เพราะอะไร? ฟุตบอลอังกฤษ ถึงทำประตูด้วยลูกโหม่งน้อยลง

ย้อนกลับไปฟุตบอลอังกฤษในอดีตภาพคุ้นตาของแฟนบอลคือการเปิดให้กองหน้าคอยโหม่งทำประตู
ศิลปะการทำประตูของฟุตบอลสมัยก่อนไม่ได้มีอะไรที่ซับซ้อนมากนัก บางทีมเลือกใช้ปีกที่มีความเร็ว เปิดบอลแม่น คอยโจมตีริมเส้น พร้อมมองหากองหน้าตัวใหญ่ๆ เล่นลูกกลางอากาศดีๆ มาใช้โจมตีคู่ต่อสู้
ทว่าฟุตบอลในสไตล์ดังกล่าว โดยเฉพาะในศึกพรีเมียร์ลีกเริ่มกำลังหายไปเรื่อยๆ ซึ่งสิ่งนี้บ่งบอกด้วยหลักฐานที่เป็นสถิติตัวเลข
ย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาล 1994-95 ตัวเลขระบุว่าศึกพรีเมียร์ลีกมีการทำประตูจากลูกโขกมากถึง 239 ตุง คิดเป็น 20% ของประตูทั้งหมด หรือซีซั่น 1995-96 ก็คิดเป็น 23% ทว่าในช่วงหลังอัตราการโขกน้อยลงไม่เฉียดเข้าใกล้ถึงตัวเลขดังกล่าวอีกเลย
ยกตัวอย่างในช่วง 3 ซีซั่นหลังสุดของพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020-21 มีลูกโหม่งเป็นประตูทั้งหมด 170 ประตู คิดเป็น 17% ฤดูกาล 2021-22 มีลูกโขกเพียง 164 ตุง เปรียบเป็น 15% หรือซีซั่นที่ผ่านมาแฟนบอลได้ยลโฉมลูกโขกทำประตูอยู่ที่ 166 ประตู คิดเป็น 15% เท่านั้น
ส่วนในฤดูกาลปัจจุบันผ่านมา 24 เกม มีการทำไปแล้ว 767 ประตู แต่เกิดขึ้นจากลูกโหม่งเพียง 122 ประตู เท่านั้น
ซึ่งจากการวิเคราะห์ของ dailymail ระบุว่าฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในทุกวันนี้เล่นในพื้นที่ใกล้กันมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาของนักฟุตบอล ที่บางคนสูงใหญ่ แต่ไม่ใช่ว่าจะโดดเด่นแค่เรื่องของลูกกลางอากาศเพียงเท่านั้น
ไบรอัน ดีน อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษได้ยกเคสของ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ มาให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า “เมื่อ ฮาแลนก์ เข้ามา คู่แข่งไม่รู้จะรับมือกับเขาอย่างไรในกรอบเขตโทษระยะ 6 หลา ผู้คนเริ่มเรียนรู้สิ่งต่างๆ มากขึ้น และไม่รู้ว่าวิธีการแบบเดิมๆ จะถูกหยิบมาใช้อีกหรือไม่”
เมื่อกล่าวถึง ฮาแลนด์ นักเตะที่มีความสูง 194 เซนติเมรตร แต่ทำประตูจากลูกโหม่งเพียง 10 จาก 52 ประตูในพรีเมียร์ลีก เพราะด้วยแท็คติกของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่เน้น Passing ใช้บอลเคลื่อนหาช่องในการทำประตู
อีกประเด็นคือเรื่องของแท็คติกที่ ณ ปัจจุบันแนวทางการใช้พลังงานต่อเกมของนักเตะ ใช้วิธีการครองบอล และความคล่องตัวในการทำลายเกมรับคู่แข่ง รวมไปถึงผู้เล่นในตำแหน่งปีกทุกวันนี้ใช้วิธีการตัดเข้าใน คนถนัดซ้ายโยกมาเล่นขวา เพื่อสร้างโอกาสในการทำประตูยิ่งขึ้น
ด้วยวิวัฒนการของฟุตบอลที่เติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ แท็คติกใหม่ๆ ทำให้การแข่งขันมันสนุกมากกว่าเดิม ไม่ใช่ฟุตบอลในสไตล์เดียวเคาะออกข้าง และเปิดเข้าใน
แต่แปรเปลี่ยนเป็นการครองบอล หรือการจ่ายบอลเพื่อเปิดพื้นที่โจมตีคู่แข่ง
วันเวลาที่เปลี่ยนไป สไตล์ฟุตบอลที่แปรเปลี่ยนตามไปด้วย
Kim Junumporn

Recent Posts

ตัวนำโชค : 12 แข้งพรีเมียร์ลีกยิงประตูได้ทีมไม่เคยแพ้

ในวงการฟุตบอลผลแพ้ ชนะ เป็นเรื่องปกติธรรมชาติสุดๆไม่มีใครหรือทีมไหนที่ไม่เคยแพ้ แต่มันก็มีนักเตะอยู่ไม่น้อยที่เมื่อใดก็ตามพวกเขาสามารถทำประตูได้ทีมจะไม่แพ้ ซึ่งต้องขยายความเพิ่มว่านักเตะที่เลือกมาในวันนี้ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยแพ้ แต่จะเป็นประตูได้และไม่แพ้นานที่สุด 1.กาเบรียล เชซุส กาเบรียล เชซุส เป็นนักเตะที่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกมาเยอะมากถึง 226 นัด โดยแบ่งเป็น…

6 hours ago

ย้อนที่มา “บ็อกซิ่งเดย์” ทำไมบอลอังกฤษต้องเตะในวันที่ใครๆ เขาก็หยุด?

เรียกว่าเป็นเอกลักษณ์สำหรับฟุตบอลอังกฤษ ที่จะต้องมีการแข่งขันในวันแกะกล่องของขวัญ หรือที่รู้จักกันใน “วันบ็อกซิ่งเดย์” เพื่อให้แฟนบอลได้ฉลองวันส่งท้ายปีไปพร้อมกับเชียร์ทีมรัก ทั้งนี้ ธรรมเนียมนี้ของชาวแดนผู้ดี แทบจะเป็นหนึ่งในไม่กี่ลีกของยุโรป ที่มีโปรแกรมในวันที่ลีกอื่นพักเบรกหนีหนาว เพราะเหตุใด พวกเขาจึงต้องจัดโปรแกรมในวันนี้ ? และบางทีมันอาจจะเกี่ยวเนื่องในเชิงประวัติศาสตร์ ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกัน บ็อกซิ่งเดย์คืออะไร?…

6 hours ago

ขอโทษผมด้วย ! โอเว่น ยักไหล่หลังเคยบอก แมนฯ ซิตี้ ติดท็อปโฟร์ยังยาก

เรียกได้ว่าเป็นไวรัลอีกแล้ว เมื่อ ไมเคิ่ล โอเว่น ตำนานนักเตะของสโต๊ค ซิตี้ และลิเวอร์พูลหรือแมนฯ ยูไนเต็ด ที่มักถูกแฟนบอลแซวเรื่องคำวิจารณ์และทายผลลัพธ์ต่างๆ อยู่เสมอว่าความแม่นยำไม่ค่อยมีนั้น ได้ออกมาเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป็ป…

1 day ago

เจมี่ คาราเกอร์ สับเละ! หลัง เดบิด ราย่า ทำสิ่งที่ไม่ควรทำที่สุด

แม้ว่าในเกมล่าสุดที่อาร์เซนอลสามารถบุกไปเอาชนะคริสตัล พาเชซ มาได้ด้วยสกอร์สุดสวย 5-1 แต่ถ้ามองในรายละเอียดเกมทั้งหมดก็จะเห็นว่าอาร์เซนอลยังมีความผิดพลาดอยู่บ้างเล็กน้อยโดยเฉพาะในครึ่งเวลาแรก หนึ่งในจังหวะหวาดเสียวที่สุดคือในนาทีที่ 10 ที่อาร์เซนอลพยายามจะบิ้วอัพจากหลังแต่คริสตัล พาเลซก็สามารถเพลสซิ่งได้ดี ในขณะนั้นบอลอยู่กับ เดบิด ราย่า เขามองขึ้นหน้าและเลือกจ่ายบอลไปให้ โธมัส ปาเตย์…

1 day ago

เอียน ไรท์ป้องแรชฟอร์ด! พวกคุณอยากให้เขาล้มเหลวเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองคิดถูก

ถ้าพูดถึง มาร์คัส แรชฟอร์ด ในช่วงนี้ต้องบอกว่าเต็มไปด้วยความเห็นที่แตกต่างกันมากมาย มีทั้งฝั่งที่เห็นใจ เข้าใจ และฝั่งที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของแรชฟอร์ด ในส่วนของฝั่งที่ไม่เห็นด้วยกับแรชฟอร์ดต่างบอกว่าต้องการให้แรชฟอร์ดย้ายออกจากทีมไปและไม่ว่าทีมไหนที่ได้ตัวไป นั้นจะเป็นฝันร้ายอย่างแน่นอน ซึ่งนี่อาจจะเป็นความคิดเห็นที่สุดโต่งไปหน่อยและไม่ใช่ทุกคนที่คิดแบบนั้นเช่นกันกับ เอียน ไรท์ อดีตตำนานกองหน้าของอาร์เซนอล ที่ออกแสดงความคิดเห็นไว้ว่า “ผมย้ายไปอาร์เซนอลตอนอายุ…

2 days ago

5 สิ่งที่เกิดขึ้น หลังครบรอบ 5 ปีสุดทรหด ของ อาร์เตต้า และ อาร์เซนอล

วันนี้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว (20 ธันวาคม 2562) มิเกล อาเตต้า ถูกแต่งตั้งเป็นเฮดโค้ชคนใหม่ หลังปลด อูไนเอเมรี่ การทำงานตลอด 5 ปี ภายใต้…

3 days ago