิดิเย่ร์ เดส์ช็องส์ กุนซือของทีมชาติฝรั่งเศส พูดถึง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เอาไว้ตอนที่ตัดสินใจเรียกกองกลางวัย 33 ปีกลับมาติดทีมชาติเป็นหนแรกในรอบ 2 ปีแบบเซอร์ไพรส์ว่า “เขาได้ความสามารถด้านกีฬากลับคืนมา เราสามารถถกกันเรื่องความเข้มข้นแบบเฉพาะเจาะจงของลีกซาอุดีอาระเบียได้นะ แต่เขาได้ลงเล่นที่นั่นมากกว่า 4,000 นาที” 

ทางด้าน อายเมอริค ลาป๊อร์กต์ ซึ่งย้ายหนีม้านั่งสำรองของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปเป็นตัวหลักของ อัล-นาสเซอร์ และทำให้เขายึดตัวจริงในแผงหลังของทีมชาติสเปนได้อย่างต่อเนื่องจนถึงยูโรหนนี้ที่พาทัพกระทิงดุเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ก็ปกป้องลีกแดนเศรษฐีน้ำมันว่าไม่ใช่ลีกที่มาตรฐานแย่แต่อย่างใด

“ผู้คนมีอคติต่อลีกนี้ ซึ่งทุกๆ ลีกก็มีระดับของมันเอง และจังหวะเกมก็เหมือนกันกับในบอลยูโร”

นักเตะจาก อัล-ฮิลาล ที่คว้าแชมป์ลีกซาอุฯ ซีซั่นล่าสุดด้วยสถิติไร้พ่ายตลอดทั้ง 34 นัด มีชื่อมาลุยยูโรหนนี้มากถึง 3 คน ได้แก่ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ดาวยิงตัวเก่งของเซอร์เบีย พร้อมเพื่อนร่วมชาติที่เป็นกองกลางตัวเก่งอย่าง เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช ขณะที่ รูเบน เนเวส ก็ติดทีมชาติโปรตุเกสมาด้วย ในฐานะกองกลางที่มักจะถูกส่งลงสนามเป็นตัวสำรองคนแรกๆ

3 คีย์แมนจาก อัล-นาสเซอร์ อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (โปรตุเกส), อายเมอริค ลาป๊อร์กต์ (สเปน) และ มาร์เซโล่ โบรโซวิช (โครเอเชีย) มีสถานะเป็นตัวจริงในทีมชาติของตัวเอง

เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กลับมาเป็นกองกลางที่ทีมชาติฝรั่งเศสขาดไม่ได้ หลังย้ายจากเชลซีไปเล่นกับ อัล-อิตติฮัด และเรียกความฟิตจนกลับมามีสภาพร่างกายฟิตสมบูรณ์

เมรีห์ เดมิรัล เซนเตอร์แบ็กจาก อัล-อาห์ลี เป็นฮีโร่เหมาคนเดียว 2 ประตูให้ตุรกีเอาชนะออสเตรีย 2-1 ได้ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนโดนยูฟ่าลงโทษแบน 2 นัดเพราะท่าดีใจโยงไปถึงกลุ่มการเมืองหัวรุนแรง

อัล-อิตติฟาค มี แจ็ค เฮนดรี้ เป็นเซนเตอร์แบ็กตัวหลักของทีมชาติสกอตแลนด์ และ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ที่ถูกเปลี่ยนตัวลงสนามให้เนเธอร์แลนด์ครบทั้ง 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม

ยานนิค การ์ราสโก้ ซึ่งปัจจุบันเล่นอยู่กับ อัล-ชาบับ ยังเป็นตัวจริงให้ทีมชาติเบลเยียม

นิโคลาย สตานชู กองกลางตัวรุกจากดามัค คือเจ้าของปลอกแขนกัปตันทีมชาติโรมาเนีย ชุดที่เข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย

2 กองหลังของ อัล-อ็อคดูด อย่าง โซโลม่อน คเวอร์เคลิย่า ของทีมชาติจอร์เจีย และ อังเดร บูร์ก้า ของโรมาเนีย ก็ต่างพาทีมชาติของตัวเองเข้ารอบน็อคเอาท์ได้ทั้งคู่

ซึ่งนอกเหนือจาก 14 ชื่อที่บอกไปแล้ว ยังมีผู้เล่นอีกหลายคนที่ตกลงเซ็นสัญญากับสโมสรในซาอุดีอาระเบียเรียบร้อยแล้วระหว่างที่ศึกยูโรที่เยอรมนียังไม่จบ ไม่ว่าจะเป็น นาโช่ เฟร์นานเดซ กองหลังทีมชาติสเปนที่ย้ายจาก เรอัล มาดริด และ คูน คาสตีลส์ นายประตูทีมชาติเบลเยียมที่ย้ายจากโวล์ฟสบวร์ก ไปซบทีมน้องใหม่อย่าง อัล-คัดเซียห์ หรือ อาร์ตูร์ เตอัต แบ็กซ้ายทีมชาติเบลเยียม ก็เซ็นสัญญากับ อัล-อิตติฮัด เรียบร้อยแล้ว

 

ลีกซาอุฯ ยังเดินหน้าล่าสุดยอดแข้งต่อเนื่อง

หลังจากที่หลายๆ สโมสรของซาอุดีอาระเบียทุ่มเงินคว้าตัวนักเตะระดับโลกไปเล่นที่นั่นแบบคึกคักเมื่อช่วงซัมเมอร์ปีที่แล้ว ตอนนี้พวกเขาก็กำลังพยายามอย่างหนักที่จะดูดผู้เล่นระดับสตาร์ให้เลือกย้ายจากทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรป ไปช่วยเพิ่มความนิยมที่นั่นอีก

อัล-นาสเซอร์ ต้นสังกัดของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ อายเมอริค ลาป๊อร์กต์ กำลังจะบรรลุข้อตกลงคว้าตัว เอแดร์ซอน โมราเอส ซึ่งเป็นโกลมือหนึ่งของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มานานถึง 7 ฤดูกาลให้ย้ายไปเฝ้าเสา ขณะที่ คาเซมิโร่ กองกลางตัวรับของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็กำลังพิจารณาโอกาสย้ายไปโกยเงินช่วงปลายอาชีพที่นั่นตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์นี้เช่นกัน โดยล่าสุด แม้แต่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ซึ่งเป็นผู้เล่นที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ขาดไม่ได้ ยังมีโอกาสย้ายไปเล่นที่ตะวันออกกลางเช่นกัน ถ้าหากมีข้อเสนอระดับที่ปฏิเสธไม่ได้เข้ามา