จากปากของ ซามาราส ! ลีก ซาอุฯ ณ ตอนนี้ กับช่วง 1 ทศวรรษที่ผ่านมา แตกต่างกันยังไง ?

ก่อนที่ลีก ซาอุดิอาระเบีย จะบูมจนเป็นเทรนด์นิยม มีเงินมากมายมหาศาลพอที่จะเซ็นสัญญากับนักเตะอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เนย์มาร์, คาริม เบนเซม่า, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และ ริยาด มาห์เรซ พร้อมกับเปย์ค่าเหนื่อยในระดับที่สูงเกินกว่าท็อปลีก

หากย้อนกลับไปสัก 1 ทศวรรษที่แล้วหลายๆ สิ่งไม่ได้เป็นแบบนี้เลย การใช้ชีวิตต้องถูกจำกัดอยู่ในบริเวณของตัวเอง ไม่ได้มีอิสระเหมือนยุคปัจจุบัน นั่นก็เพื่อความปลอดภัย โดยเรื่องนี้ได้ออกมาจากปากและประสบการณ์ตรงของอดีตนักเตะ พรีเมียร์ลีก อย่าง จอร์จอส ซามาราส ซึ่งเขาเป็นนักเตะต่างชาติคนแรกๆ ที่ย้ายมาเล่นที่ ซาอุดิอาระเบีย

จอร์จอส ซามาราส เล่าถึงประสบการณ์ตรงนั้นให้ฟังว่า “ไม่ใช่ว่าผมไม่มีความทรงที่ดีหรอกนะ แต่มันเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ยากลำบาก มันยากลำบากกว่าที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้ เพราะต้องอยู่ในที่ๆ ถูกจำกัดในบริเวณของคุณซึ่งเน้นไปในเรื่องของความปลอดภัย”

“พูดตรงๆ นะ ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเพื่อนร่วมทีมเลยตอนผมย้ายมา อัล-ฮิลาล จำได้ว่าตอนนั้นสโมสรอนุญาตให้มีนักเตะต่างชาติได้ 4 คนเท่านั้น นอกนั้นจะเป็นนักเตะซาอุดิอาระเบีย ทั้งหมด ถึงแม้ผมจะไม่รู้เรื่องนักเตะมากนัก แต่ผมรู้ว่า อัล-ฮิลาล เป็นสโมสรที่มีขนาดใหญ่”

“ที่นี่ไม่ใช่ลีกที่ง่ายเลย นักเตะของ ซาอุฯ มีเทคนิคที่ดี และรวดเร็ว จังหวะของเกมมันไม่ได้ช้าเลย มันเป็นเรื่องที่ดี และก็ยังมีเรื่องแรงกดดันจากแฟนบอลด้วย ผมไม่ได้ไปที่นั่นเพราะคิดว่ามันง่าย มันเป็นประสบการณ์ที่ดี ดังนั้นผมจึงรีบตัดสินใจออกจาก เวสต์บรอมฯ และผมดีใจที่ได้มา อัล-ฮิลาล”

“ส่วนเรื่องอนาคตของลีก ซาอุดิอาระเบีย จะเป็นไปในทิศทางไหนอีก 10-15 ปีนับจากนี้ ผมคิดว่าทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับสิ่งที่พวกเขาลงทุน การนำผู้เล่นดังๆ มาที่นี่แบบต่อเนื่อง พัฒนาระบบเยาวชน เราได้เห็นพวกเขาเล่นใน ฟุตบอลโลก แล้ว และพวกเขาก็เป็นทีมที่ดีพอจะเล่นในทัวร์นาเมนต์นี้จริงๆ “

“ประเด็นก็คือจำนวนเงินทั้งหมดที่พวกเขามี และการจ่ายเงินเดือนระดับสูงให้กับผู้เล่นชื่อดัง เป็นสิ่งที่ยุคนั้นไม่มี ถ้าพวกเขานำมันไปใช้พัฒนาระบบเยาวชน พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และสนามกีฬา ผมสามารถมองเห็นอนาคตที่รุ่งเรืองได้เลย ไม่ใช่แค่กับลีกเท่านั้นแต่ยังรวมถึงทีมชาติด้วย”

“ถ้าพวกเขาต้องการใช้เงินไปกับการดึงแข้งบิ๊กเนม ผมคิดว่าสุดท้ายแล้วมันจะถึงจุดสูงสุด และก็จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ”