“ผมคงต้องไล่คุณออก” ย้อนเหตุการณ์ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล งัดกับ เฟอร์กี้ หลัง แดงเดือด ปี 1994

ศึก แดงเดือด ถือเป็นหนึ่งในการแข่งขันที่มีเรื่องราวมากมายที่สุดบนหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนัง และหนึ่งในเกมที่มีความดราม่าและความคลาสสิกสุดๆ ก็คือ มกราคม ปี 1994

การไปเยือน แอนฟิลด์ ในวันนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายที่นำห่างถึง 3 ประตูในช่วง 45 นาทีแรก เสียงเชียร์จากแฟนๆ และความมั่นใจแบบเต็มร้อยว่ายังไงวันนี้ฉันจะได้ 3 คะแนนอันล้ำค่านี้อย่างแน่นอน

ถึงแม้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะเตือนแล้วว่าอย่าประมาทและให้เล่นตามเกมของตัวเองไป แต่พอครึ่งหลังกลายเป็นหนังคนละม้วน เพราะสุดท้ายจบ 90 นาทีกลายเป็น ลิเวอร์พูล ที่โกงความตายหลังตามตีเสมอ 3-3 ได้สำเร็จ

บรรยากาศที่ แอนฟิลด์ เปลี่ยนไปเช่นกัน เสียงเชียร์จากแฟนๆ เดอะ ค็อป ที่ร้องเพลง You will never walk alone ดังกันสนั่น ส่วนทางขุนพล “ปีศาจแดง” ต่างก็เดินคอตกเข้าไปในห้องแต่งตัวแบบรู้ชะตากรรมตัวเอง

เป็นไปตามที่คาดเมื่อ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จัดการไล่ด่าลูกทีมของตัวเองทุกคน หนึ่งในคนที่เหมือนจะโดนหนักสุดในเกมนั้นก็คือ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล เพราะเป็นด่านสุดท้ายและต้องเสียถึง 3 ประตู และมีช็อตที่ เฟอร์กี้ ไม่เห็นชอบหลายครั้งโดยเฉพาะการสาดบอลยาวทำให้จังหวะการเล่นสวนกลับเสียอยู่บ่อยๆ 

แต่ถึงกระนั้นในขณะที่ทุกคนก้มนั่งหน้าฟังคำกราดของบอสใหญ่ แต่ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล กลับปรี๊ดแตกก่อนจะขึ้นเสียงและเถียง เฟอร์กี้ ไม่หยุด ก่อนจะเดินออกจากห้องแต่งตัวไป เล่นทำเอาเพื่อนๆ งงไปตามๆ กัน

ณ วันนั้น ชไมเคิ่ล ถึงขั้นโทรหาเอเยนต์ส่วนตัวและแจ้งว่าต้องการย้ายออกจากทีมหลังมีปัญหากับ เฟอร์กี้ จากนั้น ชไมเคิ่ล ก็รู้สึกเย็นลง แต่ก็รู้สึกไม่สบายใจ จึงไปหา เฟอร์กี้ ที่ออฟฟิศในอีก 2 วันต่อมา

เฟอร์กี้ บอกว่า “ผมไม่มีทางเลือกนอกจากต้องไล่คุณออก ” ชไมเคิ่ล ก็ถามว่า “ผมต้องไปเมื่อไหร่ ?” ก่อนที่ เฟอร์กี้ จะบอกว่า “ผมไม่รูัตอนนี้ แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพคุณต้องลงเล่นในเกมวันเสาร์ และอีกอย่างก็คือผมไม่อยากให้ลูกทีมคนไหนมาขึ้นเสียงใส่แบบนี้ คุณต้องเข้าใจด้วยนะ คำขอโทษขอนายผมจะรับไว้ แต่นายต้องไปอยู่ดี”

พอหลังจากบอสใหญ่เดินออกไปจากห้อง ชไมเคิ่ล ก็ข โทษและเล่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นให้เพื่อนร่วมทีมทุกคน โดยที่ไม่รู้เลยว่า เฟอร์กี้ ยืนฟังอยู่หลังประตูบานนั้น

เฟอร์กี้ ค่อนข้างเซอร์ไพรส์เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินสิ่งเหล่านี้จากปากคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีอย่าง ชไมเคิ่ล และคำพูดนี่ว่า “นายต้องไป” ที่ไม่มีกำหนดการชัดเจนก็ค่อยๆ หายไป ซึ่ง ณ เวลานั้นเขาได้ให้อภัยกับลูกทีมแล้ว

Rittichai Sermsuteeanuwat

Recent Posts

เรนโตะ ทาคาโอกะ : ตัวโหดม.ปลายที่เซาแธมป์ตันเซ็นสัญญาตั้งแต่เรียนไม่จบ

เขาเพิ่งจะโชว์ลีลาการลากเลื้อยจากฝั่งตัวเองไปซัดประตูปิดกล่องให้โรงเรียนคว้าแชมป์จังหวัด พร้อมได้สิทธิ์เข้าไปเล่นในศึกชิงแชมป์ฤดูหนาวทั่วประเทศ เขาคือคนที่ติดทีมชาติญี่ปุ่นชุด U17 ตั้งแต่อยู่ ม.4 และอยู่ในทีมชุดแชมป์เอเชีย 2023 ที่ประเทศไทย และเขาคนนี้ก็เป็นเพียงไม่กี่คนที่มาจากทีมโรงเรียนที่ติดทีมชาติญี่ปุ่นไปเล่นฟุตบอลโลก U17 2024 รอบสุดท้าย ก่อนจะซัดไป 4…

5 hours ago

มาก่อนกาล : เกลียด LGBT และ Anti WOKE ที่ทำให้ อีลอน มัสก์ ด่า “เคลิฟ” ว่า “ไอ้ผู้ชาย”

เรื่องราวของ ไอมาน เคลีฟ นักชกแชมป์เหรียญทองโอลิมปิกที่ ปารีส กำลังเป็นประเด็นเพราะมีการเปิดเผยว่าจริง ๆ แล้วเขาเป็นผู้ชาย โดยในโอลิมปิกครั้งที่ผ่านมา เคลิฟ สร้างกระแสเป็นอย่างมาก เพราะชกนักชกอิตาลีจนฝั่งอิตาลีต้องขอยอมแพ้ และบอกว่านี่คือหมัดที่หนักที่สุดในชีวิต ซึ่งตอนนั้นกระแสก็ไปหลายทาง บอกคนบอก…

22 hours ago

คล้ายๆเลยนะ! ย้อนเหตุการณ์ “อันเช่” โดน มาดริด ปลดปี 2014-15

"อันเชล็อตติ ทำอะไรผิดน่ะเหรอ ? ... ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน" นี่คือคำตอบผ่านสื่อของของ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสร เรอัล มาดริด ที่ไล่ คาร์โล อันเชล็อตติ ออกจากการเป็นกุนซือในฤดูกาล…

23 hours ago

โจชัวร์ เซิร์กซี : ดีลปริศนาที่ เทน ฮาก ไม่เคยอยากได้ และ อโมริม ก็คิดว่าจะไม่เอา

แม้ว่าจะ เอริค เทน ฮาก ถูกปลดจากตำแหน่งไปแล้ว แต่ในฤดูกาลนี้ แต่ต้องยอมรับว่าการซื้อขายนักเตะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของเขา มีความคึกคักเป็นพิเศษ ด้วยผู้เล่นขาเข้า 6 รายในราคารวมกันเกือบ 200…

1 day ago

เกลียดจัดแต่ดันต้องเล่นด้วยกัน! ความวุ่นวายของฝรั่งเศสยุค คันโตน่า vs ชิโนล่า

เอริค คันโตนา คือนักเตะที่แฟน ๆ ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่มีวันลืมลง เขาเป็นคนที่ย้ายมาอยู่กับทีมในปี 1992 และเป็นคนที่เริ่มต้นยุคสมัยความยิ่งใหญ่ของทีมปีศาจเเดงก็คงไม่ผิดนัก ไม่ว่าสตาฟโค้ช, เพื่อนร่วมทีม และแม้แต่ เซอร์…

2 days ago

เหตุผลสุดพระเอกที่ทำให้ วาร์ดี้ เลิกเล่นทีมชาติตั้งแต่ช่วงพีก

เรื่องของ เจมี่ วาร์ดี้ นั้นชัดเจนมาก นับตั้งแต่เขาเเจ้งเกิดกับ เลสเตอร์ ซิตี้ เขาก็กลายเป็น "เดอะ แบก" ของทีมมาจนถึงทุกวันนี้ โดยช่วงฤดูกาล 2015-16 ที่เลสเตอร์คว้าเเชมป์พรีเมียร์ลีกนั้นเป็นปีที่วาร์ดี้พีกสุด ๆ…

2 days ago