ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน : ปรากฏการณ์แข้งไทยสะเทือนลีกเกาหลีใต้

Maruak Tanniyom

March 19, 2024 · 2 min read

ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน : ปรากฏการณ์แข้งไทยสะเทือนลีกเกาหลีใต้
ฟุตบอล | March 19, 2024
พบกับเรื่องราวดาวยิงจากชาติที่ไม่เคยไปฟุตบอลโลกอย่างไทย ที่ไปสร้างความสั่นสะเทือนถึงแดนโสม

เหลืออีกแค่ไม่กี่วัน ทีมชาติไทย ก็เตรียมลงฟาดแข้งทีมชาติเกาหลีใต้ ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ที่มีตั๋วในการผ่านเข้าสู่รอบ 12 ทีมสุดท้ายเป็นเดิมพัน

ทั้งนี้ แม้ว่าปัจจุบัน ไทยกับเกาหลีใต้ จะมีคุณภาพโดยรวม และอันดับโลกที่ห่างกันอยู่พอสมควร แต่ในยุคหนึ่งชาวโสมขาว ก็เคยมาดึงตัวนักเตะชาวไทย ไปค้าแข้งในเคลีกของพวกเขามาก่อน

และหนึ่งในนักเตะที่ชาวเกาหลีจำได้ไม่ลืมก็คือ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ที่เข้ามาสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งลีกอย่างคาดไม่ถึง และนี่คือเรื่องราวในวันนั้น

อันที่จริง ปิยะพงษ์ ถือเป็นผู้เล่นที่ฉายแววมาตั้งแต่วัยรุ่น หลังขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ของสโมสรทหารอากาศตั้งแต่อายุ 18 ปี แถมยังยิงประตูอย่างถล่มทลายจนพาทีมคว้าแชมป์ถ้วย ก ในปี 1977 

ผลงานที่เป็นที่ประจักษ์ ทำให้เขาก็ถูกเรียกตัวติดทีมชาติไทย ก่อนจะสร้างปรากฏการณ์ไปทั่วเอเชีย ด้วยการระเบิดแฮตทริค ในญี่ปุ่น ในฟุตบอลโอลิมปิก รอบคัดเลือกในปี 1984 

“ก่อนมีเจลีก ในโอลิมปิกรอบคัดเลือก ‘84 ที่ลอสแองเจลิส ไทยเอาชนะญี่ปุ่นไปอย่างขาดลอย 5-2 ชื่อของ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ดาวยิงตัวเก่งที่ทำแฮตทริคได้ ยังคงถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลญี่ปุ่น” ทัตสึโนริ ฮอนดะ นักข่าวของ Soccerking กล่าวในบทความ ‘จากผู้นำอาเซียนสู่มหาอำนาจเอเชีย’

ผลงานดังกล่าวได้กลายเป็นใบเบิกทางในการไปเล่นในต่างประเทศ บวกกับการผลักดันของ อาจารย์ประวิทย์ ไชยสาม โค้ชทีมชาติไทยในตอนนั้น ที่เห็นว่า ปิยะพงษ์ เริ่มเถลไถล จึงได้ปรึกษากับ พัค ยองแบ เพื่อนนักข่าวชาวเกาหลี และทำให้ ลัคกี้ โกลด์สตาร์ (เอฟซี โซล) คว้าตัวเขามาร่วมทีมในที่สุด   

“ด้วยการที่สโมสรเกาหลีใต้ไม่ได้ให้ความสนใจผมอยู่แล้ว อาจารย์ประวิทย์จึงร่วมมือ อาจารย์ ปาร์ค ยอง แบ เพื่อผลักดันผมไปเล่นที่เกาหลีใต้ให้ได้ ปาร์ค ยอง แบ จึงเดินทางกลับเกาหลีใต้ เพื่อไปคุยกับลักกี้ โกลด์ สตาร์ โดยถามว่านักบอลไทยที่ยิงชนะเกาหลีใต้ คุณจะเอามาใช้งานหรือไม่ ถ้าไม่เอาสโมสร ยู กอง จะซื้อตัวปิยะพงษ์ไปร่วมทีม” ปิยะพงษ์ย้อนความหลังในช่อง แตงโมลง ปิยะพงษ์ยิง

“ซึ่งความจริงทางสโมสรยู กอง ไม่รู้เรื่องนี้เลย พออีกวันไปคุยกับยู กอง ว่าจะซื้อปิยะพงษ์ หรือไม่ ถ้าไม่ซื้อลักกี้ โกลด์ สตาร์ จะซื้อตัดหน้า ดังนั้นเรื่องเฟคนิวส์จึงมีมาตั้งแต่เมื่อ 40 ปีที่แล้ว” 

ในปี 1984 ปิยะพงษ์ เซ็นสัญญากับ โกลด์สตาร์ อย่างเป็นทางการ หลังทดสอบฝีเท้าผ่าน ซึ่งมันเป็นช่วงที่เกาหลี กำลังเร่งพัฒนาประเทศ จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 5 ที่ประกาศใช้เมื่อปี 1982 

นอกจากนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าว เกาหลีใต้ เพิ่งจะได้สิทธิ์เป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาระดับทวีป และระดับโลก นั่นคือเอเชียนเกมส์ 1986 และ โอลิมปิก 1988 ที่พวกเขาตั้งมั่นจะเป็นเวทีประกาศความสำเร็จของชาวเกาหลี 

ผลพวงดังกล่าวก็ได้ตกมาถึง ปิยะพงษ์ และทำให้เขารับทรัพย์อย่างอู้ฟู่ แบ่งเป็นค่าเซ็นสัญญาที่สูงถึง 25,000 ดอลลาร์ (ราว 8 แสนบาท) และรายได้ต่อปีที่มากถึง 30,000 ดอลลาร์ (ราว 1 ล้านบาท) หรือราว 83,000 บาทต่อเดือน (ในยุคที่ทองบาทละ 4,233 บาท) พร้อมอพาร์ทเมนต์ขนาด 105 ตารางเมตร และรถยนต์ส่วนตัว 

อย่างไรก็ดี ช่วงแรก ปิยะพงษ์ ต้องเผชิญกับความยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นการฝึกหนัก ที่ทำให้เขาแทบคลาน ไปจนถึงระเบียบวินัยที่เป๊ะขั้นสุด ต่างจากสมัยอยู่ไทยลิบลับ 

“สมัยก่อนโน้นบ้านเมืองที่เกาหลีใต้ ยังไม่ได้ศิวิไลซ์เท่ากับสมัยนี้…แต่สิ่งที่ผมเจอ คือ ระเบียบวินัยของคนเกาหลีใต้ ที่เป๊ะจัด เรื่องการตรงต่อเวลานั้นสุดๆ และมีความหมายสำหรับพวกเขาจริงๆ” ปิยะพงษ์กล่าวกับ FourFourTwo Thailand

“ทัศนคติ, การซ้อม, ระเบียบวินัย คือ สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ว่าเกาหลีนี่แตกต่างจากไทยจริงๆ โอเคล่ะ! เรื่องความสามารถเฉพาะตัวเราก็ต้องพูดกันตามตรงว่าเรานั้นเหนือกว่า แต่การเล่นเป็นทีม ระเบียบวินัย เป็นสิ่งที่เราสู้ไม่ได้ในยุคนั้น”

นอกจากนี้ เขายังเผชิญกับการเลือกปฏิบัติ ในระดับที่ไม่มีใครส่งบอลให้ตอนลงสนาม ทว่า เขาก็ไม่ยอมแพ้ พยายามอย่างเต็มที่ จนสามารถประเดิมสกอร์ได้ตั้งแต่นัดแรกที่ลงสนาม ด้วยการตวัดบอลที่เกือบจะถึงเส้นหลัง เข้าประตูไปอย่างงดงาม ช่วยให้ทีมไล่ตีเสมอ ปอสโก้ ดอลฟินส์ (โปฮัง สตีลเลอร์ส ในปัจจุบัน) ได้สำเร็จ 

และนั่นก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ ปิยะพงษ์ ทำประตูได้อย่างต่อเนื่อง หลังบวกสกอร์ให้ทีมได้ถึง 3 ประตูจาก 3 เกม หลังจากนั้น จนทำให้ชื่อของเขากลายเป็นสกู๊ปใหญ่บนหนังสือพิมพ์ของเกาหลีใต้ 

“ปิยะพงษ์ ที่สูง 178 เซนติเมตร หนัก 64 กิโลกรัม และรูปร่างที่เพรียวลม ถูกส่งลงมาในฐานะตัวสำรองในช่วงครึ่งหลังในเกมพบกับ ปอสโก เมื่อวันที่ 8 เขายิงประตูตีเสมอได้อย่างน่าทึ่ง และกลายเป็นเวทีเปิดตัวของเขา ก่อนจะยิงได้อีกประตูในเกมพบกับ ฮานึลแบงค์ ในวันที่ 16” หนังสือพิมพ์ คยุงฮยาง ระบุ

ก่อนที่ในฤดูกาลต่อมา ปิยะพงษ์ จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นที่ขาดไม่ได้ของ ลักกี้ โกลด์สตาร์ พร้อมระเบิดฟอร์มด้วยการยิงไปถึง 12 ประตู กับอีก 6 แอสซิสต์ จาก 21 นัด คว้าดาวซัลโวร่วมของลีก และพา ลัคกี้ โกลด์สตาร์ ที่จบจากอันดับ 7 จาก 8 ทีมเมื่อซีซั่นก่อน ผงาดคว้าแชมป์ได้อย่างเหลือเชื่อ 

“สิ่งที่เยี่ยมที่สุดคือเพื่อนที่ดี อาหารที่ดี การต้อนรับที่ดี และความเป็นจริงว่าทุกคนรักกีฬา” ปิยะพงษ์ ย้อนความหลังกับ  Korea Herald 

“มันเป็นช่วงเวลาที่ผมไม่มีวันลืม โดยเฉพาะในเรื่องของฟุตบอล ก่อนผมมา ลักกี้ โกลด์สตาร์ ทำผลงานได้ไม่ดี แต่หลังจากผมมาเราก็คว้าแชมป์” 

ผลงานดังกล่าว ยังทำให้เขาก้าวขึ้นไปติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของเคลีก กลายเป็นชาวต่างชาติคนแรกในประวัติศาสตร์ และคนเดียว ท่ามกลางนักเตะชาวเกาหลี ในปีดังกล่าว

“ในช่วงทศวรรษที่ 1980s สิ่งที่สำคัญที่สุดของเกาหลีคือความอึด คนเกาหลีมีแค่ความอึด พลังและความสามารถในการวิ่ง เปรียบเทียบกับฟุตบอลของไทย มันเป็นเรื่องของร่างกายที่เยอะกว่ามาก” ปิยะพงษ์ กล่าวถึงช่วงเวลาในตอนนั้น 

แม้ว่าสุดท้าย ปิยะพงษ์ จะอยู่ค้าแข้งกับ ลัคกี้ โกลด์สตาร์ ต่ออีกแค่ฤดูกาลเดียว แต่สิ่งที่เขาทิ้งไว้ ก็ทำให้คนที่นั่นไม่มีวันลืม แถมยังได้รับเชิดชูให้เป็นหนึ่งในนักเตะต่างชาติที่ดีที่สุดตลอดกาลของเคลีก หลังเข้าป้ายมาเป็นอันดับ 4 ในการโหวตเมื่อปี 2007

“ปิยะพงษ์ คือตำนานที่ถูกเลือกให้ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปี หลังคว้าทั้งดาวซัลโว และท็อปแอสซิสต์ในฤดูกาล 1985” เว็บไซต์ spochoo.com อธิบาย

“ปิยะพงษ์ ที่ยิงไป 17 ประตูจาก 34 เกมในเคลีก ได้รับการพิจารณาว่าเป็นนักเตะต่างชาติที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์เคลีก”

และทำให้สถานะตำนานของ “ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน” ยังอยู่ที่นั่นตลอดไป