สายใยที่ตัดไม่ขาด : เจาะเบื้องหลัง รานิเอรี่ หวนคุมโรม่า แม้วางมือไปแล้ว
เคลาดิโอ รานิเอรี่ กุนซือมากประสบการณ์วัย 73 ปี ตัดสินใจกลับมารับงานคุมทีมอีกครั้ง ทั้งที่เพิ่งประกาศไปเมื่อตอนจบฤดูกาล 2023-24 ว่าจะเลิกอาชีพโค้ชไปแล้ว หลังพากายารี่รอดตกชั้นจาก เซเรีย อา ได้สำเร็จ โดยตัดสินใจเซ็นสัญญาคุมโรม่าจนจบฤดูกาลนี้
นี่ถือเป็นการกลับมารับตำแหน่งนายใหญ่ทีมหมาป่ากรุงโรมเป็นหนที่ 3 ในชีวิตของรานิเอรี่ ซึ่งถึงแม้ว่าเขาไม่เคยพาโรม่าคว้าโทรฟี่อะไรเลย แต่ทุกครั้งที่เขากลับมาทำงานในถิ่น สตาดิโอ โอลิมปิโก้ จะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเสมอ
เพราะเหตุใด อดีตกุนซือคนดังของเชลซี และ เลสเตอร์ ซิตี้ รายนี้ถึงเป็นที่รักของโรม่า บทความนี้มีคำตอบ
สายเลือดกรุงโรมโดยกำเนิด
เคลาดิโอ รานิเอรี่ ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 1951 โดยเกิดที่กรุงโรม และเติบโตมาด้วยการเป็นแฟนบอลเต็มขั้นของโรม่า แถมเริ่มต้นเส้นทางการเป็นนักฟุตบอลอาชีพด้วยการเล่นให้โรม่าเป็นทีมแรกด้วย
ถึงแม้ว่ารานิเอรี่จะโชว์ฟอร์มเข้าตาแมวมองเยาวชนของโรม่าด้วยการเล่นตำแหน่งกองหน้าในวัยเด็ก แต่เมื่อเข้าสู่ทีมเยาวชนของทีมจัลโล่รอสซี่ เขาก็ยอมปรับตำแหน่งไปเล่นกองหลัง เพราะทีมงานโค้ชมองว่าเป็นตำแหน่งที่เหมาะกับฝีเท้าของเจ้าตัวมากกว่า
ในเดือนพฤศจิกายนปี 1973 รานิเอรี่ได้ลงสนามให้โรม่าเป็นครั้งแรกใน กัลโช่ เซเรีย อา โดยกุนซือผู้ให้โอกาสเขาประเดิมสนามคือ มันลิโอ สโคปินโญ่ อย่างไรก็ตาม โชคร้ายที่รานิเอรี่ไม่ใช่นักเตะที่ดีพอจะเล่นให้สโมสรขวัญใจของตัวเองในระยะยาว จึงต้องย้ายออกจากทีมในปี 1974 ไปอยู่กับคาตันซาโร่ ทีมในลีกรองของอิตาลี
รานิเอรี่แขวนสตั๊ดในปี 1986 โดยเล่นให้กับปาแลร์โม่เป็นสโมสรสุดท้าย ก่อนเริ่มอาชีพโค้ชทันทีกับทีมสมัครเล่นอย่าง วิกอร์ ลาเมเซีย ส่วนผลงานสร้างชื่อในอาชีพของเขา คือการพากายารี่ เลื่อนชั้นถึง 2 ดิวิชั่นติดต่อกัน ระหว่างฤดูกาล 1988-89 จนถึง 1989-90 ทำให้กายารี่ขยับจาก เซเรีย ซี 1 สู่ กัลโช่ เซเรีย อา อย่างก้าวกระโดด
ผลงานดังกล่าวทำให้รานิเอรี่ได้โอกาสไปคุมทีมที่ใหญ่ขึ้นในเวลาต่อมา ทั้งในอิตาลีและในต่างแดน เขาเริ่มคุมทีมนอกประเทศครั้งแรกคือการคุมบาเลนเซียที่สเปนในปี 1997 ก่อนย้ายไปคุม แอตเลติโก มาดริด ในปี 1999 ซึ่งด้วยประสบการณ์ และผลงานในเวทียุโรปที่น่าประทับใจ ทำให้เขาได้ไปคุมเชลซีในพรีเมียร์ลีกระหว่างปี 2000-2004 ก่อนที่ชื่อของรานิเอรี่จะเป็นที่รู้จักของวงการมากขึ้นเรื่อยๆ
พร้อมรับเผือกร้อน ในเวลาที่สโมสรต้องการเสมอ
เคลาดิโอ รานิเอรี่ รับตำแหน่งกุนซือของโรม่าเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2009 ต่อจาก ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ ที่ประกาศลาออกจากการพาทีมออกสตาร์ทฤดูกาล 2009-10 อย่างย่ำแย่ โดยผลงานที่ดีที่สุดของสปัลเล็ตติกับทีมหมาป่ากรุงโรม คือแชมป์ โคปปา อิตาเลีย 2 สมัยซ้อนในปี 2007 และ 2008 และรองแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา ในฤดูกาล 2005-06 จนถึง 2007-08
ช่วงที่รานิเอรี่ไปคุมโรม่าแรกๆ หลายคนกังวลว่าเขาน่าจะพาทีมไปไม่รอด เพราะเข้ามารับเผือกร้อนแบบกะทันหัน แต่เขาสามารถพาทีมทำผลงานในศึก กัลโช่ เซเรีย อา ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยพาทีมไม่แพ้ในลีกนานถึง 24 นัดซ้อน จนมีลุ้นเบียดแย่งแชมป์กับ อินเตอร์ มิลาน ยาวๆ แถมยังพาทีมผ่านเข้าถึงรอบชิง โคปปา อิตาเลีย ได้ด้วย แต่น่าเสียดายที่เสียแชมป์ให้ทีมงูใหญ่ซึ่งคุมโดย โชเซ่ มูรินโญ่ ทั้ง 2 รายการ
ฤดูกาล 2009-10 ถือว่ารานิเอรี่พาทีมทำผลงานได้น่าประทับใจมากๆ เพราะมีลุ้นแชมป์รายการสำคัญในประเทศถึง 2 รายการ แต่น่าเสียดายที่ในฤดูกาล 2010-11 เขาไม่สามารถพาทีมรักษามาตรฐานเอาไว้ได้
รานิเอรี่ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งกุนซือของโรม่าครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2011 จากการพาทีมทำผลงานได้ไม่ดีใน เซเรีย อา และแพ้ ชัคตาร์ โดเน็คส์ค คาบ้านก่อน 2-3 ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดแรก ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ตระเวนย้ายไปคุมหลายทีม ทั้ง อินเตอร์ มิลาน, โมนาโก, ทีมชาติกรีซ และไปคุม เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบเซอร์ไพรส์ในฤดูกาล 2015-16 จากนั้นก็ไปคุมน็องต์ใน ลีก เอิง ฤดูกาล 2017-18 และกลับไปคุมทีมในพรีเมียร์ลีกอีกครั้งอย่างฟูแล่ม ในเดือนพฤศจิกายน 2018
รานิเอรี่โดนฟูแล่มไล่ออกอย่างรวดเร็วในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2019 เพราะพาทีมทำผลงานย่ำแย่ แต่เขาก็ได้กลับไปคุมโรม่าเป็นหนที่ 2 อย่างรวดเร็วในอีกไม่กี่วันถัดมา ในฐานะกุนซือขัดตาทัพจนจบฤดูกาล แทนที่ ยูเซบิโอ ดิ ฟรานเชสโก้ ที่โดนปลดออกหลังพาทีมตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และทำทีมแพ้ไปถึง 6 นัดจาก 26 นัดแรกของ เซเรีย อา ฤดูกาล 2018-19
ถึงแม้ว่ารานิเอรี่จะไม่สามารถพาโรม่าพลิกสถานการณ์ติดท็อปโฟร์ได้ แต่ในช่วงท้ายฤดูกาลดังกล่าว ก็มีหลายเกมที่น่าประทับใจ เช่นการบุกไปเสมอ อินเตอร์ มิลาน 1-1 และเปิดบ้านชนะยูเวนตุสที่นำโดยซูเปอร์สตาร์อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้ 2-0 ซึ่งช่วงเวลาที่เขาคุมทีม เขานำบรรยากาศดีๆ กลับมาสู่ถิ่น สตาดิโอ โอลิมปิโก้ อีกครั้ง โดยในเกมลีกนัดสุดท้ายของฤดูกาล 2018-19 ที่โรม่าเปิดบ้านชนะปาร์ม่า 2-1 ซึ่งเป็นแมตช์สุดท้ายในฐานะนักเตะทีมหมาป่ากรุงโรมของ ดานิเอเล่ เด รอสซี่ แฟนบอลของโรม่าได้ชูป้ายผ้าที่มีข้อความขอบคุณรานิเอรี่ด้วย ที่กล้ารับความท้าทายเข้ามาช่วยคุมทีมในเวลาที่สโมสรต้องการ
คัมแบ็กในสถานการณ์ที่ทีมย่ำแย่
โรม่ามีผลงานย่ำแย่มากในฤดูกาล 2024-25 เพราะแพ้ไปแล้วถึง 5 นัดจาก 12 นัดแรกในศึก กัลโช่ เซเรีย อา แถมใน ยูโรปา ลีก ก็ชนะแค่นัดเดียวจาก 4 เกมแรก จนทำให้มีการปลดกุนซือออกไปแล้ว 2 คน ทั้ง ดานิเอเล่ เด รอสซี่ ในเดือนกันยายน และ อิวาน ยูริช เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
การกลับมาของรานิเอรี่คราวนี้ นอกจากด้วยเหตุผลทางฟุตบอลตามวิถีของมืออาชีพแล้ว ยังมีเรื่องของการแสดงออกถึงความจงรักภักดีของเจ้าตัวต่อสโมสรที่เขาเชียร์มาตั้งแต่เด็กด้วย ซึ่งสิ่งที่โรม่าต้องการตอนนี้ อาจยังไม่ใช่คนที่จะพาทีมประสบความสำเร็จ แต่ต้องการใครสักคนที่มีประสบการณ์โชกโชน และทำให้ทีมเล่นด้วยแพชชั่นเต็มเปี่ยมเพื่อแฟนบอลอีกครั้ง
Picks and Pick'em is here!
More teams, more wins. Join a public league and draft instantly.