ย้อนรอยเหตุการณ์ "กัดบรรลือโลก" หลุยส์ ซัวเรซ เป็นทั้ง ฮีโร่ และ ผู้ร้าย ที่ ลิเวอร์พูล ชวดแชมป์ ปี 2014

การชก, ตีศอก หรือแม้กระทั่งการเล่นลูกใต้เข็มขัด เป็นสิ่งที่เราเห็นกันบ่อยบนพาดหัวข่าวกีฬาฟุตบอลตลอดช่วงที่ผ่านมา แต่เมื่อ 11 ปีที่แล้ววีรกรรมการกัดคู่แข่งของ หลุยส์ ซัวเรซ เหมือนจะเป็นครั้งแรกๆ ที่เกิดขึ้นในโลกของฟุตบอลอังกฤษ

ไม่มีใครไม่เคยได้ยิน “เหตุการณ์กัดอันลือลั่น” ของ หลุยส์ ซัวเรซ ที่ไปงับ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช เมื่อช่วง เมษายน ปี 2013 ที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ เชลซี 2-2

ถึงแม้ หลุยส์ ซัวเรซ จะเป็นฮีโร่ที่ซัดประตูตีเสมอในนาที 90+7 ให้ ลิเวอร์พูล ไม่พบกับความพ่ายแพ้ แต่เรื่องราวและของเขาที่ไปกัดคู่แข่งก็ดังกระฉ่อนไปทั่วโลกในชั่วข้ามคืน

ล่าสุด เจมี่ คาร์ราเกอร์ ได้ออกมาเล่าถึงเหตุการณ์วันนั้นให้ฟังถึงสิ่งที่ หลุยส์ ซัวเรซ ได้บอกกับเพื่อนร่วมทีมในห้องแต่งตัว

“ตอนเขาเข้ามาในห้องแต่งตัว ผมคิดว่าเขาจะเริ่มพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ หลุยส์ ซัวเรซ ปฏิเสธมันในตอนแรก มันอาจจะเป็นเพราะเขาอาจจะคิดว่ากล้องจับภาพไว้ไม่ได้”

มีรายงานว่า หลุยส์ ซัวเรซ ได้โทรศัพท์ไปหา บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ในวันต่อมาเพื่อขอโทษจากสิ่งที่เกิดขึ้น แต่กองหลังชาวเซิร์บก็ไม่ติดใจเอาเรื่อง แต่ก็ไม่ได้ให้อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงแม้ต่อมา ซัวเรซ จะโพสต์สารพภาพผิดก็ตาม

หลุยส์ ซัวเรซ โดนสั่งลงโทษแบน 10 นัด และ เจมี่ คาร์ราเกอร์ เชื่อว่า บทลงโทษที่เพื่อนร่วมทีมได้รับส่งผลให้ ลิเวอร์พูล พลาดแชมป์ พรีเมียร์ลีก

“เขาพลาดลงสนาม 4-5 เกมของฤดูกาลถัดไป นั่นคือฤดูกาลที่ ลิเวอร์พูล เกือบคว้าแชมป์ หลุยส์ ซัวเรซ คือผู้เล่นที่ดีที่สุดในลีก แต่ช่วงต้นซีซั่นมันป็นอยู่ 2 เกมที่ ลิเวอร์พูล ทำแต้มหล่น ผมจำได้ว่าน่าจะเป็นเกมกับ เซาธ์แฮมป์ตัน ที่แพ้ 0-1 รวมไปถึงเกมที่บุกไปเสมอกับ สวอนซี ซิตี้ มันจึงเป็นการทำแต้มหล่น 5 คะแนนจากการลงไม่กี่นัดที่ ซัวเรซ ไม่ได้ลงเล่น” 

ฤดูกาล 2013-14 ลิเวอร์พูล อกหักจากการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก เพราะจบด้วยการเป็นรองแชมป์ แข่ง 38 นัด มี 84 คะแนน ตามหลังแชมป์อย่าง แมนฯ ซิตี้ แค่ 2 คะแนน นั่นจึงทำให้ เจมี่ คาร์ราเกอร์ มองว่า ถ้า ซัวเรซ ไม่ติดโทษแบนในช่วงต้นซีซั่น “หงส์แดง” คงไม่ทำแต้มหล่นในเกมกับ เซาธ์แฮมป์ตัน และ สวอนซี ซิตี้ เพราะนี่คือนักเตะที่ดีที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ณ ตอนนั้น และเป็นดาวซัลโวที่ 31 ประตู