ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ผมไม่ใช่ฮีโร่ที่พา เชลซี คว้า UCL ปี 2012 แต่เป็น ฆวน มาต้า ต่างหาก

หนึ่งในความทรงจำที่ดีที่สุดบนหน้าประวัติศาสตร์สโมสร เชลซี แน่นอนว่าหลายคนคงนึกปี 2012 ที่ มิวนิค ค่ำคืนแห่งปาฏิหาริย์ซึ่งไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าพลพรรค “สิงโตน้ำเงินคราม” จะเอาชนะโคตรทีมที่แข็งแกร่งและสมบูรณ์แบบที่สุด ณ เวลานั้นอย่าง บาเยิร์น มิวนิค ได้

ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา คนที่เป็นฮีโร่ในวันนั้นทั้งลูกโหม่งตีเสมอ 1-1 ในนาที 88 และคนที่ซัดจุดโทษคนสุดท้ายก่อนส่งความสุขให้กับครอบครัว เชลซี ทุกคนบนโลกได้เห็นภาพเถลิงบัลลังก์แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรกอย่างยิ่งใหญ่

แต่เบื้องหลังสำคัญและความดีความชอบทั้งหมด คนที่ควรได้ชื่อว่าเป็นฮีโร่ของจริง สำหรับ ดร็อกบา แล้วคือ ฆวน มาต้า ไม่ใช่ตัวเขา . . . ซึ่งเขาเคยเปิดใจถึงเรื่องนี้เอาไว้เมื่อปี 2020

“เมื่อ 8 ปีที่แล้วโค้ชของเรา อังเดร วิลลาส โบอาส โดนสั่งปลดออกจากตำแหน่ง พวกเราในกลุ่มนักเตะได้มีการประชุมทีมกัน เพราะรู้ว่าเรามีส่วนรับผิดชอบกับการที่เขาต้องจากไป กัปตันทีม จอห์น เทอร์รี่ เป็นคนพูด รวมถึง แฟร้งค์ แลมพาร์ด, ปีเตอร์ เช็ก และผู้นำคนอื่นๆ ในทีมด้วย”

“เราตัดสินใจที่จะทุ่มเทกับรายการนี้อย่างเต็มที่ แม้ว่าจะแพ้ นาโปลี มา 3-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดแรก เราตามล่าแชมป์ถ้วยนี้มา 8 ปีแล้ว และทำได้ดีที่สุดคือแค่รองแชมป์ ทุกคนตกลงที่จะวางอีโก้และอัตตะของตัวเองลง และต่อสู้เพื่อเป้าหมายเดียวกัน

“หลังการประชุมในคราวนั้นผมขอความช่วยเหลือจาก ฆวน มาต้า ในวัย 23 ปีว่า ‘ได้โปรดเถอะ ช่วยให้เราได้คว้า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทีเถอะ”

“เขามองกลับมาหาผมด้วยสายตาแบบว่า ‘นายบ้าไปแล้ว นายคือ ดิดิเยร์ ดร็อกบา นายต่างหากที่ต้องช่วยให้ผมคว้าแชมป์’ “

“ผมตอบกลับไปว่า ‘ผมอยู่ เชลซี มา 8 ปี และไม่เคยได้แชมป์นี้เลย ดังนั้นผมเชื่อว่านายคือคนที่จะช่วยให้เราได้แชมป์ ฉันจะให้ของขวัญนาย ถ้าเราได้แชมป์”

” 3 เดือนต่อมา เราอยู่ที่ มิวนิค ในรอบชิงชนะเลิศ ในสนามของพวกเขา อยู่ท่ามกลางคลื่นสีแดง เจ้าบ้านเป็นฝ่ายออกนำ 1-0 ในช่วงที่เหลืออีก 8 นาที ตอนนั้นผมท้อแท้มาก แต่เจ้าหนูที่ชื่อ ฆวน มาต้า เดินมาบอกกับผมว่า ‘นายต้องเชื่อต่อไป ดิดิเย่ร์ คุณต้องเชื่อมั่นต่อไป’ “

“ผมตอบกลับไปแบบทั้งน้ำตาว่า ‘เชื่อในอะไรล่ะ ? มันจบแล้ว ผมกำลังจะร้องไห้เหมือนเมื่อไม่กี่เดือนก่อนตอนที่ผมแพ้ในรอบชิงฯ แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ กับ ไอวอรี่โคสต์

“จากนั้นพอนาทีท้ายๆ เราได้ลูกเตะมุม นาทีสุดท้าย กับ ลูกเตะมุมครั้งสุดท้าย ฆวน มาต้า เป็นตัวรับผิดชอบเล่นลูกนั้น จากนั้นส่วนที่เหลือของมันคือประวัติศาสตร์ ! บทเรียนครั้งนี้สอนให้รู้ว่า คุณต้องมีความเชื่อเสมอ”