ถ้า "ผี" อยากชนะ "หงส์" สิ่งใดบ้างที่ควรต้องทำ ?
เกมแดงเดือด ลิเวอร์พูล ดวล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยกแรกกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในคืนวันอาทิตย์ (17 ธ.ค.) นี้ ซึ่งเป็นเกมที่มีเดิมพันอะไรหลายๆ อยู่ใน 90 นาทีที่ แอนฟิลด์
แน่นอนว่าสถานการณ์ของทั้งคู่ ณ ตอนนี้มีความแตกต่างกันมากพอสมควร ฝั่งเจ้าบ้านทัพ “หงส์แดง” กำลังอยู่ในช่วงมั่นใจ หลังขึ้นนำเป็นจ่าฝูงของลีก ส่วนผู้มาเยือนออกมาอาการเป๋มาอย่างต่อเนื่อง สะดุดแพ้คาบ้านมา 2 เกมติดต่อกัน
ซึ่งถ้ามองกันตามหน้าเสื่อสิ่งที่ต้องยอมรับเลยว่าทัพ “ปีศาจแดง” เป็นรองค่อนข้างเยอะ ทั้งเรื่องนักเตะบาดเจ็บ หรือการต้องมาเยือนถิ่น แอนฟิลด์ สนามที่เมื่อซีซั่นก่อนพวกเขาถูกจองจำตราหน้าแพ้ไป 7-0
แต่ทั้งนี้ถ้าจะถามหาเหลี่ยมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะชนะในเกมนี้มันมีบ้างไหม ? แน่นอนว่าคงมี แม้เปอร์เซ็นต์จะน้อยก็ตาม
ว่าแล้วเราลองไปวิเคราะห์กันหน่อยว่าถ้า “ผีอยากชนะหงส์” ต้องเล่นในรูปแบบไหน เพื่อคว้าชัย และเป็นจุดเปลี่ยนของพวกเขาให้ได้
[ ห้ามผิดพลาดง่ายๆ ]
โฟกัสแค่ในฤดูกาล 2023-24 เป็นต้นมา เหล่านักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด สร้างข้อผิดพลาดมากมายในรูปแบบที่ไม่ต้องไปเจาะจงที่ใครเป็นพิเศษหลายครั้งมากๆ ซึ่งจุดนี้สามารถพลิกสถานการณ์ผลการแข่งขัน และโฉมหน้าของเกมไปได้เลย
และแน่นอนว่าเมื่อต้องมาเผชิญกับเกมรุกที่จัดจ้านของ ลิเวอร์พูล ที่พร้อมเล่นงาน และฉกฉวยความผิดพลาดของคู่แข่งมาแปรเปลี่ยนเป็นประตู ยิ่งทำให้ ยูไนเต็ด ต้องเล่นด้วยความรัดกุมที่มากกว่าเดิม
ก่อนเกมข่าวดีคือการได้ ลุค ชอว์ กลับมาลงสนามได้อีกครั้ง ทว่าสิ่งที่ไม่อาจคาดเดาได้เลยคือ เอริค เทน ฮาก จะจับเขาไปลงเล่นในตำแหน่งไหน เพราะที่ผ่านมาแม้จะมีนักเตะในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาร์ฟให้ใช้งาน แต่ด้วยความอินดี้ของพี่แกก็เคยขยับจับมาเล่นในบทบาทปราการหลังตัวกลางมาแล้ว
และยิ่งผนวกกับเกมนี้ทีมจะหมดสิทธิ์ใช้งาน แฮร์รี่ แม็คไกวร์ แนวรับตัวหลักไป ทำให้โอกาสเกิดเรื่องดังกล่าวซ้ำสองก็ย่อมเป็นไปได้
กระนั้นต่อให้เอาใครลงเล่นในบทบาทไหน สิ่งที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ควรมีให้มากที่สุดคือสมาธิ และไร้ข้อผิดพลาดแบบง่ายๆ ซีซั่นก่อนบทบาทมีมาแล้วว่าถ้าโดนกระทุ้งขึ้นนำไปก่อน ควรต้องทำอย่างไร ห้ามไร้ใจเป็นอันขาด เพราะนั้นเหมือนกำลังเปิดประตูต้อนรับความพังพินาศทันที
[ เกมโต้กลับต้องทำงาน ]
ถ้ามองไปที่บอลสไตล์ เทน ฮาก ในฤดูกาลนี้เมื่อต้องโคจรมาเจอกับทีมเหล่าหัวตาราง เขาแทบจะเล่นหน้าเดียวคือ แพ็คเกมรับให้แน่น และอาศัยเกมโต้กลับเล่นงานคู่แข่ง ซึ่งฤดูกาลนี้มันก็ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่นัก
เป็นอันเข้าใจได้ว่าการบุกไปเยือน แอนฟิลด์ ขืนคุณไปเปิดหน้าแลก หวังจะเดินเกมรุกบุกเข้าใส่ ก็เหมือนขุดหลุมฝั่งตัวเองกลายๆ เพราะ ลิเวอร์พูล เอง ชอบอยู่แล้วกับทีมที่มาบุกใส่ และยิ่งกับทัพ “ปีศาจแดง” ที่หลังบ้านไม่ดีอยู่แล้ว พื้นที่ในการโจมตีจะเปิดกว้างมากกว่าเดิม
ฉะนั้นสามารถทำนายได้เลยว่า เทน ฮาก คงมาไม้เดิม ขันเกมรับให้แน่น ใส่มิดฟิลด์ตัวรับลงมาคอยปัดกวาด และปีก 2 ฝั่งที่ถอยลงมาเล่นเกมรับแบบเต็มตัว และคอยหาจังหวะดีๆ ในการโต้กลับ ใช้ความเร็วของนักเตะให้เกิดประโยชน์
กระนั้นในเมื่อมาในแผนนี้ทุกช็อตที่จะเล่นต้องต่อเนื่อง และแม่นยำให้มากที่สุด เพราะถ้าไม่เป็นเช่นนั้นภาพในวันที่บุกไปแพ้ อาร์เซน่อล จะลอยกลับมาอีกครั้ง
เล่นเกมรับขวางรถบัสไว้หน้ากรอบเขตโทษ พยายามเล่นโต้กลับแต่ไม่ได้ผล หรือพูดง่ายๆ ว่าไร้ประสิทธิภาพยิงตรงกรอบเพียง 2 ครั้งเท่านั้น
สุดท้ายกลายเป็นพวกเขาที่เหมือนของเข้าตัว ต้านไม่ไหวสุดท้ายก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้
เช่นกันกับเกมบุกเยือน ลิเวอร์พูล เกมโต้กลับต้องแม่นยำ และขู่ให้คู่แข่งไม่กล้าดันแนวรับขึ้นสูง เพื่อปิดเกมรุกทางเลือกคู่แข่ง และอาศัยจังหวะเหล่านี้เล่นงานบ้าง
[ เกมรุกต้องเฉียบขาด ]
ในฤดูกาลนี้ถ้านับเพียงทีมครึ่งบนของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก (1-10) เราจะเห็นได้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด คือทีมที่ทำประตูได้น้อยที่สุดเพียง 18 ตุง เท่านั้น เฉลี่ยแล้วตกเกมละ 1 ประตู เท่านั้น
แนวรุกอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด, อันโตนี่, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล หรือ ราสมุส ฮอยลุนด์ เรียกได้ว่าอาวุธฝืดอย่างแท้จริง ผลิตประตูรวมกันในลีกแค่ 3 ลูก เท่านั้น
ซึ่งสิ่งที่อยากจะบอกคงต่อเนื่องจากหัวข้อที่ผ่านมา ในเมื่อคุณจะเล่นเกมโต้กลับ ความเฉียบขาดในแผงเกมรุกก็ต้องมีความอันตราย หรือใช้โอกาสไม่เปลืองตามไปด้วยเช่นกัน
เชื่อว่านี่คงเป็น 90 นาทีที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะสร้างโอกาสทำประตูได้ไม่เยอะนัก เพียงแต่ว่าด้วยการได้โอกาสง้างเท้าในแต่ละครั้งต้องสามารถสร้างอิมแพ็คต่อทีมได้ สามารถแปรเปลี่ยนเป็นประตูได้ในทันที
เพราะขืนใช้โอกาสเปลืองยิงนกตกปลาไปเรื่อยๆ สุดท้ายทุกอย่างมันจะกลับมาทิ่มแทงตัวเอง เผลอๆ อาจโดนถลุงยับอีกครั้ง