"เฟือง ลี" สาวแฟชั่นนิสต้าเวียดนาม ที่มองว่า 'ผู้หญิงสวยยุคนี้คือคนที่มีกล้ามและหุ่นเฟิร์ม'

Rittichai Sermsuteeanuwat

March 28, 2024 · 1 min read

กีฬาอื่น ๆ | March 28, 2024
"เฟือง ลี" สาวแฟชั่นนิสต้าเวียดนาม ที่มองว่า 'ผู้หญิงสวยยุคนี้คือคนที่มีกล้ามและหุ่นเฟิร์ม'

มาทำความรู้จักกับ เฟือง ลี หรือ (ลิสเกลี เหงียน) สไตลิสต์และแฟชั่นนิสต้า ที่ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ เพราะมองว่ายุคนี้ผู้หญิงจะสวยได้ต้องมีกล้ามเนื้อและหุ่นที่เฟิร์ม ไม่ใช่ผอมเพรียวเหมือนยุคก่อนๆ 

“กล้ามเนื้อ เป็นคำที่ค่อนข้างคุ้นเคย และความเชื่อเดิมๆ ก็คือ คำนี้จะใช้แค่กับผู้ชาย ส่วนผู้หญิงที่มีกล้ามเนื้อมักถูกล้อว่าเป็นเรื่องตลก แต่ปัจจุบัน การมีกล้ามเนื้อคือความงามของหญิงสาวที่มีบุคลิกที่ดี”

“โดยส่วนตัวแล้วฉันชอบที่จะเห็นผู้หญิงที่มีหุ่นฟิตและเฟิร์ม เมื่อมองไปที่รูปร่างนั้นฉันจะมองเห็นความพยายามและความทุ่มเทอย่างหนักซึ่งเป็นตัวสร้างแรงบันดาลใจที่ดี และสมควรได้รับความเคารพ”

“บางทีนั่นอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกี่ยวกับแนวคิดเก่าๆ และแนวคิดสมัยใหม่เกี่ยวกับความงามของหญิงสาว”

“หากเป็นเมื่อก่อนเรื่องของผู้หญิงคือต้องหุ่นเพรียวและผอม นั่นจะถือว่าสวย แต่ปัจจุบันมันต่างออกไป ฉันคิดว่าตั้งแต่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด 19 เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดแคมเปญ ‘การปฏิวัติในการต่อสู้เพื่อสุขภาพ’ “

“ทุกคนต่างออกกำลังกายเพื่อเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง การออกกำลังกาย, เพื่อสมรรถภาพทางกายภาพ การบิวต์ และการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ มันกลายเป็นสิ่งที่คุ้นเคยมากขึ้นตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ พวกเขาดาราระดับโลกที่ฉันรู้จักไม่ว่าจะเป็น ควีน บี (บียอนเซ่) โจ, มาดอนน่า, นาตาลี พอร์ทแมน, สการ์เลตต์ โยฮันส์สัน พวกเธอต่างก็ปรากฏตัวในภาพยนตร์ด้วยความแข็งแกร่ง มีล่ำสัน และยังคงร้อนแรงแถมยังเซ็กซี่อีกต่างหาก”

“พวกเขาเหล่านั้นค่อยๆ เปลี่ยนแนวคิดของผู้หญิงในเรื่องความงาม ผู้หญิงสวยคือผู้หญิงที่มีสุขภาพที่ดีและมั่นใจ”

“ฟิตเนส ไมใช่แค่การฝึกทางกาย แต่ยังต้องฝึกทางจิตใจด้วย ฉันมีประสบการณ์ในการต่อยมวยมาครึ่งปี ฉันคิดว่าการมีร่างกายที่แข็งแรงมันก็โอเคนะ ฉันได้ซ้อมกับโค้ชจนค้นพบอย่างหนึ่ง นั่นคือวินัยและการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ”

“ฉันเปลี่ยนนิสัยแย่ๆ ของตัวเองไปเยอะมาก (นอนดึก กินโดยไม่นับแคลอรี่ กินของทอด ชานม พวกของว่าง นอนน้อย ดื่มน้ำน้อย รู้สึกเครียดและหงุดหงิดง่าย) ก่อนจะดูดีขึ้น (มีวินัย ตรงต่อเวลา นอนเร็ว ตื่นเช้า ทานอาหารเพื่อสุขภาพด้วยสูตรผัก 2 ส่วน เนื้อสัตว์ 1 ส่วน ดื่มน้ำเยอะๆ ลดอาการหงุดหงิด เป็นต้น…)”

“ความสมดุลระหว่างการฝึกกล้ามเนื้อและโภชนาการเป็นสิ่งสำคัญที่สุด นอกจากการมุ่งเน้นไปที่การออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้ออย่างเหมาะสมแล้ว การรับประทานอาหารยังส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในร่างกายถึง 60%-70% คุณควรเรียนรู้เกี่ยวกับร่างกายของตัวคุณเองและสร้างรากฐานความรู้เกี่ยวกับโภชนาการที่เหมาะสมเช่นเดียวกับวิธีการออกกำลังกาย”

“หากคุณอยากลดน้ำหนัก คุณควรคำนวณปริมาณแคลอรี่ที่คุณได้รับในแต่ละวัน เพื่อให้น้อยกว่าปริมาณแคลอรี่ที่คุณจะบริโภคและเผาผลาญในหนึ่งวัน นอกจากนี้ฉันยังได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดทั่วไป 4 ข้อด้วย ฉันเองก็เป็นคนได้รับมันเช่นกัน”

“ความผิดพลาดประการแรกคือการไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการออกกำลังกาย ดังนั้นผู้คนส่วนใหญ่จะตกอยู่ในภาวะสับสนและยอมแพ้ได้ง่ายในเวลาอันสั้น ร่างกายก็เหมือนบ้านนั่นแหละ คุณต้องลองใช้แผนเฉพาะทางเพื่อสร้างมันขึ้นมา ควรมีรายละเอียดชัดเจนและอยู่ภายในระยะเวลาที่กำหนด”

“ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยอันดับสองคือการขาดความรู้เกี่ยวกับแผนการออกกำลังกาย คุณอาจเลือกการออกกำลังกายที่ไม่ถูกต้องรวมถึงเครื่องมือที่ไม่ถูกต้องสำหรับกล้ามเนื้อของคุณ ผู้ที่เพิ่งเริ่มไม่สามารถฝึกขั้นฝึกหัดของผู้มีประสบการณ์ได้ นอกจากนี้ หลายคนยังสับสนระหว่างสมรรถภาพทางกายและการเพาะกาย

“ข้อผิดพลาดประการที่สาม ไม่รวมการออกกำลังกายกับการรับประทานอาหารที่เหมาะสม เช่น หากคุณออกกำลังกายมากเกินไปแต่ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ กลุ่มกล้ามเนื้อของคุณจะไม่พัฒนา”

“ข้อผิดพลาดประการที่สี่ คือ ขาดความพยายามและมีระเบียบวินัย ไม่มุ่งมั่นกับตัวเอง หลายๆ คนไปออกกำลังกายและคิดถึงแต่ผลลัพธ์ (หุ่นต้องสวย หน้าท้องต้องมี) แต่ลืมไปว่าการออกกำลังกายเป็นกระบวนการระยะยาว! ร่างกายของคุณจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงมากนักหรอกหากคุณฝึกแค่ 1 วันหรือ 2 วัน”

“คุณจะต้องอดทนและดำเนินมันต่อไป คุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนใน 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี การเอาชนะอุปสรรคส่วนตัวถือเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุด ไม่มีอคติใดสามารถเอาชนะคุณได้ยกเว้นตัวคุณเอง และมันก็มีอยู่หลายครั้งที่ฉันอยากจะยอมแพ้เช่นกัน”