ในโลกของฟุตบอล การที่คนในชนชั้นแรงงาน จะผลักดันตัวเองขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ อาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังพอมีให้เห็นอย่าง เจมี วาร์ดี (หนุ่มโรงงาน) หรือ ชาลี ออสติน (ช่างอิฐ) เป็นต้น
เช่นกันสำหรับ เกรกัวร์ อัคเซลร็อด ที่เคยเป็นพนักงานแม็คโดนัลด์ ก่อนจะไต่เต้าจนได้ค้าแข้งกับทีมระดับยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เพียงแค่เรื่องราวของเขาอาจจะต่างไปพอสมควร เมื่อความสำเร็จที่ได้มานั้นมาจากการต้มตุ๋น
อันที่จริง อัคเซลร็อด ก็ไม่ได้อยากเป็นนักต้มตุ๋น เขาก็เป็นเหมือนเด็กหนุ่มทั่วไป ที่มีความฝันอยากเป็นนักฟุตบอล โดยมีนักเตะชาติเดียวกันอย่าง ซีเนดีน ซีดาน กองกลางทีมชาติฝรั่งเศสเป็นไอดอล
เพียงแต่เขาเล่นบอลไม่เก่ง และมันก็ไม่ใช่ไม่เก่งแบบธรรมดา แต่แย่จนถึงขนาดพ่อของ อัคเซลร็อด ต้องสั่งห้ามเขาเล่นฟุตบอล อย่างเด็ดขาด
“แกเล่นบอลห่วยแตกมาก ฉันไม่อยากให้แกเตะฟุตบอลอีกแล้ว” พ่อบอกกับเขาตอน 10 ขวบ
ทว่า อัคเซลร็อด ก็ไม่ละทิ้งความฝัน แต่เมื่อพ่อห้าม เขาก็ต้องทำมันด้วยตัวเอง จึงตัดสินใจหันหลังให้กับครอบครัวที่ร่ำรวย ออกไปทำงานหารายได้ด้วยการเป็นพนักงานของร้านแม็คโดนัลด์อยู่พักใหญ่
“ผมไม่มีทางเลือก และเป็นเรื่องจริงที่แม็คโดนัลด์รับผมเร็วมาก” อัคเซลร็อดกล่าวกับ Sportbible
“มันต่างกันมาก มากเลยทีเดียว เพราะก่อนหน้านี้ผมมีชีวิตที่มั่งคั่ง เพราะว่าพ่อผมรวยมาก มันสนุกในวันแรกๆ แต่หลังจากนั้นก็น่าเบื่อ เพราะว่างานหนักมาก”
และตอนนั้นก็เป็นช่วงที่ทำให้เขาเห็นช่องทางในการก้าวสู่นักเตะอาชีพ ด้วยการสร้างเว็บไซต์ปลอมขึ้นมา แล้วก็อบปี้ข้อมูลจากเว็บไซต์ของ โรนัลโด้ ยอดดาวยิงบราซิลที่ตอนนั้นเล่นให้ เรอัล มาดริด มาเปลี่ยนเป็นตัวเขาเอง
นอกจากนี้ เขายังสร้างเนื้อหาปลอมในเว็บไซต์ ระบุว่าหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศส ตีข่าวว่าตัวเขาจะย้ายไปเล่นให้ เรอัล มาดริด โดยอ้างอิงมาจากตอนที่ นิโคลา อเนลก้า ย้ายไปเล่นให้ ราชันชุดขาว เมื่อปี 1999 รวมถึงเพิ่มชื่อตัวเองลงไปในรายชื่อของทีม
“ผมยังได้ก็อปปี้บทความจาก L’Equipe ที่บอกว่า นิโคลา อเนลกา กำลังย้ายไป เรอัล มาดริด และใส่คำว่า ‘เกรกัวร์ อัคเซลร็อด กำลังไปเรอัล มาดริด’ ลงไป” อัคเซลร็อด ย้อนความหลัง
“ไม่กี่วันหลังจากนั้น ผมก็เพิ่มวิดีโอนัดกระชับมิตรลงไป และสิ่งที่ผมทำก็คือผมทำอินโทรก่อนเข้าเกมด้วยการเพิ่มชื่อตัวเองลงไปในรายชื่อของทีม”
อันที่จริง เขาไม่ได้โกหกทั้งหมด เมื่อในวัยเด็ก เขาเคยเล่นให้ เปเอสเช เพียงแค่ เปเอสเช ของเขาคือทีมสมัครเล่น ที่อยู่ในดิวิชั่น 15 ดิวิชั่นต่ำสุดของฝรั่งเศสในขณะนั้น
อัคเซลร็อด ยังเพิ่มความสมจริง ด้วยการไปถ่ายรูปพร้อมกับยูนิฟอร์มของ เปเอสเช ถึงในสนามปาร์ค เดอ แปรง จากความช่วยเหลือจากเพื่อนที่ทำงานอยู่ในร้านขายของที่ระลึกของสโมสร
นอกจากนี้ เขายังได้สร้าง CV ปลอมขึ้นมา พร้อมกับบรรยายว่าเขาเป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับ แต่ก็สามารถเล่นกองหน้าได้ ก่อนจะร่อนจดหมายไปยัง อาร์เซนอล และเชลซี เพื่อขอทดสอบฝีเท้า แต่โชคดีที่สโมสรเหล่านั้นปฏิเสธตั้งแต่ต้น
อย่างไรก็ดี ก็มีทีมจำนวนไม่น้อยที่เชื่อในประวัติที่เขากล่าวอ้าง และยอมให้ทดสอบฝีเท้า ไม่ว่าจะเป็นทีมในอังกฤษอย่าง นอริช ซิตี้, บอร์นสมัธ, สวินดอน ไปจนถึงสโมสรจากต่างทวีปอย่าง ซิดนีย์ เอฟซี ของออสเตรเลีย และ นิวยอร์ก เรดบูลส์ ของสหรัฐอเมริกา
“การทดสอบทุกครั้งแตกต่างกัน บางครั้งมันก็แย่มาก ในการทดสอบครั้งแรกกับ บอร์นสมัธ เป็นครั้งแรกที่ผมได้เล่นบอล 11 คน และผมก็ได้เล่นให้ทีมชุดใหญ่ในเกมกระชับมิตรนั้น” อัคเซลร็อด ย้อนความหลัง
อัคเซลร็อด บอกว่าเขาไม่ได้มีฝีเท้าแย่ขนาดนั้น แต่ที่ต้องโกหกเนื่องจากหากบอกว่าเป็นแค่นักเตะสมัครเล่น คงจะไม่มีสโมสรไหนให้โอกาสทดสอบฝีเท้า
“การทดสอบครั้งที่ 2 กับสวินดอน ผมได้แมนออฟเดอะแมตช์จาก Sky Sports ผมมีความสามารถอยู่บ้าง แต่ไม่มีเรซูเม่ เพราะว่าผมโกหกมันในเว็บไซต์ของผม” อัคเซลร็อดกล่าว
“ถ้าผมบอกความจริงว่าผมเล่นให้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมงต์ ทีมแย่สุดที่เล่นในดิวิชั่น 15 ของฝรั่งเศส ก็คงไม่มีใครให้โอกาสผม”
ทว่า แม้ว่าเขาจะโชว์ฟอร์มได้ดีแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ไม่มีทีมไหนที่ยอมเซ็นสัญญา เพราะพวกเขามารู้ทีหลังว่านักเตะรายนี้โกหก หลังจากสอบถามไปยังต้นสังกัดที่เขากล่าวอ้าง
“ผมบอกว่าเคยเล่นให้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมงต์ หลังจากนั้นสโมสรก็เลยโทรไปที่ ปารีส แซงต์ แชร์กแมงต์ และได้รับคำตอบว่าพวกเขาไม่รู้จักผม ผมก็เลยเกม” อัคเซลร็อดอธิบาย
อัคเซลร็อด ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ในการเดินทางไปทั่วโลก เพื่อทดสอบฝีเท้าด้วยประวัติปลอมของเขา และหลังจากผ่านไป 25 สโมสร ในปี 2009 เขาก็ได้รับการตอบรับจาก ซีเอสเคเอ โซเฟีย สโมสรจากบัลแกเรีย ที่เคยลงเล่นใน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก
อัคเซลร็อด ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจตลอด 3 วันในการทดสอบฝีเท้า จนทำ โซเฟีย ยื่นข้อเสนอค่าเหนื่อยสูงถึง 15,000 ปอนด์ต่อเดือน (ราว 690,000 บาท) พร้อมกับสัญญา 3 ปี แน่นอนว่าเขาตัดสินใจเซ็นโดยไม่ต้องคิด
ข่าวการเซ็นสัญญาของเขา ยังถูกประกาศลงในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสร ทว่า ความฝันของแข้งชาวฝรั่งเศสก็ต้องล่มสลายลงในชั่วข้ามคืน เมื่อสุดท้ายเขาโดนจับได้ จนถูกยกเลิกสัญญา และไล่ออกจากสโมสร
“ผมไปทดสอบฝีเท้าอยู่ 2 วัน และโค้ชก็มาบอกเอเยนต์ของผมว่า เขาอยากเซ็นสัญญากับผม พวกเขาถ่ายรูปผมในชุดซีเอสเคเอ ผมเซ็นสัญญาไปแล้ว พวกเขาลงภาพผมเซ็นสัญญาลงในเว็บไซต์สโมสร” อัคเซลร็อด กล่าว
“แต่เพียงชั่วข้ามคืน แฟนบอลเปแอสเชก็ทำลายผมจนไม่มีชิ้นดี เมื่อมีแฟนบอลของ ซีเอสเคเอ โซเฟียคนหนึ่ง ติดต่อไปยังชุมชนออนไลน์ของแฟนบอลเปแอสเชว่า ‘เรากำลังจะเซ็นสัญญากับ เกร็ก อัคเซลร็อด พวกคุณคิดอย่างไรกับเขา ?’ ”
“ปรากฎว่าไม่มีแฟนเปแอสเชคนไหนรู้จักผม พวกเขาบอกว่าผมโกหก พวกเขาเช็คเว็บไซต์ของผมหมดแล้ว แม้ว่าจะมีข้อมูลบางอย่างเป็นเรื่องจริงก็ตาม เช่น คลิปยิงประตูกับสวินดอนก็ตาม ”
“แฟนบอลของซีเอสเคเอจึงติดต่อไปที่นักข่าวทุกคนในโซเฟีย และพวกเขาก็พบว่าสโมสรเซ็นสัญญากับนักเตะลวงโลก”
แต่ถึงอย่างนั้น อัคเซลลร็อด ก็ไม่ยอมแพ้ เขาเดินทางไปทดสอบฝีเท้าต่อในกรีซ, คูเวต และแคนาดา ก่อนจะได้เซ็นสัญญากับ มิสซิสเซาก้า อีเกิ้ลส์ ในลีกสูงสุดกับแคนาดา แต่ก็อยู่ที่นั่นได้เพียงแค่ซีซั่นเดียว ก่อนจะห่างหายไปจากวงการฟุตบอล
ปัจจุบัน เขาผันตัวมาเป็นเอเยนต์นักฟุตบอล และเพิ่งสร้างผลงานด้วยการพา โอเรเลียง ชูอาเมนี กองกลางทีมชาติฝรั่งเศส ด้วยค่าตัวสูงถึง 100 ยูโร รวมถึงเขียนหนังสือบอกการเป็นแข้งลวงโลกของตัวเองในชื่อ ‘Pro At All Costs’ ที่เพิ่งวางจำหน่ายไปเมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา
เขาเพิ่งจะโชว์ลีลาการลากเลื้อยจากฝั่งตัวเองไปซัดประตูปิดกล่องให้โรงเรียนคว้าแชมป์จังหวัด พร้อมได้สิทธิ์เข้าไปเล่นในศึกชิงแชมป์ฤดูหนาวทั่วประเทศ เขาคือคนที่ติดทีมชาติญี่ปุ่นชุด U17 ตั้งแต่อยู่ ม.4 และอยู่ในทีมชุดแชมป์เอเชีย 2023 ที่ประเทศไทย และเขาคนนี้ก็เป็นเพียงไม่กี่คนที่มาจากทีมโรงเรียนที่ติดทีมชาติญี่ปุ่นไปเล่นฟุตบอลโลก U17 2024 รอบสุดท้าย ก่อนจะซัดไป 4…
เรื่องราวของ ไอมาน เคลีฟ นักชกแชมป์เหรียญทองโอลิมปิกที่ ปารีส กำลังเป็นประเด็นเพราะมีการเปิดเผยว่าจริง ๆ แล้วเขาเป็นผู้ชาย โดยในโอลิมปิกครั้งที่ผ่านมา เคลิฟ สร้างกระแสเป็นอย่างมาก เพราะชกนักชกอิตาลีจนฝั่งอิตาลีต้องขอยอมแพ้ และบอกว่านี่คือหมัดที่หนักที่สุดในชีวิต ซึ่งตอนนั้นกระแสก็ไปหลายทาง บอกคนบอก…
"อันเชล็อตติ ทำอะไรผิดน่ะเหรอ ? ... ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน" นี่คือคำตอบผ่านสื่อของของ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสร เรอัล มาดริด ที่ไล่ คาร์โล อันเชล็อตติ ออกจากการเป็นกุนซือในฤดูกาล…
แม้ว่าจะ เอริค เทน ฮาก ถูกปลดจากตำแหน่งไปแล้ว แต่ในฤดูกาลนี้ แต่ต้องยอมรับว่าการซื้อขายนักเตะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของเขา มีความคึกคักเป็นพิเศษ ด้วยผู้เล่นขาเข้า 6 รายในราคารวมกันเกือบ 200…
เอริค คันโตนา คือนักเตะที่แฟน ๆ ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่มีวันลืมลง เขาเป็นคนที่ย้ายมาอยู่กับทีมในปี 1992 และเป็นคนที่เริ่มต้นยุคสมัยความยิ่งใหญ่ของทีมปีศาจเเดงก็คงไม่ผิดนัก ไม่ว่าสตาฟโค้ช, เพื่อนร่วมทีม และแม้แต่ เซอร์…
เรื่องของ เจมี่ วาร์ดี้ นั้นชัดเจนมาก นับตั้งแต่เขาเเจ้งเกิดกับ เลสเตอร์ ซิตี้ เขาก็กลายเป็น "เดอะ แบก" ของทีมมาจนถึงทุกวันนี้ โดยช่วงฤดูกาล 2015-16 ที่เลสเตอร์คว้าเเชมป์พรีเมียร์ลีกนั้นเป็นปีที่วาร์ดี้พีกสุด ๆ…