ความหิวเป็นเหตุ? สุนัขจรจัดวิ่งเทรลสุดโหดถึงเส้นชัย เพราะเดินตามของกิน
วิ่งเทรล ถือเป็นกิจกรรมสุดโหดที่ท้าทายความสามารถของผู้เข้าร่วม ทว่าครั้งหนึ่งกลับมีสุนัขจรจัดที่สามารถจบการแข่งขัน เพียงเพราะตามคนให้อาหาร
ย้อนกลับไปในปี 2014 พีค เพอร์ฟอร์แมนซ์ ทีมวิ่งเทรลจากสวีเดน ได้มีโอกาสเข้าร่วมในรายการ Adventure Racing World Championship ที่เอกวาดอร์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการแข่งขันสุดโหดของโลก ด้วยระยะทางรวม 700 เมตรที่ผ่านทั้งป่าฝนอเมซอน ไปจนถึงชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก
นอกจากนี้ พวกเขายังต้องเผชิญกับความสูงระดับ 4,500 เมตร ของเทือกเขาแอนดีส รวมไปถึงสภาพอากาศที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วถึง 13 โซนของเอกวาดอร์
อันที่จริง มันควรเป็นการแข่งขันแบบปกติอย่างที่เคยเป็นมา แต่ในวันที่ 4 ของการแข่งขัน ในกิจกรรมรองสุดท้าย ที่ต้องเปลี่ยนจากการปั่นจักรยานเป็นการเดินป่า มิคาเอล ลินด์นอร์ด หนึ่งในสมาชิกของทีม ก็ไปสะดุดตากับสุนัขจรจัดตัวหนึ่งระหว่างรอพัก
มันมีสภาพที่ค่อนข้างย่ำแย่ ทั้งตัวที่เต็มไปด้วยโคลน อีกทั้งยังมีบาดแผลขนาดใหญ่ที่กลางหลัง และขนที่เกรอะกรังไปด้วยเลือด ด้วยความสงสาร เขาจึงแบ่งลูกชิ้นที่เป็นเสบียงติดตัวให้มันกิน
“ตอนผมกำลังเปิดกล่องอาหาร ตาผมก็เหลือบไปเห็นสุนัขท่าทางสกปรกตัวหนึ่ง” ลินด์นอร์ด กล่าวกับ Aftonbladet สื่อของสวีเดน
“ผมคิดว่ามันกำลังหิวก็เลยเอาลูกชิ้นให้มัน หลังจากนั้นก็คิดว่าจะไม่ให้แล้ว”
หลังจากนั้นพอเริ่มเดินต่อ เขาก็สังเกตุว่าสุนัขตัวนั้นเดินตามพวกเขามา แน่นอนว่าการเอามันไปด้วยย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเส้นทางข้างหน้าล้วนโหดหิน ทั้งโคลนที่ลึกถึงหัวเข่า ไปจนถึงการต้องพายเรือคายัคเป็นระยะทางเกือบ 60 กิโลเมตร
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามไม่สนใจมันแค่ไหน แต่สุนัขตัวนี้ก็ยังคงเดินตามทีมมาตลอดทาง จนในที่สุดพวกเขาก็ยอมให้มันร่วมทางไปด้วย และตั้งชื่อให้มันว่า “อาเธอร์” ตามชื่อของกษัตริย์อาเธอร์ของอังกฤษ
“อาเธอร์เดิมพันชีวิตของมันไว้กับเรา มันเดิมพันทุกสิ่งทุกอย่างด้วยการไปกับเราในป่า ดังนั้นผมจึงเดิมพันกับมันเหมือนกัน และผมก็โชคดีมากเพราะมันเป็นหมาที่น่ารักที่สุดในโลก” ลินด์นอร์ด กล่าวกับ Daily Mail
อาเธอร์ กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมมาจนถึงด่านสุดท้าย อันที่จริงในตอนแรก พวกเขาตั้งใจที่จะบอกลามันที่นี่ เนื่องจากต้องพายเรือคายัคเป็นระยะทางถึง 54.7 กิโลเมตร แต่สุดท้ายก็ต้องใจอ่อนเอาขึ้นเรือไปด้วย เพราะมันกระโดดน้ำตามมา
“เมื่อเราออกตัวผมมองไปที่มันแล้วเริ่มพาย จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงน้ำกระเซ็น” ลินด์นอร์ด กล่าวกับ ESPN
ขณะที่ สตาฟฟาน บยอคลุนด์ สมาชิกอีกคนของทีมเสริมว่า “อาร์เธอร์กระโดดลงมาในน้ำ มันว่ายตามหลังเรามา ชัดเจนว่ามันคือส่วนหนึ่งของเรา การดูแลหมาตัวนี้ยิ่งใหญ่กว่าการได้รับชัยชนะ”
แม้ว่าการมี อาเธอร์ อยู่บนเรือ จะทำให้พวกเขาลำบากมากขึ้น ทั้งต้องหาวิธีพายไม่ให้โดนตัวมัน หรือบางครั้งก็ต้องกระโดดน้ำลงไปช่วยมัน แต่ตอนนี้มันได้กลายเป็นสมาชิกคนสำคัญของทีมไปแล้ว
“มันขวางทางตลอดเวลาพาย และทำให้เราต้องหาเทคนิคในการพายใหม่ เพื่อไม่ให้โดนมันจนตกน้ำ” ลินด์นอร์ด กล่าวกับ Gear Junkies
“บางครั้งมันก็กระโดดลงไปในน้ำและว่ายน้ำ แล้วคลานขึ้นมาอีกครั้งด้วยความหนาวจัด ทำให้เราต้องเอาแจ็คเก็ตห่มให้มัน”
“ครั้งหนึ่งตอนที่เราอยู่ใกล้กับฝั่ง มันกระโดดออกไปและว่ายไปที่ฝั่ง เราคิดว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เห็นมัน แต่มันก็วิ่งไปตามถนนแล้วกระโดดลงน้ำว่ายมาหาเรา”
และในวันที่ 6 ของการแข่งขัน ทีมพีค เพอร์ฟอร์แมนซ์ ที่ประกอบด้วยคน 4 คน และสุนัขอีก 1 ตัวก็สามารถเข้าเส้นชัยได้สำเร็จในอันดับที่ 12 จากทีมที่เข้าร่วมทั้งหมด 54 ทีม
แต่ตอนนั้น อันดับดูเหมือนจะไม่สำคัญกับพวกเขาเท่ากับมิตรภาพกับเพื่อนสี่ขาตัวนี้ ทำให้หลังจบการแข่งขัน ลินนอร์ด ตัดสินใจที่จะนำ อาเธอร์ กลับสวีเดนไปด้วย
“ผมรู้ทันทีเลยว่าผมอยากพามันกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวของผม และให้มันได้มีชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น” ลินด์นอร์ด กล่าวกับ Daily Mail
ลินนอร์ด นำเรื่องราวระหว่างพวกเขาและเพื่อนสี่ขาไปบอกเล่าผ่านทวิตเตอร์ ก่อนที่เขาจะได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลามจากผู้คนมากมาย ทั้งในแง่การอำนวยความสะดวกและเงินทุน ในการพา อาเธอร์ ไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่สวีเดนได้สำเร็จในปี 2015
“เขาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว มันยากที่จะอธิบายถึงสายสัมพันธ์ แต่บางอย่างมันพิเศษ” เฮเลนา ลินนอร์ด กล่าว
อาเธอร์ ได้อยู่กับครอบครัวของลินนอร์ดอยู่ถึง 5 ปีเต็ม และได้ลาโลกไปในปี 2020 ด้วยวัย 12 ปี แต่เรื่องราวของมันก็ยังคงถูกขับขาน ทั้งในฐานะเพื่อนคู่ใจของมนุษย์ หรือนักสู้ที่ไม่ยอมแพ้ จนสามารถเข้าเส้นชัยในการแข่งขันสุดหฤโหด อย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ผมมาเอกวาดอร์ เพื่อคว้าแชมป์โลก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ได้เพื่อนใหม่กลับไป” ลินนอร์ดทิ้งท้าย
Picks and Pick'em is here!
More teams, more wins. Join a public league and draft instantly.