นี่แหละยอดโค้ช: เอฟรา ย้อนเหตุการณ์เฟอร์กี้ปลุกใจ ที่ไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต

Maruak Tanniyom

October 01, 2024 · 1 min read

นี่แหละยอดโค้ช: เอฟรา ย้อนเหตุการณ์เฟอร์กี้ปลุกใจ ที่ไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต
Football | October 01, 2024
อดีตแนวรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ย้อนความหลังการปลุกใจของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่เขาไม่มีวันลืม

นอกจากฝีไม้ลายมือในการคุมทีมแล้ว อีกความเก่งกาจของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอดโค้ชระดับตำนานของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็คือการปลุกใจ จนทำให้ทีมพลิกสถานการณ์มาแล้วหลายครั้ง

ทว่า ท่ามกลางข้อความปลุกกว่าหลายร้อยครั้ง กลับมีครั้งหนึ่ง ที่ ปาทริซ เอฟรา จะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต  ติดตามเรื่องราวไปพร้อมกัน

ปาทริค เอฟรา ถือเป็นหนึ่งในกองหลังคู่บุญของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เพราะนับตั้งแต่ย้ายจาก โมนาโก มาอยู่ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2006 เขาก็กลายเป็นขาประจำในแนวรับฝั่งซ้ายของทีม และลงเล่นไปกว่า 379 เกมตลอด 8 ฤดูกาลครึ่งในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด

การอยู่กับทีมนานขนาดนี้ ทำให้ เอฟรา ผ่านประสบการณ์มากมายภายใต้การคุมทีมของเฟอร์กี้ รวมถึงการปลุกใจลูกทีมในห้องแต่งตัวแบบไฟแลบ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ไดร์เป่าผม” (Hair Dryer)

มันคือการตะคอกใส่หน้านักเตะอย่างดุดันและฉุนเฉียว หากทำผลงานได้ย่ำแย่ โดยไม่สนว่านักเตะคนนั้นจะเป็นซูเปอร์สตาร์ หรือตัวแบกทีมขนาดไหน

ทว่า สำหรับ เอฟรา การปลุกใจที่เขาจดจำได้มากที่สุด กลับไม่ใช่ตอนที่ เฟอร์กี้ ใช้ไดร์เป่าผม แต่เป็นการพูดกับลูกทีมแต่ละคน อย่างตั้งใจ จนทำให้เขาขนลุกจนถึงทุกวันนี้

“มันเป็นการปลุกใจที่ดีที่สุดในชีวิตเท่าที่ผมเคยได้ยินมา เพราะเขาไม่ได้พูดถึงฟุตบอลเลย” เอฟรา กล่าวในรายการ The Obi One Podcast ของ จอห์น โอบิ มิเกล

“เขาเข้าไปคุยกับผู้เล่นเป็นรายบุคคล และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ในชีวิตของพวกเขา”

“เขาพูดกับ คาร์ลอส เตเบซ กับการต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดที่บัวโนสไอเรส รูนีย์ที่ลิเวอร์พูล แอนเดอร์สันกับชุมชนแออัดในบราซิล”

“ก่อนเกม เราทุกคนต่างขนลุก และเขาก็พูดว่า ‘ฉันชนะแล้ว ดูห้องแต่งตัวนี่สิ มีคนจากหลากหลายเชื้อชาติ และทุกคนก็ร่วมใจกัน ออกไปข้างนอก แล้วแค่สนุกกับมัน ถ้วยรางวัลของฉันอยู่ที่นี่แล้ว’”

นี่คือสิ่งสำคัญที่ทำให้ เฟอร์กี้ ได้รับการยกย่องในฐานะกุนซือระดับตำนาน เพราะเขาไม่ได้มีแค่พระเดช แต่ยังมีพระคุณ ที่สามารถบริหารจัดการจนทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด กลายเป็นยอดทีมของโลกในยุคสมัยของเขา

และทำให้เขาเป็นกุนซือ ที่ยากจะลอกเลียนแบบ และไม่มีใครเทียบได้ แม้กระทั่งในปัจจุบัน