สำหรับนักเตะชาวจาไมกา การได้เล่นกับสโมสรใหญ่อย่าง เอซี มิลาน ถือว่าเป็นเรื่องไกลเกินฝัน แต่สำหรับ ลูเธอร์ บลิสเซ็ตต์ อดีตกองหน้าวัตฟอร์ก กลับมีเรื่องเล่าว่า เขามาเล่นในถิ่น ซาน ซิโร ได้เพราะสโมสรดันเซ็นผิดคน!
ย้อนกลับไปในปี 1983 เอซี มิลาน เพิ่งจะเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นใน เซเรีย อา อีกครั้ง หลังตกชั้นไปอยู่ในเซเรีย บี ในฤดูกาลก่อนหน้านั้น จึงทำให้พยายามหาผู้เล่นฝีเท้าดีมาเสริมทัพในช่วงหน้าร้อนของปีดังกล่าว
และในช่วงเวลาดังกล่าว พวกเขาไปถูกใจกองหน้าชาวจาไมกา ของ วัตฟอร์ด ทีมในดิวิชั่น 1 ของอังกฤษ ที่ชื่อว่า ลูเธอร์ บลิสเซ็ตต์ ก่อนจะทุ่มเงิน 1 ล้านปอนด์ พร้อมมอบสัญญายาว 3 ปี กระชากตัวมาร่วมทีม
อันที่จริง เงิน 1 ล้านปอนด์ในยุคนั้น ถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่น้อย เพราะ 1 ปีก่อนหน้านั้น ดิเอโก มาราโดนา เพิ่งจะทำลายสถิติกลายเป็นนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก หลังย้ายจาก โบคา จูเนียร์ส มาร่วมทีม บาร์เซโลนา ด้วยเงิน 3 ล้านปอนด์
สำหรับ บลิสเซตต์ นี่ถือเป็นโอกาสครั้งใหญ่ในชีวิต เพราะแม้ว่า มิลาน จะเป็นทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา แต่พวกเขาคืออดีตแชมป์เซเรีย อา 10 สมัย (ในขณะนั้น) แถมยังเคยคว้าแชมป์ยูโรเปียนคัพ หรือยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกมาครองได้อีก 2 ครั้ง
“มันเป็นสิ่งที่ยากจะปฏิเสธ เพราะจะบ่อยแค่ไหนเชียวที่จะได้เล่นกับหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก” บลิสเซ็ตต์ กล่าวกับ Off The Ball
“มันเป็นอะไรที่ผมต้องทำ เพราะผมรู้สึกว่าจะได้พัฒนาตัวเองทั้งในฐานะนักฟุตบอลและมนุษย์อย่างแน่นอน จากวิธีการเตรียมพร้อมและฝึกซ้อมของพวกเขา”
อย่างไรก็ดี ผลงานของ บลิสเซ็ตต์ ในถิ่น ซาน ซิโร กลับห่างไกลจากที่หวังเอาไว้ เมื่ออดีตดาวยิงวัตฟอร์ด ผลิตสกอร์ให้ทีมได้เพียง 5 ลูกจาก 30 เกมในเซเรีย อา และ 1 ประตูใน อิตาเลียนคัพ จนสุดท้ายถูกเลหลังกลับไปให้วัตฟอร์ด ด้วยค่าตัวเพียง 500,000 ปอนด์
และเมื่อเวลาผ่านไป ก็มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า บลิสเซ็ตต์ ไม่ใช่นักเตะที่ มิลาน ตั้งใจจะเซ็น แต่เป็น จอห์น บาร์นส์ เพื่อนร่วมทีมวัตฟอร์ต วัย 19 ปีของเขา
เนื่องจากในยุคนั้น การเก็บข้อมูลยังเป็นแบบอนาล็อก ที่จะดูฟอร์มนักเตะเป็นรายคน ก็ต้องไปดูด้วยตาเท่านั้น หรือหากโชคดี มีวิดีโอเทปการเล่นของนักเตะเหล่านั้น ภาพก็ไม่ได้ชัด คมกริบระดับ 4k เหมือนในปัจจุบัน
บวกกับ บาร์นส์ และ บลิสเซ็ตต์ หากดูจากระยะไกล มีลักษณะทางกายภาพที่คล้ายกัน ทั้งการเป็นคนผิวดำ ชอบตัดสกินเฮด และที่สำคัญยังเป็นชาวจาไมกาเหมือนกัน (ต่อมาทั้งคู่เลือกเล่นให้ทีมชาติอังกฤษ)
ยิ่งไปกว่านั้น จูเซปเป ฟารินา อดีตประธานสโมสรมิลาน ก็ยังเคยให้สัมภาษณ์ จนทำให้ข่าวลือดูเป็นจริงว่า “คนสวนที่ลอนดอนแนะนำลูเธอร์มาให้ผม”
อย่างไรก็ดี ความเป็นจริงไม่ได้มีอะไรผิดพลาดเลย เพราะ มิลาน ตั้งใจจะเซ็นกับ บลิสเซ็ตต์ จริง ๆ เพราะตอนนั้นเจ้าตัว คือดาวเด่นของ วัตฟอร์ต หลังยิงไปถึง 27 ประตูจาก 41 นัด คว้าดาวซัลโวของลีก พร้อมพาทีมจบในตำแหน่งรองแชมป์ดิวิชั่น 1
ขณะเดียวกัน เขายังเป็นผู้เล่นที่มีผลงานสม่ำเสมอ ยิงประตูได้อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ดิวิชั่น 4 เรื่อยมาจนถึง ดิวิชั่น 1 แถมในช่วงที่เขาย้ายมาใหม่ๆ สื่ออิตาลี ยังประโคมข่าว และตื่นเต้นกับผลงาน 94 ประตูใน 6 ฤดูกาล ในสีเสื้อของวัตฟอร์ดของเขา
“มีสองเหตุผลที่ทำให้ผมคิดว่ามันไม่จริง” กาเบรียล มาร์ค็อตติ นักข่าวฟุตบอลอิตาลี กล่าวกับ The Guardian
“อย่างแรกคือแม้แต่คนโง่เขลา หรือคนบ้าน ๆ ก็สามารถเห็นได้ชัดว่า บลิสเซ็ตต์ และ บาร์นส์ ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย”
“อย่างที่สองคือ ความจริง ณ เวลานั้น มิลาน กำลังมองหากองหน้าที่ยิงประตูได้ถล่มทลาย และบาร์นส์ ก็ไม่ได้เป็นผู้เล่นประเภทนั้น”
ส่วนเหตุผลว่าทำไม ฟารินา จึงให้สัมภาษณ์เหมือนกับว่าเขาเซ็นผู้เล่นมาผิดคน ไบรอัน โคนิน จาก LA Times ให้ความเห็นว่า อดีตประธานสโมสรมิลาน น่าจะอับอายกับการใช้เงินขนาดนั้น แต่ บลิสเซ็ตต์ กลับทำผลงานได้ต่ำกว่าที่คาดไว้
“ฟารินา เพิ่งจะมารับช่วงต่อในสโมสรระดับตำนานนี้ (ขณะที่มันอยู่ในสภาพย่ำแย่จากเรื่องอื้อฉาวต่าง ๆ ) และตอนที่เขาขายมันให้กับ ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี มันก็ยังอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่จากเรื่องอื้อฉาวของตัวฟารินา เอง (อ้างล้มละลายเพื่อฉ้อโกง)” โคนิน อธิบาย
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เรื่องที่ว่า มิลาน อยากเซ็นสัญญากับ บาร์นส์ แต่ดันคว้ามาผิดคน จึงเป็นแค่ตำนานเมือง ที่ไม่มูลความจริง และ บลิสเซ็ตต์ ก็เป็นนักเตะที่ปีศาจแดงดำ เล็งไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ถ้าพูดถึงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุคเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นอกจากความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่แล้ว การให้โอกาสดาวรุ่งก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำมาตลอด แล้วก็มีดาวรุ่งหลายต่อหลายคนที่ก้าวขึ้นประดับวงการ เอาแค่กลุ่ม Class of '92 นี่ก็ระดับตำนานทุกคน แต่ก็ต้องยอมรับเช่นกันว่าไม่ใช่ดาวรุ่งทุกคนที่ได้โอกาสและประสบความสำเร็จ หนึ่งในนั้นคือ มาร์นิค เวอร์ไมล์ ดาวรุ่งชาวเบลเยี่ยมที่ได้โอกาสครั้งแรก…
“ทุกวันนี้เรารู้สึกว่านักฟุตบอลเป็นแค่ขยะที่เลวร้ายที่สุดในโบลิเวีย” นักเตะคนหนึ่งในลีกโบลิเวียกล่าว อเมริกาใต้เป็นทวีปที่เต็มไปด้วยทีมชาติระดับคุณภาพ ที่ทำให้แม้สมาชิกเพียงแค่ 10 ทีม แต่กลับได้รับโควตาในฟุตบอลโลก 2026 มากถึง 6 ทีมครึ่ง แต่ถึงอย่างนั้น เบื้องหลังความยอดเยี่ยมเหล่านี้ หลายชาติก็เต็มไปด้วยปัญหา หนึ่งในนั้นคือ…
“ชีสรูม” ตำนานที่ไม่เคยมีจริงของท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส ถ้าพูดถึงสนามฟุตบอลในอังกฤษ ความขลัง ความยิ่งใหญ่ อาจจะยังเป็นเรื่องแมนยู ลิเวอร์พูล เชลซี อาร์เซนอล แต่ถ้าพูดถึงความทันสมัยไม่มีทีมไหนดีไปกว่า ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์สสเตเดี้ยม สนามของสเปอร์สนั้นเป็นสนามที่ได้รับการยอมรับมากในปัจจุบันว่าทันสมัย มีทุกอย่างครบมากที่สุดในอังกฤษ…
รีซ เจมส์ แบ็กขวากัปตันทีมเชลซี ได้รับบาดเจ็บที่แฮมสตริงเป็นครั้งที่ 9 ในรอบ 5 ปี หลังจากบาดเจ็บซ้ำที่บริเวณดังกล่าวระหว่างการซ้อมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา จากการยืนยันของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ซึ่งเผยว่าดาวเตะวัย 24 ปีจะพลาดลงสนามในเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่จะบุกเยือน…
ครั้งหนึ่งเขาคือแข้งดาวรุ่ง ที่ถูกเปรียบกับ คริสเตียโน โรนัลโด้ ดาวเตะระดับตำนานของโปรตุเกส อย่างไรก็ดี ตอนนี้ คาอัสโซ ดาราเม นี้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อเขาเปลี่ยนสถานะตัวเอง จากนักเตะพรีเมียร์ลีก มาเป็นอาชญากรค้ายา และเพิ่งถูกจำคุกจากคดีแทงคน เกิดอะไรกับชีวิตของเด็กหนุ่มรายนี้…
ความประทับใจตอนซ้อม : ทำไมแข้งแมนยูพร้อมใจเรียก “อโมริม” ว่ามูรินโญ 2.0? เรียกว่ายิ่งนานวัน รูเบน อโมริม ยิ่งสร้างความตื่นเต้นให้แฟนๆรอติดตาม หลังล่าสุด Sun Sport รายงานว่านักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต่างรู้สึกทึ่งและประทับใจกับการซ้อมของ…