ยิ่งกว่าสวีปเปอร์คีปเปอร์ : เมื่อ “เฟอร์กี้” ส่งโกลอย่าง “บาร์เตซ” ไปเล่นกองหน้า

Maruak Tanniyom

April 03, 2024 · 1 min read

ยิ่งกว่าสวีปเปอร์คีปเปอร์ : เมื่อ “เฟอร์กี้” ส่งโกลอย่าง “บาร์เตซ” ไปเล่นกองหน้า
ฟุตบอล | April 03, 2024
ย้อนความหลังในวันที่หนึ่งในโค้ชที่ดีที่สุดของโลกส่งผู้รักษาประตูไปล่าตาข่าย

ฟาเบียน บาร์เตซ อาจจะเป็นสวีปเปอร์คีปเปอร์ ผู้มาก่อนกาล เขามักชอบออกมาเล่นนอกกรอบเขตโทษ อีกทั้งยังมีทักษะการเล่นบอลด้วยเท้าได้ดี ซึ่งหาได้ยากในยุคของเขา

อย่างไรก็ดี ด้วยความสามารถเหล่านั้น ครั้งหนึ่งก็ทำให้ บาร์เตซ ได้ออกไปเล่นนอกกรอบเขตโทษ ที่ไม่ใช่ผู้รักษาประตู แต่เป็นกองหน้า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?

ย้อนกลับไปในปี 2000 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ตัวผู้รักษาประตูคนใหม่ นามว่า ฟาเบียน บาร์เตซ จากโมนาโก เขาสูงเพียงแค่ 180 เซ็นติเมตร แต่มีสปริงข้อเท้าที่ว่องไว แถมยังมีดีกรีเป็นแชมป์โลก 1998 และแชมป์ยูโร 2000 กับทีมชาติฝรั่งเศส

เขาได้รับการคาดหมายว่าน่าจะเป็นตัวเลือกที่ใช่ สำหรับ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หลังต้องเสีย ปีเตอร์ ชไมเคิล ที่อำลาทีมไปตั้งแต่ปี 1999 และควานหาตัวตายตัวแทนของเขามาหลายปี

อย่างไรก็ดี บาร์เตซ ไม่ได้มาพร้อมกับความสามารถในการป้องกันประตูเท่านั้น แต่เขาสามารถใช้เท้าได้ดี รวมถึงจ่ายบอลที่แม่นยำ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขามั่นใจมาตลอด

“การเรียกผมว่าผู้รักษาประตูคนหนึ่งนั้นไม่พอ เพราะว่าผมชอบมีส่วนร่วมกับเกมให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ผมคือผู้เล่นคนหนึ่ง” บาร์เตซ กล่าว

บาร์เตซ ชอบที่จะออกมาเล่นบอลนอกขอบเขตโทษ หรือเลี้ยงหลบกองหน้าฝ่ายตรงข้าม หากเป็นยุคนี้คงจะไม่ได้แปลกอะไร เพราะนี่คือคุณสมบัติของ “สวีปเปอร์คีปเปอร์” แต่ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน มันเป็นสิ่งที่น้อยคนทำกัน

“ผู้รักษาประตูคนอื่นมักจะเล่นแบบปลอดภัยไว้ก่อน แต่ ฟาเบียน เป็นแบบนั้นน้อยมาก เขาชอบความตื่นเต้นด้วยการเก็บบอลไว้กับตัว” อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กล่าวถึงอดีตลูกทีม

“ผมจำได้ว่าเขาเคยบอกผมว่าเขาดีกว่าผู้เล่นเอาท์ฟิลด์ เขาสามารถลงเล่นในเกมเช้าวันศุกร์ ในสนามเล็ก ก่อนลงเตะเกมวันเสาร์ได้ เขาใช้เท้าได้ดี”

บาร์เตซ มีความมุ่งมั่นที่จะเล่นตำแหน่งอื่นมาตลอด จนกระทั่งในปี 2001 เขาก็ได้โอกาสครั้งสำคัญ เมื่อแมนฯ ยูไนเต็ด มีคิวต้องไปเตะปรีซีซั่นที่ทวีปเอเชีย

เกมแรกปีศาจแดงโชว์ฟอร์มสมราคาแชมป์พรีเมียร์ลีก ด้วยการไล่ถล่มทีมออลสตาร์มาเลเซียไปอย่างขาดลอย 6-0 โดย รุด ฟาน นิสเตลรอย กองหน้าคนใหม่ของทีมยิงคนเดียว 2 ประตู ต่อหน้าแฟนบอล 60,000 คน

นัดต่อมา พวกเขาต้องข้ามมาเตะกับทีมรวมดาราสิงคโปร์ และยังทำได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการออกนำถึง 7-1 หลังผ่านไป 75 นาที

แต่ในช่วง 10 นาทีสุดท้าย เซอร์อเล็กซ์ ก็เรียกเสียงฮือฮาทั้งสนาม เมื่อเขาให้ บาร์เตซ ที่ออกสตาร์ทเป็นตัวสำรองในเกมดังกล่าว สวมเสื้อผู้เล่นหมายเลข 14 ของเดวิด เมย์ ลงไปวาดลวดลาย แทน ฟาน นิสเตลรอย ในตำแหน่งศูนย์หน้า

และแค่สัมผัสแรก เขาก็แสดงให้เห็นทักษะที่เหลือล้น ด้วยการจับบอลอย่างเนียนตา ก่อนจะแตะลอดขากองหลังคู่แข่ง ราวกับเป็นผู้เล่นคนหนึ่ง

อย่างไรก็ดี แม้จะมีเวลาในสนามถึง 10 นาที แต่เขาก็ไม่สามารถทำตามฝัน นั่นคือยิงประตูได้ ที่สุดท้ายกลายเป็น ไรอัน กิกส์ ที่ยิงปิดกล่อง ให้ปีศาจแดง ถล่ม ทีมรวมดาราสิงคโปร์ไปอย่างขาดลอย 8-1

แม้ว่าการเลือกศูนย์หน้าที่เหลืออยู่เพื่อลงเล่นจะเป็นเรื่องยากสำหรับ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่ ฟาร์เบียน บาร์เตซ ไม่น่าจะคิดอย่างนั้น” รายงานจาก The Daily Telegrap

“ในช่วง 10 นาทีสุดท้าย เขาทำให้ผู้คนกว่า 44,000 คนลุกขึ้น เขาประสบความสำเร็จด้วยการพิสูจน์ว่าเขาดีกว่าการใช้มือ”

แต่นั่นอาจจะเป็นข่าวดีสำหรับ เซอร์อเล็กซ์ เมื่อเขายอมรับในภายหลังว่า รู้สึกโชคดีที่ บาร์เตซ ไม่สามารถทประตูได้ในเกมนั้น เพราะไม่อย่างนั้น เขาอาจจะเสียผู้รักษาประตูฝีมือดีไป

“เขากวนผมมานานแล้ว เพื่อให้ผมทำแบบนั้น ผมขอบคุณพระเจ้าที่เขายิงประตูไม่ได้ ไม่งั้นเราคงไม่มีเขากลับไปเป็นโกลอีกเลย” เซอร์เฟอร์กี้กล่าว

“แทบไม่ต้องสงสัยเลย เขามีความสามารถในการเล่นกับบอล มันเป็นแค่ความสนุกนิดหน่อยสำหรับ ฟาเบียน ที่ให้เขาเล่นในเกมนั้น เพราะเขาเคยได้ออกมาเล่นข้างนอก (กรอบเขตโทษ) แล้ว”

ก่อนที่การลงเล่นในฐานะผู้เล่นเอาฟิลด์ในสีเสื้อ แมนฯ ยูไนเต็ดครั้งนั้น จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของ บาร์เตซ

เขาย้ายกลับฝรั่งเศสในปี 2004 หลังเป็นผู้เล่นที่คาดเดาไม่ได้มากเกินไป และพร้อมจะเล่นเสี่ยงตลอดเวลา ซึ่งขัดกับปรัชญาของ แมนฯ ยูไนเต็ด และเทรนด์ลูกหนัง ในตอนนั้น

อันที่จริง ถ้าหาก บาร์เตซ เกิดช้าหน่อย เขาอาจจะกลายเป็นผู้รักษาประตูที่หลายทีมจ้องตะครุบ ด้วยคุณสมบัติการเล่นบอลด้วยเท้าที่โดดเด่น และบางทีเขาอาจจะสร้างชื่อในฐานะ “สวีปเปอร์คีปเปอร์” ระดับโลกก็เป็นได้