วันเปลี่ยนชีวิตของ ฟิล โฟเดน ฮีโร่แมนฯ ซิตี้ ดับฝันแมนฯ ยูฯ

“เมื่อผมนึกย้อนกลับไปถึงความทรงจำแรกๆ ในการเล่นฟุตบอล มันคือการเล่นในสวนสาธารณะแถวบ้าน และลานจอดรถใน สต็อคพอร์ท นั่นคือ 2 สถานที่ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นเส้นทางฟุตบอลของผม”

“ผมออกจากบ้านไปเล่นฟุตบอลที่ลานจอดรถ 2-3 ชั่วโมง และจากนั้นก็ไปแบ่งทีม 5 คนเล่นกับเพื่อนที่สวนสาธารณะ พอโตขึ้นผมก็เริ่มชินกับการเล่นบนพื้นคอนกรีตและสนุกไปกับการเล่นฟุตบอล”

“เมื่อผมไปที่ บริดจ์ ฮอลล์ โรงเรียนชั้นประถมของผม ก็มีโค้ชจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เข้ามาในโรงเรียนและจากนั้นก็รับตัวผมไป เขาบอกกับผมว่า ‘หลายๆ สิ่งเกิดขึ้นด้วยเหตุผล’ และผมเชื่อแบบนั้นนะเพราะผมไม่ได้ซ้อมวันนั้นเลยด้วยซ้ำ “

“พวกเขากำลังซ้อมทีมรุ่นอายุไม่เกิน 6 ขวบ และผมคิดว่าตอนนั้นผมน่าจะแค่ราวๆ 4 ขวบ พวกเขาก็ถามทางโรงเรียนว่าพอมีใครเล่นได้อีกไหม คุณครูพละของผมก็บอกว่า ‘มีสิ เรามีเด็กน้อยที่แสนดีคนนี้’ พวกเขาจึงพาผมไปซ้อมแบบตัวต่อตัว”

“จากนั้นพวกเขาก็ให้บัตรเชิญกับผมเพื่อเอาไปให้พ่อกับแม่ และผมก็อยู่กับ แมนฯ ซิตี้ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตอนนั้นผมเพิ่ง 4 ขวบ ผมต้องรออีกสักหน่อยกว่าจะได้เซ็นสัญญา แต่ตอนนั้น แมนฯ ซิตี้ บอกว่าเขาต้องการให้ผมมาทดสอบฝีเท้า”

เจ้าหนู ฟิล โฟเด้น จากเด็กที่เริ่มต้นเล่นฟุตบอลในสวนสาธารณะกับลานจอดรถ ไปๆ มาๆ จับพลัดจับผลูได้กลายมาเป็นเด็กในอคาเดมี่ของทีมในฝันอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยพรสวรรค์และแววที่เฉิดฉาย

ตัดภาพกลับมาที่วันนี้เขาคือฮีโร่ที่พาทีมรัก “เรือใบสีฟ้า” พลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะคู่ปรับร่วมเมือง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-1 พร้อมกับพาทีมอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ต่อไป

การทำ 2 ประตูในวันนี้ทำให้ ฟิล โฟเด้น กลายเป็นผู้เล่นชุดปัจจุบันของ แมนฯ ซิตี้ ที่ทำประตูในศึก แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ได้มากที่สุดที่ 6 ประตู

และตอนนี้ก็ได้แซงหน้าตำนานอย่าง ดาบิด ซิลบา ขึ้นไปติดชาร์ต Top 10 ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสรที่ 78 ประตูในวัยเพียงแค่ 23 ปีเท่านั้น 

และนี่ก็เป็นฤดูกาลที่เฉิดฉายที่สุดของเด็กคนนี้จากการมีส่วนร่วมถึง 28 ประตู (ยิง 18 แอสซิสต์ 10 ครั้ง และอาจจะเพิ่มได้อีก) จนใครหลายๆ คนก็มองว่าเขามีคุณสมบัติมากพอที่จะลุ้นรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ พรีเมียร์ลีก ได้เลย