ลอกสูตรจากทีมเบสบอล! สุดล้ำเผยเหตุ เชลซี ชอบเซ็นสัญญานักเตะยาวเกือบ 10 ปี

Chayuntorn Chaimool

December 28, 2024 · 1 min read

ลอกสูตรจากทีมเบสบอล! สุดล้ำเผยเหตุ เชลซี ชอบเซ็นสัญญานักเตะยาวเกือบ 10 ปี
Football | December 28, 2024

 

นับตั้งแต่ เชลซี ถูก เทคโอเวอร์ โดยกลุ่ม BlueCo ที่นำโดย ท็อดด์ โบห์ลี่ และ เบบดัด เอ็กบาลี่ วิธีการทำทีม เชลซี ก็คล้าย ๆ กับการทำทีม แอลเอ ดอดเจอร์ส ที่พวกเขาเคยบริหาร

เพราะในลีกเบสบอล MLB ผู้เล่นมักจะได้สัญญาระยะยาว เรื่องนี้ไม่ใช่สโมสรได้ประโยชน์เท่านั้น นักกีฬาก็จะได้การันตีอนาคตว่าจะมีรายรับไปยาว ๆ และสัญญาระดับ 7, 8, 9 หรือ 10 ปีนี้ก็จะทำให้นักกีฬาที่อายุน้อยมีเวลาพิสูจน์ตัวเองนานขึ้น ซึ่งในช่วงเวลาสัญญา ทีมก็จะดูแลผู้เล่นอย่างเต็มที่ เพื่อพัฒนาให้พวกเขาเก่งขึ้น มีมูลค่ามากขึ้น

นอกจากนี้ นักเตะดาวรุ่งกับสัญญาระยะยาวก็มีข้อดีอีกอย่างคือ พวกเขาจะไม่หยุดพัฒนาตัวเองง่าย ๆ เพราะ เชลซี ไม่ได้ให้ค่าเหนื่อยเยอะในสัญญาฉบับแรก นอกจากนักเตะที่มีชื่อเสียงมาก่อนอยู่แล้วอย่าง เอ็นโซ่ เฟอร์นานเดซ (ได้ 180,000 ปอนด์), มอยเซส ไกเซโด้ (150,000 ปอนด์) คริสโตเฟอร์ เอ็นกุนกู (195,000 ปอนด์) เป็นต้น ขณะที่นักเตะดาวรุ่งคนอื่น ๆ ค่าเหนื่อยจะอยู่ใน 30,000-80,000 ปอนด์ตามดีกรีที่ติดตัวมา

การจ้างนักเตะดาวรุ่งระยะยาว ก็จะแตกต่างกับการซื้อนักเตะในช่วงเลยจุดพีก ณ ตรงนี้ เพราะบางทีนักเตะที่ได้ค่าเหนื่อยแพงตั้งแต่แรก ก็ไม่ค่อยจะแคร์และมุ่งมั่นมากนัก จากค่าเหนื่อยและสัญญาที่ตัวเองมี

พวกเขาทำแบบนี้เพราะจะแน่ใจได้ว่า นักเตะจะไม่อิ่มตัวกับค่าเหนื่อยที่ไม่มากนักในสัญญาฉบับแรก ทุกคนจะพยายามพัฒนาฝีเท้าขึ้น ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลัก เป็นคนสำคัญของทีม เพื่อให้ได้สัญญาฉบับใหม่มูลค่าที่สูงขึ้น … ยกตัวอย่างเช่น โคล พาลเมอร์ ที่เป็น เดอะ แบก ของทีมในฤดูกาล 2023-24 ก็ยังได้รับค่าเหนื่อย 80,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์เท่านั้น แต่หลังจากยิงระเบิดเถิดเทิงสโมสรก็ไม่รอช้าขยับค่าเหนื่อยให้ทันทีในซัมเมอร์ปี 2024

แม้จะบอกว่าอัพสัญญาใหม่ ก็ไม่ได้เป็นการเพิ่มเงินแบบ 2-3 เท่า พาลเมอร์ ได้รับค่าเหนื่อยฉบับใหม่ที่เปิดเผยมาอยู่ที่ 130,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์เท่านั้น น้อยกว่านักเตะอีกหลายคนในทีมอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ โรเมลู ลูกากู ที่ได้คนละ 325,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

เชลซี พยายามจะโละนักเตะเลือดเก่าที่มีค่าจ้างแพงออก ด้วยการซื้อนักเตะดาวรุ่งเหล่านี้เข้ามาให้พวกเขาแข่งขันกันพัฒนาตัวเอง ถ้านักเตะในยุคเก่าที่ได้ค่าเหนื่อยเยอะ ๆ ค่อย ๆ หมดวาระ ทีมก็จะมีนักเตะที่พร้อมทดแทน แถมยังลดค่าเหนื่อยโดยรวมได้อีกด้วย นั่นคือข้อดีที่เชลซีหมายมั่นปั้นมือเอาไว้

และเพื่อลดความเสี่ยงในการซื้อเข้ามาแล้วล้มเหลว เชลซี ในยุค BlueCo จึงได้แต่งตั้งทีมหลังบ้านในการสรรหานักเตะใหม่หลายตำแหน่ง ทั้งหมดก็เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการหานักเตะที่สามารถต่อยอดได้ ไม่ว่าจะเอาไว้ใช้งานเอง หรือแม้กระทั่งขายเพื่อทำกำไรในอนาคต

แน่นอนว่ามันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แถมยังเป็นเรื่องที่แปลกใหม่มาก ๆ กับวงการฟุตบอล แต่พวกเขาเองก็เชื่อมั่นกับโมเดลที่เคยประสบความสำเร็จมาก่อน แม้จะเป็นคนละชนิดกีฬาก็ตาม