สรุปดราม่าบอลชายโอลิมปิกคู่ฟ้าขาว-โมร็อกโก ฟ้าขาวเฮเก้อหลังเกมหยุดเกือบ 2 ชม.

Pipat Sathirawut

July 25, 2024 · 2 min read

สรุปดราม่าบอลชายโอลิมปิกคู่ฟ้าขาว-โมร็อกโก ฟ้าขาวเฮเก้อหลังเกมหยุดเกือบ 2 ชม.
กีฬาอื่น ๆ | July 25, 2024

กลายเป็นประเด็น ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ไปเลยทีเดียว สำหรับศึกฟุตบอลชายโอลิมปิก 2024 กลุ่ม B คู่ระหว่าง อาร์เจนตินา พบ โมร็อกโก ซึ่งเตะกันที่สนาม สต๊าด เจฟฟรัว-กีชาร์ เมืองแซงต์-เอเตียน ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันพุธที่ 24 กรกฎาคม 2024 ซึ่งเป็นวันแรกของการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนปีนี้ เพราะเกมนี้เป็นทีมรองบ่อนอย่างโมร็อกโกที่สามารถคว้าชัยไปด้วยสกอร์ 2-1 แต่สิ่งที่พีคยิ่งกว่าผลการแข่งขัน ก็คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเกม

“ราฮิมี่” ซัดเบิ้ล พาโมร็อกโกนำก่อน 2-0

เกมนี้อาร์เจนตินาส่งนักเตะดาวดังชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ลงสนามหลายคน ไม่ว่าจะเป็นนายประตูอย่าง เคโรนิโม่ รูยี่, กองหลังตัวเก๋าที่เป็นกัปตันทีมชุดนี้อย่าง นิโกลัส โอตาเมนดี้ และดาวยิงจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่าง ฮูเลียน อัลวาเรซ ซึ่งเป็น 3 ผู้เล่นโควตาอายุเกิน 23 ปี ขณะที่โมร็อกโกก็มี อัชราฟ ฮาคิมี่ แบ็กขวาสตาร์ดังจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง เป็นนักเตะโควตาอายุเกินที่ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีม ซึ่งทีมฟ้าขาวถูกยกให้เป็นต่อพอสมควรก่อนแข่ง แต่กลายเป็นทีมจากทวีปแอฟริกาที่นำก่อนถึง 2 ประตู

ซูฟิยาน ราฮิมี่ กองหน้าวัย 28 ปีจาก อัล-ไอน์ สโมสรในยูเออี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนักเตะโควตาอายุเกิน 23 ปีที่ได้ลงสนามเกมนี้ เหมาคนเดียว 2 ประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรกนาที 45+2 ก่อนจะกดจุดโทษอีกลูกในนาที 51 ให้โมร็อกโกนำห่าง 2-0 นั่นทำให้อาร์เจนตินาซึ่งคุมทีมโดย ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ อดีตกองกลางตัวรับดาวดังของลิเวอร์พูล และ บาร์เซโลน่า อยู่ในสถานการณ์ลำบาก แต่เกมก็มาสู้กันแบบดุเดือดมากขึ้น หลังจากที่ จูเลียโน่ ซิเมโอเน่ กองหน้าดาวรุ่งจาก แอตเลติโก มาดริด ซึ่งเป็นลูกชายแท้ๆ ของกุนซือชื่อดังอย่าง ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ มายิงตีไข่แตกได้ในนาที 68

 

ดราม่าทดเวลาบาดเจ็บ 15 นาที

จริงอยู่ ที่เกมนี้นักเตะโมร็อกโกพยายามนอนถ่วงเวลาบ่อยครั้งตลอดครึ่งหลังที่พวกเขาเป็นฝ่ายขึ้นนำ แต่การที่มีการทดเวลาบาดเจ็บนานถึง 15 นาที สร้างความงุนงงให้กับทุกคนที่ได้ดูเกมนี้อยู่ดี เพราะในตอนแรก ภาพที่ทุกคนเห็นผ่านการถ่ายทอดสด ก็คือจะมีการทดเวลาบาดเจ็บแค่ 2 นาทีเท่านั้น ก่อนที่จู่ๆ ตัวเลขจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็น 5 นาที ต่อด้วย 9 นาที และสุดท้ายตัวเลขก็ขึ้นว่าจะมีการทดเวลานานถึง 15 นาที!!

มีการตั้งข้อสังเกตว่าการทดเวลาบาดเจ็บนานขนาดนี้อาจเข้าข่ายล็อคผลการแข่งขัน ซึ่งสุดท้ายอาร์เจนตินาก็สามารถทำประตูตีเสมอ 2-2 ได้จริงๆ ในนาทีสุดท้ายของการทดเวลาบาดเจ็บ จากลูกโหม่งจ่อๆ ของ คริสเตียน เมดิน่า หลังจากที่มีจังหวะยิงติดการป้องกันของโมร็อกโกต่อเนื่องหลายครั้ง และเมื่อทีมฟ้าขาวสามารถส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้ก็ร่วมกันฉลองประตูอย่างสุดเหวี่ยง แต่นั่นสร้างความโกรธแค้นให้กับแฟนบอลของโมร็อกโก ที่เข้าไปชมเกมเป็นส่วนใหญ่ในสนาม โดยมีการขว้างปาสิ่งของลงใส่ผู้เล่นอาร์เจนตินา แถมบางคนก็วิ่งลงไปสร้างความปั่นป่วนในสนามด้วย

จากการที่เกิดสถานการณ์วุ่นวาย ทำให้ผู้ตัดสิน เกล็นน์ นีเบิร์ก จากสวีเดน ตัดสินใจให้เกมหยุดลงก่อนชั่วคราว และให้นักเตะทั้ง 2 ทีมเข้าห้องแต่งตัวไปก่อนเพื่อความปลอดภัยก่อนที่จะเป่านกหวีดให้เกมจบ ทำให้แฟนบอลที่ติดตามผลการแข่งขันเกมนี้เกิดความสับสน ว่าสรุปแล้ว ผู้ตัดสินให้อาร์เจนตินาได้ประตูตีเสมอ 2-2 และเป่าจบเกมทันทีหรือเปล่า หรือว่ายังไม่คอนเฟิร์มประตู แล้วต้องเช็คเหตุการณ์ย้อนหลังให้ละเอียดกันอีกที

การตัดสินของนีเบิร์กในเกมนี้ ถูกตั้งประเด็นน่าสงสัยไม่น้อย เพราะนอกจากจะทดเวลาบาดเจ็บนานปกติแล้ว ยังมีจังหวะที่เขาวิ่งไปขวางผู้เล่นโมร็อกโกแล้วไม่เป่าหยุดเกมให้โมร็อกโกได้ดร็อปบอล แถมช็อตที่ อินญาซิโอ เฟร์นานเดซ เสียบขาคู่ใส่ ยาสซีน เค็ชต้า ก็ไม่โดนใบแดงอีกต่างหาก

 

เกมหยุดนานเกือบๆ 2 ชั่วโมง

หลังจากที่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายจากแฟนบอลโมร็อกโกในสนาม จนผู้ตัดสินต้องให้นักเตะทั้ง 2 ฝั่งเข้าห้องแต่งตัวไปก่อนนั้น เกมนี้ต้องหยุดการแข่งขันไปนานกว่า 1 ชั่วโมง หรือเกือบๆ 2 ชั่วโมงเต็มเลยทีเดียว

 

ซึ่งเหตุผลที่ต้องหยุดเกมนานขนาดนั้น เพราะต้องใช้เวลาเคลียร์แฟนบอลทุกคนให้ออกจากสนามไปก่อน จากนั้นก็มีการเช็คเหตุการณ์จากวีเออาร์ย้อนหลัง ว่าประตูที่อาร์เจนตินาทำได้นั้นมีจังหวะปัญหาอะไรอีกหรือไม่ ซึ่งถ้าหากอาร์เจนตินาได้ประตู เขาจะตัดสินให้เกมจบลงด้วยผลเสมอ 2-2 ทันที แต่ถ้าหากไม่ใช่แบบนั้น นักเตะจะต้องเล่นกันต่ออีก 3 นาทีในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง เพื่อเป็นการชดเชยจังหวะที่เกมหยุดไป แต่เนื่องจากที่เกมหยุดลงไปนานกว่า 1 ชั่วโมง ทำให้ถ้าเกิดสถานการณ์ที่ต้องเล่นต่อใหม่อีกครั้ง นักเตะจำเป็นต้องได้รับการอบอุ่นร่างกายให้พร้อมสำหรับทำการแข่งขันช่วงเวลาที่เหลือได้เสียก่อน

 

สุดท้ายคดีพลิก! วีเออาร์ริบประตูฟ้าขาว

เมื่อแฟนบอลออกจากสนามไปจนหมด เกมการแข่งขันก็กลับมาดำเนินต่อโดยที่ผู้ตัดสินไปเช็คเหตุการณ์ย้อนหลังจากวีเออาร์ และพบว่าจังหวะก่อนที่จะต่อเนื่องไปสู่การได้ประตูของอาร์เจนตินานั้น บรูโน่ อามิโอเน่ ตัวสำรองของทีมฟ้าขาวอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าซะก่อน ในจังหวะที่ นิโกลัส โอตาเมนดี้ ยิงไปติดเซฟ ทำให้ลูกโหม่งจ่อๆ ของ คริสเตียน เมดิน่า ซึ่งตุงตาข่ายในนาที 90+16 ไม่นับเป็นประตู

เมื่อผู้ตัดสินปฏิเสธประตูนี้ ทำให้อาร์เจนตินาตีเสมอไม่สำเร็จ ส่วนเวลาที่เหลือก็น้อยเกินกว่าจะทวงประตูคืนได้ จบเกมโมร็อกโกจึงได้ 3 คะแนนสำคัญไปด้วยการชนะ 2-1