เผยเหตุผล “อเซลเซ่น” เลิกเล่นฟุตบอลแล้วหันมาเป็นนักแบด

หลังจากที่ “เทพวิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักแบดมินตันชาวไทยคนแรกที่คว้าเหรียญรางวัลจากกีฬาโอลิมปิก เมื่อคว้าเหรียญเงินจากแบดมินตันชายเดี่ยวของศึกโอลิมปิกเกมส์ 2024 ซึ่งเป็นเหรียญรางวัลแรกของทัพนักกีฬาไทยในศึกปารีสเกมส์หนนี้ ทางด้านเจ้าของเหรียญทองอย่าง วิคเตอร์ อเซลเซ่น นักตบลูกขนไก่จากเดนมาร์ก ซึ่งเป็นมือวางอันดับ 2 ของโลก ก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นสุดยอดนักแบดมินตันที่ดีที่สุดคนหนึ่งของโลกตอนนี้เต็มตัว เมื่อสามารถเอาชนะเทพวิวซึ่งเป็นความหวังของแฟนกีฬาชาวไทยได้แบบขาดลอย 2-0 เกม ด้วยสกอร์ 21 ต่อ 11 ทั้ง 2 เกม

นอกจากจะคว้าเหรียญทองแบดมินตันชายเดี่ยวโอลิมปิกได้ 2 สมัยซ้อนแล้ว อเซลเซ่นยังรักษาสถิติที่สุดยอด เมื่อชนะคู่แข่งแบบ 2 เกมรวดได้ตลอดทั้ง 6 นัดในศึกโอลิมปิกเกมส์หนนี้ด้วย ถือเป็นฟอร์มการเล่นที่สมบูรณ์แบบ และสมควรต่อการคว้าเหรียญทองด้วยประการทั้งปวง

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ วิคเตอร์ อเซลเซ่น จะกลายมาเป็นนักแบดมินตันระดับโลกแบบที่ทุกคนเห็นในตอนนี้ สมัยเด็กๆ เขาเคยฝึกกีฬาฟุตบอลเหมือนกับเด็กผู้ชายในประเทศเดนมาร์กหลายๆ คน แต่เจ้าตัวก็รู้ว่า เมื่อเวลาผ่านไป เกมลูกหนังก็ไม่ใช่กีฬาที่เหมาะกับตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ จนแขวนสตั๊ดไปตั้งแต่อายุ 10 ขวบ

อเซลเซ่น เคยเผยระหว่างให้สัมภาษณ์กับช่อง TV2 ของเดนมาร์กถึงเรื่องนี้ว่า “ผมไม่ใช่นักกีฬาประเภททีม ผมมักจะตำหนิเพื่อนร่วมทีมเสมอเมื่อเราแพ้”

“ในโลกของผม พวกเขาไม่ได้อยากจะชนะมากเท่ากับผม ซึ่งผมเป็นพวกปัจเจกชนในหลายๆ ด้าน และผมพบว่ามันสนุกกว่าที่จะหาวิธีแก้ปัญหาด้วยตัวผมเอง เหมือนอย่างที่ทำในกีฬาแบดมินตัน ซึ่งมันคือกีฬาที่สมบูรณ์แบบสำหรับผม”

หลังจากที่อเซลเซ่นเลือกหันหลังให้กับกีฬาฟุตบอล เขาก็ค่อยๆ ใช้เวลากับกีฬาตีลูกขนไก่มากขึ้นเรื่อยๆ โดยไปที่คอร์ทแบดมินตันท้องถิ่นทุกๆ วันหลังจากที่โรงเรียนเลิก ส่วนในช่วงสุดสัปดาห์ก็ใช้เวลาเล่นแบดมินตันนานถึง 5-6 ชั่วโมง และแม้แต่ตอนอยู่ที่บ้าน ก็ใช้เวลาตีแบดกับพ่อใส่กำแพงเป็นประจำ

“โดยพื้นฐานแล้ว ผมถือแร็กเก็ตไว้ในมือตลอดทั้งวัน ยกเว้นแค่ตอนผมหลับเท่านั้น” อเซลเซ่นอธิบายถึงความบ้าแบดมินตันของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ก่อนจะเข้าร่วมซ้อมกับทีมชาติตั้งแต่อายุ 15 ปี และเป็นแชมป์โลกรุ่นเยาวชนในปี 2010 ตอนที่อายุได้ 16 ปี ซึ่งถือเป็นนักแบดมินตันจากยุโรปคนแรกที่คว้าแชมป์โลกรุ่นเยาวชนได้ด้วย และหลังจากนั้น เขาก็ค่อยๆ พัฒนาฝีมือจนขึ้นมายืนอยู่ในระดับแถวหน้าของโลก จนเป็นเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัยซ้อนได้ในที่สุด