เหตุใดการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2034 ของซาอุฯ จึงเต็มไปด้วยข้อกังขา?
เรียบร้อยโรงเรียนเศรษฐีน้ำมัน สำหรับเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2034 หลัง ซาอุดิอาระเบีย จากตะวันออกกลาง ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ อย่างไร้คู่ต่อกร
ทั้งนี้ แม้จะเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ เวิลด์คัพ จะหวนคืนกลับมาจัดที่เอเชียอีกครั้ง ทว่าการได้เป็นเจ้าภาพของ ซาอุฯ ครั้งนี้ก็ล้วนเต็มไปด้วยข้อกังขา
เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ติดตามไปพร้อมกัน
มอบให้ ไม่ใช่แข่งขัน
ฟุตบอลโลก 2034 ถือเป็นอีกครั้งที่ได้กลับมาจัดในประเทศกลุ่มอาหรับ หลังซาอุดิอาระเบีย ได้รับเสียงสนับสนุนอย่างล้นหลาม ทว่าการคัดเลือกนี้ดูเหมือนจะเป็นแค่พิธีเท่านั้น
เนื่องจาก ซาอุฯ เป็นผู้เสนอตัวเพียงชาติเดียวสำหรับ เวิลด์คัพ 2034 หลังเหล่าประเทศที่เคยมีความประสงค์อย่าง กลุ่มประเทศอาเซียน, ออสเตรเลีย (รวมถึงอินโดนีเซีย และนิวซีแลนด์), จีน (รวมมาเก๊าและฮ่องกง), กลุ่มเอเชียกลาง (คาซัคสถาน, คีย์กิซสถาน และอุซเบกิสถาน) เลือกที่จะถอนตัว
แต่ใช่ว่าทุกประเทศ จะยอมแพ้ด้วยความเต็มใจ โดยเฉพาะ ออสเตรเลีย ชาติที่ดูเป็นคู่ต่อกรที่สมน้ำสมเนื้อกับซาอุฯ ที่สุด พวกเขามีความมุ่งมั่นที่จะขอเป็นเจ้าภาพในอีก 10 ปีข้างหน้าเป็นอย่างมาก แต่ต้องยอมจำนน เนื่องจากเตรียมตัวไม่ทัน หลังฟีฟ่าให้เวลาเพียงแค่ 25 วัน จากรายงานของ The Guardian
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ฟีฟ่า ได้รับเสียงวิจารณ์อย่างมากในแง่ความโปร่งใส และตรวจสอบได้ หลายฝ่ายเชื่อว่าฟีฟ่า ได้ปูทางให้ ซาอุฯ ได้เป็นเจ้าภาพในครั้งนี้มาตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดให้ฟุตบอลโลก 2030 จัดขึ้นใน 3 ทวีป (ยุโรป, แอฟริกา และ อเมริกาใต้) เพื่อให้ 4 ปีต่อมา เป็นของเอเชียและโอเชียเนีย
หรือการที่ จานนี อินฟานติโน ประธานฟีฟ่า มีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับ ซาอุฯ รวมถึงประเทศแห่งนี้เพิ่งจะได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันชิงแชมป์สโมสรโลก 2023 ไปจนถึงอารัมโก บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของซาอุฯ ยังเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ให้กับฟีฟ่า
ขณะเดียวกัน ยังมีการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ว่า กองทุนความมั่นคงของซาอุฯ (PIF) กำลังวางแผนที่จะเข้ามาสนับสนุนโปรเจ็คต์ฟุตบอลสโมสรโลกของ อินฟานติโน ด้วยการเข้าลงทุนใน DAZN ยักษ์ใหญ่ด้านสตรีมมิ่ง เพื่อถ่ายทอดสดการแข่งขันนี้ในช่วงซัมเมอร์ปีหน้า
แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือวิธีการลงคะแนน ที่ใช้การปรบมือแทนการลงคะแนนเสียงแบบปกติ ทำให้วิธีเดียวสำหรับชาติที่ไม่เห็นด้วย คืองดการออกเสียงเท่านั้น
อินฟานติโน ให้เหตุผลว่า การรับรองการเป็นเจ้าภาพแบบไม่มีผู้คัดค้าน ดีกว่าแบบเดิมแน่นอน เนื่องจากด้วยการแข่งขันที่ยาวนานระหว่างประเทศผู้เสนอตัว อาจจะทำให้เกิดการติดสินบนเพื่อแลกกับคะแนน ดังที่เป็นมาในอดีต
ละเมิดสิทธิมนุษยชน
อีกสิ่งหนึ่งที่หลายฝ่ายกังวลคือ ซาอุฯ ถือเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน จับกุมไปจนถึงสังหารผู้เห็นต่าง ที่ยังคงมีอยู่แม้กระทั่งในปัจจุบัน
และหนึ่งในคดีที่โด่งดังที่สุดคือการสังหาร จามาล คาช็อกกี นักข่าวชาวซาอุฯ ถึงสถานทูตตุรกี เมื่อปี 2018 หลังเขียนบทความวิจารณ์นโยบายหลายอย่างของมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ผู้ปกครองซาอุฯ
นอกจากนี้ ซาอุฯ ยังเผชิญกับข้อกล่าวหาเรื่องการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อแรงงานข้ามชาติ หลัง The Guardian พบหลักฐานการเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุของแรงงานชาวบังคลาเทศจำนวนมากในซาอุฯ จนทำให้ แอมเนสตี ออกมาประท้วงต่อการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกในปี 2034 ของพวกเขา
เพราะย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน แม้ว่า กาตาร์ จะรับหน้าเสื่อจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกได้อย่างน่าประทับใจ แต่ก็มีรายงานว่ามีแรงงานต้องสังเวยชีวิตไปมากถึง 400 คน จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับ ฟุตบอลโลก 2022
“เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้สถานการณ์ที่เลวร้ายอยู่แล้ว ให้ย่ำแย่ลงไปอีก แฟนบอลจะเผชิญกับการเลือกปฏิบัติ ชาวบ้านจะขับไล่พวกเขาโดยใช้กำลัง แรงงานต่างด้าวจะเจอกับการเอารัดเอาเปรียบ และหลายคนจะต้องตาย” คำอธิบายของ แอมเนสตี้
ขณะเดียวกัน ซาอุฯ ยังถูกวิจารณ์ในเรื่องการลิดรอดสิทธิสตรี, การทำให้รักร่วมเพศเป็นเรื่องผิดกฎหมาย, การจำกัดเสรีภาพในการพูด ไปจนถึงการยังเป็นไม่กี่ประเทศที่ยังใช้โทษประหารอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2023 ซาุอฯ คือประเทศที่ประหารชีวิตนักโทษเป็นอันดับ 3 ของโลก และในปีนี้ก็มีผู้คนถูกพวกเขาประหารไปไม่ต่ำกว่า 300 ราย ซึ่งถือเป็นสถิติที่สูงสุด ตามข้อมูลอย่างเป็นทางการ
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดความกังว่า การได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ของเศรษฐีจากตะวันออกกลาง ครั้งนี้ จะช่วยให้พวกเขาได้ “ฟอกขาว” หลังซาอุฯ พยายามจะรีแบรนด์ตัวเองให้เป็นประเทศที่ทันสมัยมากขึ้น นับตั้งแต่ โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ขึ้นมามีอำนาจ
“นี่คือระบอบเผด็จการที่โหดร้ายที่สุดในโลก ซึ่งใช้เงินมหาศาลไปกับการสร้างภาพลักษณ์ที่ล้วนโกหก เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ จากการปราบปรามอันโหดร้าย และความรุนแรงของรัฐ” แถลงการณ์ของ Reprieve ระบุ
“ผู้ถูกประหารชีวิต หรือคนที่รอโทษประหารบางคนเป็นแค่ผู้ประท้วง หรือก่อคดีไม่ร้ายแรงอย่างการมีกัญชาในครอบครองในจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น”
“แฟนบอลที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวซาอุดิอาระเบีย ในปี 2034 ควรตระหนักว่านี่คือประเทศที่การใช้เสรีภาพแบบสังคมประชาธิปไตย อาจจะทำให้คุณตายได้”
นี่ยังไม่นับปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม จากการที่พวกเขาต้องสร้างสนามขึ้นมาใหม่ถึง 11 สนาม (จาก 15 สนาม) และการแข่งในสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อน แม้จะเป็นช่วงในฤดูหนาวก็ตาม ที่ทำให้ต้องสิ้นเปลืองพลังงานอีกไม่น้อย เพื่อระบบระบายความร้อน จากการแข่งขันทั้ง 104 เกม
ทำให้ แม้ว่า ซาอุฯ จะได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก แบบไร้คู่ต่อกรแค่ไหน พวกเขาก็ยังต้องพยายามอย่างหนักเพื่อพิสูจน์ตัวเอง และขจัดข้อกล่าวหาที่ว่ามาให้ได้
ไม่อย่างนั้น คำกล่าวที่ว่า “นี่คือความพ่ายแพ้อย่างยับเยินของความความมุ่งมั่นต่อสิทธิมุษยชนในวงการกีฬา และจุดต่ำสุดของเจ้าภาพฟุตบอลโลก” ก็อาจจะเป็นจริงอย่างที่ว่าไว้
Picks and Pick'em is here!
More teams, more wins. Join a public league and draft instantly.