ทุกๆ คนรู้ดีอยู่แล้วว่า บาร์เซโลน่า คือสโมสรอภิมหาอำนาจของแดนลูกหนังสเปน และทีมเป็นคู่อริตลอดชั่วโคตรชั่วกาลก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนั่นก็คืออีกหนึ่งทีมมหาอำนาจอย่าง เรอัล มาดริด นั่นเอง
แต่มันจะมีอยู่ครั้งหนึ่งที่รู้สึกว่าทีมที่ บาร์เซโลน่า มองว่าเป็นคู่รักคู่แค้น เป็นทีมที่เกลียดที่สุดยิ่งกว่า เรอัล มาดริด นั่นก็คือ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี
ย้อนกลับไปช่วงยุคกลางยุค 2000 มันเป็นช่วงที่ บาร์เซโลน่า และ เชลซี ถูกจับมาเจอกันบ่อยมากๆ บนสังเวียน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และทุกๆ ครั้งที่ฟาดแข้งกันก็มักจะมีประเด็นเดือดเลือดพล่านกันอยู่เป็นประจำ
ความบาดหมางที่ว่านี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่การเจอกันครั้งแรกเลยเมื่อปี 2005 ในเกมเลกแรกที่ คัมป์ นู ช็อตที่ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม ทาง โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ไปกล่าวหาผู้ตัดสิน อันเดอร์ส ฟริสค์ ว่าตัดสินเข้าข้างคู่แข่งและสมรู้ร่วมคิดกับ แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด และนั่นคือจุดเริ่มต้นของสงครามวาทะระหว่างทั้งสองทีม
เกมนั้นจบลงด้วยชัยชนะของ บาร์เซโลน่า แต่สุดท้ายก็เป็น เชลซี ที่พลิกล็อคกลับมาเป็นฝ่ายเข้ารอบด้วยชัยชนะ 4-2 ที่ เดอะ บริดจ์ ในเลก 2
พอมาถึงปี 2006 หรืออีก 12 เดือนต่อมา ใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมเหมือนกัน ต้นเหตุที่มาของเรื่องราวภาคต่อนั้นเกิดจาก ลิโอเนล เมสซี่ เพราะเขาทำให้ อาเซียร์ เดล ออร์โน่ แบ็กซ้ายเลือดกระทิงโดนใบแดงไล่ออกจากสนามตั้งแต่ช่วงท้ายครึ่งแรก และนั่นก็ทำให้ โชเซ่ มูรินโญ่ ออกมาตะโกนด่าผู้เล่น บาร์เซโลน่า ว่า “พวกมึx เล่นละครกันเก่งสมแล้วที่อยู่ในเมืองแห่งศิลปะ”
เกมนัดนั้นผลจบที่ บาร์ซ่า บุกชนะ เชลซี 2-1 ถึง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ทั้งๆ ที่ก่อนเกมมีข่าวร่ำข่าวลือออกมาเหมือนกันว่าทาง เชลซี จงใจปล่อยให้สภาพพื้นสนามดูแย่กว่ามาตรฐานเพราะต้องการทำลายจังหวะเกมที่ลื่นไหลของคู่แข่ง
และเรื่องราวมันยังไม่จบแค่นั้น เพราะก่อนจะดวลกันในนัดที่ 2 ลิโอเนล เมสซี่ ก็ได้ออกมาจุดชนวนทำให้ความบาดหมางมันทวีคูณเพิ่มไปอีกด้วยการให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “นักเตะของ บาร์เซโลน่า เกลียด เชลซี แบบสุดๆ เกลียดยิ่งกว่า เรอัล มาดริด”
“ผู้เล่นของ บาร์เซโลน่า ที่นี่เกลียด เชลซี ยิ่งกว่า เรอัล มาดริด เสียอีก ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ยินตัวเองพูดอะไรแบบนี้ ผมยังไม่เคยคิดเลยว่าผมจะได้เห็นสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่า โบคา จูเนียร์ เจอกับ ริเวอร์ เพลท หรือแม้กระทั่ง บราซิล เจอกับ อาร์เจนติน่า”
“แต่ตอนนี้มันมีแล้ว เราอยากเจอกับ อาร์เซน่อล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือใครก็ตามที่ไม่ใช่ เชลซี”
“เชลซี ไม่ใช่ทีมที่แข็งแกร่งที่สุด ผมคิดว่าพวกเขาไม่ดีไปกว่า บาร์เซโลน่า หรือทีมอื่นๆ เลย แน่นอนว่าเกมนัดหน้ามันจะเหมือนกับ สงคราม แต่เรามั่นใจว่าเราจะผ่านเข้ารอบต่อไปได้แน่นอน”
เกมที่ คัมป์ นู ในปีนั้นจบลงที่เสมอกันไป 1-1 และเป็น บาร์เซโลน่า ที่ล้างตาได้สำเร็จก่อนผ่านเข้าสู่รอบต่อไป
หลังจากปีนั้นในการเจอกันครั้งต่อๆ มา ทุกๆ นัดก็มักจะมีเรื่องให้พูดถึงตลอด ไม่ว่าจะเป็นวันที่ อันเดรส อิเนียสต้า ซัดประตูตีเสมอ 1-1 สุดสวยช่วงทดเจ็บพร้อมกับเขี่ย เชลซี ตกรอบไปด้วยกฏอเวย์โกล์เมื่อปี 2009
รวมไปถึงปี 2012 รอบรองฯ ที่สกอร์รวม บาร์เซโลน่า พลิกกลับมานำ 2-1 ก่อนที่สุดท้ายจะโดนประตูของ รามิเรส และ เฟร์นานโด ตอร์เรส ช่วยให้ เชลซี พลิกสถานการณ์อีกครั้งกลับมาชนะ 3-2 และเข้าไปเป็นแชมป์จากการพลิกนรกชนะ บาเยิร์น มิวนิค ถึง เยอรมัน
ตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมาทั้งสองทีมเจอกันบ่อยสุดๆ เหมือนเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน พวกเขาเจอ 10 ครั้งในรอบ 7 ปี และทุกๆ ครั้งนักเตะที่ดีที่สุดในโลกอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ก็ต้องทุรนทุรายสาหัสทุกนัด เพราะเขาไม่เคยยิงประตูใส่ เชลซี ได้เลยจนกระทั่งถึงปี 2018
ในวงการฟุตบอลผลแพ้ ชนะ เป็นเรื่องปกติธรรมชาติสุดๆไม่มีใครหรือทีมไหนที่ไม่เคยแพ้ แต่มันก็มีนักเตะอยู่ไม่น้อยที่เมื่อใดก็ตามพวกเขาสามารถทำประตูได้ทีมจะไม่แพ้ ซึ่งต้องขยายความเพิ่มว่านักเตะที่เลือกมาในวันนี้ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยแพ้ แต่จะเป็นประตูได้และไม่แพ้นานที่สุด 1.กาเบรียล เชซุส กาเบรียล เชซุส เป็นนักเตะที่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกมาเยอะมากถึง 226 นัด โดยแบ่งเป็น…
เรียกว่าเป็นเอกลักษณ์สำหรับฟุตบอลอังกฤษ ที่จะต้องมีการแข่งขันในวันแกะกล่องของขวัญ หรือที่รู้จักกันใน “วันบ็อกซิ่งเดย์” เพื่อให้แฟนบอลได้ฉลองวันส่งท้ายปีไปพร้อมกับเชียร์ทีมรัก ทั้งนี้ ธรรมเนียมนี้ของชาวแดนผู้ดี แทบจะเป็นหนึ่งในไม่กี่ลีกของยุโรป ที่มีโปรแกรมในวันที่ลีกอื่นพักเบรกหนีหนาว เพราะเหตุใด พวกเขาจึงต้องจัดโปรแกรมในวันนี้ ? และบางทีมันอาจจะเกี่ยวเนื่องในเชิงประวัติศาสตร์ ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกัน บ็อกซิ่งเดย์คืออะไร?…
เรียกได้ว่าเป็นไวรัลอีกแล้ว เมื่อ ไมเคิ่ล โอเว่น ตำนานนักเตะของสโต๊ค ซิตี้ และลิเวอร์พูลหรือแมนฯ ยูไนเต็ด ที่มักถูกแฟนบอลแซวเรื่องคำวิจารณ์และทายผลลัพธ์ต่างๆ อยู่เสมอว่าความแม่นยำไม่ค่อยมีนั้น ได้ออกมาเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป็ป…
แม้ว่าในเกมล่าสุดที่อาร์เซนอลสามารถบุกไปเอาชนะคริสตัล พาเชซ มาได้ด้วยสกอร์สุดสวย 5-1 แต่ถ้ามองในรายละเอียดเกมทั้งหมดก็จะเห็นว่าอาร์เซนอลยังมีความผิดพลาดอยู่บ้างเล็กน้อยโดยเฉพาะในครึ่งเวลาแรก หนึ่งในจังหวะหวาดเสียวที่สุดคือในนาทีที่ 10 ที่อาร์เซนอลพยายามจะบิ้วอัพจากหลังแต่คริสตัล พาเลซก็สามารถเพลสซิ่งได้ดี ในขณะนั้นบอลอยู่กับ เดบิด ราย่า เขามองขึ้นหน้าและเลือกจ่ายบอลไปให้ โธมัส ปาเตย์…
ถ้าพูดถึง มาร์คัส แรชฟอร์ด ในช่วงนี้ต้องบอกว่าเต็มไปด้วยความเห็นที่แตกต่างกันมากมาย มีทั้งฝั่งที่เห็นใจ เข้าใจ และฝั่งที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของแรชฟอร์ด ในส่วนของฝั่งที่ไม่เห็นด้วยกับแรชฟอร์ดต่างบอกว่าต้องการให้แรชฟอร์ดย้ายออกจากทีมไปและไม่ว่าทีมไหนที่ได้ตัวไป นั้นจะเป็นฝันร้ายอย่างแน่นอน ซึ่งนี่อาจจะเป็นความคิดเห็นที่สุดโต่งไปหน่อยและไม่ใช่ทุกคนที่คิดแบบนั้นเช่นกันกับ เอียน ไรท์ อดีตตำนานกองหน้าของอาร์เซนอล ที่ออกแสดงความคิดเห็นไว้ว่า “ผมย้ายไปอาร์เซนอลตอนอายุ…
วันนี้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว (20 ธันวาคม 2562) มิเกล อาเตต้า ถูกแต่งตั้งเป็นเฮดโค้ชคนใหม่ หลังปลด อูไนเอเมรี่ การทำงานตลอด 5 ปี ภายใต้…