ในวัย 36 ปีเศษๆ นิโกลัส โอตาเมนดี้ ประสบความสำเร็จร่วมกับทีมชาติอาร์เจนตินาชุดใหญ่มาแล้วครบทุกรายการ เขาคว้าแชมป์ โกปา อเมริกา ทั้งในปี 2021 และ 2024 ขณะที่การคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 เขาก็ลงสนามครบทุกนัดโดยไม่เคยโดนเปลี่ยนตัวออกในศึกใหญ่ที่กาตาร์ แถมในศึกฟินาลิสซิม่าที่ทีมฟ้าขาวถล่มอิตาลี 3-0 เมื่อ 2 ปีก่อน เขาก็ได้ลงเล่นเต็ม 90 นาทีด้วย
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จรายการสำคัญระดับทีมชาติที่โอตาเมนดี้ยังไม่เคยสัมผัส นั่นก็คือการคว้าเหรียญทองโอลิมปิก เพราะในขณะที่ผู้เล่นดาวดังทีมชาติรุ่นไล่ๆ กันอย่าง ลิโอเนล เมสซี่, อังเคล ดิ มาเรีย, เอเซเกล ลาเวซซี่, ปาโบล ซาบาเลต้า, เฟร์นานโด กาโก้ และ เซร์คิโอ อเกวโร่ ต่างเคยมีเกียรติประวัติได้เหรียญทองฟุตบอลชายโอลิมปิกกันมาหมดแล้วในปี 2008 แต่โอตาเมนดี้ไม่มีโอกาสนั้น เพราะเขาไม่เคยเล่นให้ทีมชาติอาร์เจนตินาชุดเยาวชนรุ่นไหนเลย
ในศึกฟุตบอลชายโอลิมปิก 2024 โอตาเมนดี้วัย 36 ปี ซึ่งปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับเบนฟิก้า ทีมยักษ์ใหญ่ของโปรตุเกส คือหนึ่งใน 3 นักเตะโควตาอายุเกิน 23 ปีของทัพฟ้าขาวร่วมกับ ฮูเลียน อัลวาเรซ กองหน้าจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เคโรนิโม่ รูยี่ นายประตูจากอาแจ็กซ์
โอตาเมนดี้ไม่ใช่แค่เป็นพี่ใหญ่ของทัพฟ้าขาวชุดลุ้นเหรียญทองที่ปารีสเท่านั้น แต่เขายังเป็นนักเตะที่อายุมากที่สุดของทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลชายโอลิมปิกหนนี้อีกด้วย ซึ่งปราการหลังวัย 36 ปีเฝ้ารอโอกาสจะได้เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกสักครั้งในชีวิตมาอย่างยาวนาน หลังจากที่เพิ่งลงเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่ในศึก โกปา อเมริกา 2024 เป็นรายการสุดท้าย เท่ากับว่าเขาไม่มีเวลาหยุดพักเลยในช่วงซัมเมอร์นี้
“ผมมาแข่งโอลิมปิกโดยไม่มีวันหยุดเลยจริงๆ ผมตื่นเต้นมากๆ เพราะมันคือรายการที่ผมไม่เคยลงเล่น นับตั้งแต่ที่ผมไม่เคยลงเล่นแม้แต่ทีมชาติชุดเยาวชน เพราะผมขึ้นมาติดทีมชาติชุดใหญ่โดยตรงเลย”
“นี่คือสิ่งที่ผมใฝ่ฝัน ที่สโมสรของผม พวกเขาเข้าใจและอนุญาตให้ผมสามารถลงแข่งได้ พวกเขาเข้าใจเรื่องอายุและความปรารถนาของผม พวกเขารู้ว่าทีมชาติมีความสำคัญเป็นอันดับแรกเสมอ”
“ผมเสียสละวันหยุดพักร้อนเพื่อเข้าร่วมโอลิมปิกเกมส์ให้ได้ ผมตื่นเต้นมากๆ ที่สามารถลงแข่งขันได้และเข้าร่วมรอบสุดท้าย แล้วทำไมผมถึงจะฝันถึงการคว้าเหรียญทองไม่ได้ล่ะ”
เกมแรกแห่งฝันร้าย
การลงสนามในศึกโอลิมปิกครั้งแรกในชีวิตของ นิโกลัส โอตาเมนดี้ พร้อมปลอกแขนกัปตันทีมด้วยวัย 36 ปี ซึ่งจบลงด้วยความพ่ายแพ้ต่อโมร็อกโก 1-2 ที่ แซงต์-เอเตียน กลับกลายเป็นเกมที่เหมือนเป็นฝันร้ายสำหรับอาร์เจนตินาเลยก็ว่าได้
เรื่องผลการแข่งขันยังไม่แย่เท่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเกมที่มีประเด็นฉาวโฉ่มากมาย เพราะเกมนี้มีการทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลังนานกว่า 15 นาที จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่วว่าไม่สมเหตุสมผล ถึงแม้ว่านักเตะโมร็อกโกจะนอนถ่วงเวลาบ่อยครั้ง แต่เกมไม่น่าจะหยุดรวมกันเป็นเวลานานขนาดนั้นแน่ๆ
อาร์เจนตินาเกือบจะรอดพ้นความพ่ายแพ้ได้อยู่แล้ว เมื่อส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้ในนาทีที่ 90+16 จากลูกโหม่งจ่อๆ ของ คริสเตียน เมดิน่า ให้สกอร์เป็น 2-2 ซึ่งในขณะที่ทีมฟ้าขาวกำลังฉลองประตูแบ่งแต้มกันอย่างเต็มที่ ก็กลับเกิดเหตุวุ่นวายจากแฟนบอลโมร็อกโกที่ขว้างปาสิ่งของลงมาจากอัฒจันทร์ แถมมีแฟนบอลวิ่งลงมาปั่นป่วนในสนามอีกต่างหาก
อาร์เจนตินาคิดว่าเรื่องความวุ่นวายนั้นคือเหตุการณ์หลังจากที่เกมการแข่งขันจบลงแล้ว แต่กลายเป็นว่าพวกเขาเข้าใจผิด เพราะผู้ตัดสินยังไม่เป่านกหวีดจบเกม แต่ที่เป่านกหวีดคือส่งสัญญาณให้นักเตะทั้ง 2 ทีมเข้าห้องแต่งตัวไปก่อนเพื่อความปลอดภัยต่างหาก
แล้วเมื่อแฟนบอลออกจากสนามกันไปหมดแล้ว ผู้ตัดสินค่อยส่งสัญญาณให้นักเตะทั้ง 2 ทีมกลับลงสนามกันใหม่ แล้วเช็ควีเออาร์ตรวจสอบจังหวะทำประตูของอาร์เจนตินากันภายหลัง แล้วพบว่ามีการล้ำหน้าเกิดขึ้นก่อน ทำให้ทีมฟ้าขาวถูกริบประตูตีเสมอ และเกมจบลงด้วยความพ่ายแพ้
“มันคือความอัปยศครั้งประวัติศาสตร์ มันไม่เคยมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน”
“โมร็อกโกไม่ต้องการเล่นต่อแล้ว และเราเองก็ไม่อยากลงเล่นเช่นกัน พวกเราต้องรอนานถึง 1 ชั่วโมง 40 นาที แต่ไม่มีใครมาบอกอะไรเราเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งมันน่าผิดหวังเพราะนี่มันคือกีฬาโอลิมปิก”
อย่างไรก็ตาม ความฝันลุ้นเหรียญทองโอลิมปิกของโอตาเมนดี้ยังไม่จบลงแค่นี้ เพราะอาร์เจนตินายังมีโอกาสพลิกสถานการณ์เข้ารอบต่อไปได้อยู่ ถ้าหากเก็บแต้มได้มากพอจาก 2 เกมที่เหลือในกลุ่ม B ที่จะต้องพบกับ อิรัก และ ยูเครน
เพียงแต่ว่า นิโกลัส โอตาเมนดี้ คงต้องหวังให้บรรดารุ่นน้องช่วยกันทำผลงานกันให้ดีกว่านี้เพื่อให้ทีมไม่ตกรอบก่อนจะได้ลุ้นเหรียญรางวัล และหวังว่าไม่ต้องเจอเหตุการณ์แปลกๆ ในทัวร์นาเมนต์นี้อีกต่อไป
“ทุกวันนี้เรารู้สึกว่านักฟุตบอลเป็นแค่ขยะที่เลวร้ายที่สุดในโบลิเวีย” นักเตะคนหนึ่งในลีกโบลิเวียกล่าว อเมริกาใต้เป็นทวีปที่เต็มไปด้วยทีมชาติระดับคุณภาพ ที่ทำให้แม้สมาชิกเพียงแค่ 10 ทีม แต่กลับได้รับโควตาในฟุตบอลโลก 2026 มากถึง 6 ทีมครึ่ง แต่ถึงอย่างนั้น เบื้องหลังความยอดเยี่ยมเหล่านี้ หลายชาติก็เต็มไปด้วยปัญหา หนึ่งในนั้นคือ…
“ชีสรูม” ตำนานที่ไม่เคยมีจริงของท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส ถ้าพูดถึงสนามฟุตบอลในอังกฤษ ความขลัง ความยิ่งใหญ่ อาจจะยังเป็นเรื่องแมนยู ลิเวอร์พูล เชลซี อาร์เซนอล แต่ถ้าพูดถึงความทันสมัยไม่มีทีมไหนดีไปกว่า ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์สสเตเดี้ยม สนามของสเปอร์สนั้นเป็นสนามที่ได้รับการยอมรับมากในปัจจุบันว่าทันสมัย มีทุกอย่างครบมากที่สุดในอังกฤษ…
รีซ เจมส์ แบ็กขวากัปตันทีมเชลซี ได้รับบาดเจ็บที่แฮมสตริงเป็นครั้งที่ 9 ในรอบ 5 ปี หลังจากบาดเจ็บซ้ำที่บริเวณดังกล่าวระหว่างการซ้อมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา จากการยืนยันของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ซึ่งเผยว่าดาวเตะวัย 24 ปีจะพลาดลงสนามในเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่จะบุกเยือน…
ครั้งหนึ่งเขาคือแข้งดาวรุ่ง ที่ถูกเปรียบกับ คริสเตียโน โรนัลโด้ ดาวเตะระดับตำนานของโปรตุเกส อย่างไรก็ดี ตอนนี้ คาอัสโซ ดาราเม นี้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อเขาเปลี่ยนสถานะตัวเอง จากนักเตะพรีเมียร์ลีก มาเป็นอาชญากรค้ายา และเพิ่งถูกจำคุกจากคดีแทงคน เกิดอะไรกับชีวิตของเด็กหนุ่มรายนี้…
ความประทับใจตอนซ้อม : ทำไมแข้งแมนยูพร้อมใจเรียก “อโมริม” ว่ามูรินโญ 2.0? เรียกว่ายิ่งนานวัน รูเบน อโมริม ยิ่งสร้างความตื่นเต้นให้แฟนๆรอติดตาม หลังล่าสุด Sun Sport รายงานว่านักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต่างรู้สึกทึ่งและประทับใจกับการซ้อมของ…
วิเคราะห์อนาคต : คีแรน เทียร์นีย์ คัมแบ็คในรอบหลายเดือนแต่อาจไม่ได้อยู่ยาวกับอาร์เซนอล ถ้าพูดถึง คีแรน เทียร์นีย์ กับแฟนๆทีมอื่นอาจจะมองว่าเป็นนักเตะธรรมดาคนหนึ่งไม่ได้พิเศษอะไร แต่กับแฟนๆอาร์เซนอลเขาคือที่รัก และอยากเห็นเขาสวมเสื้ออาร์เซนอลลงสนามอีกสักครั้ง ล่าสุดเมื่อวานนี้ เทียร์นีย์ เพิ่งกลับมาซ้อมได้หลังจากบาดเจ็บหัวเข่าตั้งแต่ในการแข่งขันยูโร นี่ถือว่าเป็นข่าวดีมากๆกับเขาเอง…