แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งมีดีกรีเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกมานานถึง 4 ฤดูกาลติดต่อกัน จะได้ลงเตะในบ้านเป็นครั้งแรกของซีซั่นใหม่นี้ โดยคู่แข่งคือทีมน้องใหม่ที่เพิ่งเลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 22 ปีอย่าง อิปสวิช ทาวน์
ถ้าหากดูตามหน้าเสื่อ ณ ปัจจุบัน ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าทีมเรือใบสีฟ้าซึ่งคุมทีมโดย เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เหนือกว่าทีมม้าขาวซึ่งมีโค้ชหนุ่มอย่าง คีแรน แม็คเคนน่า เป็นกุนซืออย่างมหาศาล หลายคนมองว่านี่คือเกมที่ แมนฯ ซิตี้ การันตี 3 แต้มแบบแบเบอร์แน่นอน ที่เหลือแค่รอลุ้นว่าจะชนะขาดด้วยผลต่างกี่ประตูเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากย้อนไปไกลถึงหนสุดท้ายที่ 2 ทีมนี้ยังเล่นอยู่ในลีกสูงสุดอังกฤษร่วมกัน ถือว่า ณ เวลานั้น อิปสวิชยังเป็นทีมที่เหนือกว่าด้วยซ้ำ
ย้อนไปซีซั่น 2000-01 ม้าขาวสร้างเซอร์ไพรส์ เรือใบตกชั้น
ครั้งสุดท้ายที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ อิปสวิช ทาวน์ มีสถานะเป็นสโมสรในพรีเมียร์ลีกร่วมกันทั้งคู่คือฤดูกาล 2000-01 ซึ่งในตอนนั้นทั้ง 2 ทีมเพิ่งเป็นน้องใหม่ที่เลื่อนชั้นขึ้นจากดิวิชั่น 1 (ปัจจุบันคือ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ) โดย แมนฯ ซิตี้ คือรองแชมป์จากลีกรอง ส่วนอิปสวิชคือทีมที่ชนะในเกมเพลย์ออฟเลื่อนชั้นนัดชิงชนะเลิศ
ผลงานในการลงเล่นพรีเมียร์ลีกซีซั่น 2000-01 ของทั้ง 2 ทีมถือว่าแตกต่างกันสุดขั้ว เพราะ อิปสวิช ทาวน์ ภายใต้การคุมทีมโดยกุนซืออย่าง จอร์จ เบอร์ลี่ย์ สามารถหักปากกาเซียนด้วยการพาทีมจบอันดับ 5 และคว้าโควตาไปเล่น ยูฟ่า คัพ พวกเขาเกือบมีลุ้นถึงขั้นไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เลยด้วยซ้ำ เพราะมีแต้มน้อยกว่าอันดับ 3 อย่างลิเวอร์พูลแค่ 3 แต้ม (สมัยนั้นพรีเมียร์ลีกยังได้โควตาส่งทีมลงเตะ UCL แค่ 3 ทีม)
ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยม ทำให้กำลังหลักของทีมม้าขาวหลายคนในฤดูกาลนั้นแจ้งเกิดเต็มตัวจนเป็นที่พูดถึงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น มาร์คัส สจ๊วร์ต กองหน้าดาวซัลโวประจำทีมที่ยิงไปถึง 19 ประตูในพรีเมียร์ลีก, ริชาร์ด ไรท์ ซึ่งเป็นผู้รักษาประตูระดับทีมชาติอังกฤษ, กองกลางจอมยิงไกลดีกรีทีมชาติไอร์แลนด์อย่าง แม็ตต์ ฮอลแลนด์ ขณะที่กองหลังคนสำคัญทั้ง ไตตัส บรัมเบิ้ล และ เฮอร์มันน์ ไฮรดาร์สสัน ก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม
ส่วน แมนฯ ซิตี้ ในตอนนั้นไม่ได้ใกล้เคียงกับภาพการเป็นยอดทีมแบบที่ทุกคนเห็นกันในปัจจุบันนี้เลย ซึ่งภายใต้การคุมทีมของ โจ รอยล์ พวกเขาจบฤดูกาลด้วยการได้อันดับ 18 และต้องตกชั้นกลับลงไปเล่นในดิวิชั่น 1 ทันที ส่วนการเจอกับ อิปสวิช ทาวน์ ในฤดูกาลนั้น ทีมเรือใบสีฟ้าก็แพ้ทั้งไปและกลับ โดยพ่ายคาบ้าน 2-3 และออกไปแพ้ที่สนาม พอร์ทเมน โร้ด 2-1
อย่างไรก็ตาม นั่นคือการตกชั้นครั้งสุดท้ายในประวัติศาสตร์ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พวกเขาสามารถคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 ได้ในฤดูกาล 2001-02 และเลื่อนชั้นกลับสู่ลีกสูงสุดทันที ส่วนอิปสวิชไม่สามารถสานต่อผลงานเยี่ยมจากการจบอันดับ 5 ในซีซั่น 2000-01 ได้ เพราะในฤดูกาล 2001-02 ทีมม้าขาวจบอันดับ 18 ของตาราง และกว่าจะได้กลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ก็ต้องรอจนถึงปีนี้ ที่ คีแรน แม็คเคนน่า พาทีมเลื่อนชั้นขึ้นมาในฐานะรองแชมป์ของ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ
เผยการเจอกันปีนี้ จะเป็นหนแรกที่พบกันที่เอติฮัด
ก่อนหน้าจะโคจรมาพบกันอีกครั้งในฤดูกาล 2024-25 หนสุดท้ายที่ 2 ทีมนี้ได้เจอกันคือศึก เอฟเอ คัพ รอบ 4 ในฤดูกาล 2001-02 ที่สนาม พอร์ทแมน โร้ด ของทีมม้าขาว ซึ่งทีมเรือใบสีฟ้าบุกชนะขาดลอย 4-1 โดยในตอนนั้น อิปสวิชยังเป็นทีมที่อยู่อันดับท้ายๆ ของพรีเมียร์ลีก ส่วน แมนฯ ซิตี้ กำลังเป็นทีมที่ฟอร์มแรกของดิวิชั่น 1
นี่จึงถือเป็นการพบกันครั้งแรกในรอบ 22 ปีของ แมนฯ ซิตี้ กับ อิปสวิช ถ้านับรวมทุกรายการ และถ้าหากนับว่าเป็นการเจอกันในลีกสูงสุดอังกฤษ นี่คือครั้งแรกในรอบกว่า 23 ปีเต็มๆ
ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ 2 ทีมนี้เจอกัน สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม ยังไม่เปิดใช้งานเลยด้วยซ้ำ เพราะในอดีต ทีมเรือใบสีฟ้าใช้สนาม เมน โร้ด เป็นรังเหย้า ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ ตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา แล้วค่อยเปลี่ยนชื่อเป็น เอติฮัด สเตเดี้ยม ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2011 จากการที่สายการบิน เอติฮัด แอร์เวย์ส ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เข้ามาเป็นสปอนเซอร์หลักระยะยาวให้สโมสรนานกว่า 10 ปี
นี่คือเกมเหย้านัดแรกสุดของฤดูกาลใหม่สำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งสถิติที่น่าสนใจก็คือจากทั้งหมด 27 ฤดูกาลก่อนหน้านี้ที่พวกเขามีสถานะเป็นทีมในพรีเมียร์ลีก พวกเขาพบกับความพ่ายแพ้ในการลงเตะเกมแรกในบ้านเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ในฤดูกาล 2020-21 ที่โดน เลสเตอร์ ซิตี้ บุกถล่มขาดลอย 2-5 ซึ่งเป็นเกมที่เตะกันแบบปิดสนาม ไม่มีแฟนบอลเข้าชม
นอกนั้นหากนับเฉพาะเกมที่ แมนฯ ซิตี้ ลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีกนัดแรกของฤดูกาลต่อหน้ากองเชียร์ตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นที่ เมน โร้ด หรือ เอติฮัด สเตเดี้ยม พวกเขาสามารถชนะได้ถึง 17 ครั้ง เสมอ 9 ครั้ง ซึ่งตลอด 3 ฤดูกาลที่ผ่านมา เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พาทีมชนะในเกมเหย้านัดแรกแบบไม่เสียประตูได้ตลอดด้วย
เรียกได้ว่าเป็นไวรัลอีกแล้ว เมื่อ ไมเคิ่ล โอเว่น ตำนานนักเตะของสโต๊ค ซิตี้ และลิเวอร์พูลหรือแมนฯ ยูไนเต็ด ที่มักถูกแฟนบอลแซวเรื่องคำวิจารณ์และทายผลลัพธ์ต่างๆ อยู่เสมอว่าความแม่นยำไม่ค่อยมีนั้น ได้ออกมาเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป็ป…
แม้ว่าในเกมล่าสุดที่อาร์เซนอลสามารถบุกไปเอาชนะคริสตัล พาเชซ มาได้ด้วยสกอร์สุดสวย 5-1 แต่ถ้ามองในรายละเอียดเกมทั้งหมดก็จะเห็นว่าอาร์เซนอลยังมีความผิดพลาดอยู่บ้างเล็กน้อยโดยเฉพาะในครึ่งเวลาแรก หนึ่งในจังหวะหวาดเสียวที่สุดคือในนาทีที่ 10 ที่อาร์เซนอลพยายามจะบิ้วอัพจากหลังแต่คริสตัล พาเลซก็สามารถเพลสซิ่งได้ดี ในขณะนั้นบอลอยู่กับ เดบิด ราย่า เขามองขึ้นหน้าและเลือกจ่ายบอลไปให้ โธมัส ปาเตย์…
ถ้าพูดถึง มาร์คัส แรชฟอร์ด ในช่วงนี้ต้องบอกว่าเต็มไปด้วยความเห็นที่แตกต่างกันมากมาย มีทั้งฝั่งที่เห็นใจ เข้าใจ และฝั่งที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของแรชฟอร์ด ในส่วนของฝั่งที่ไม่เห็นด้วยกับแรชฟอร์ดต่างบอกว่าต้องการให้แรชฟอร์ดย้ายออกจากทีมไปและไม่ว่าทีมไหนที่ได้ตัวไป นั้นจะเป็นฝันร้ายอย่างแน่นอน ซึ่งนี่อาจจะเป็นความคิดเห็นที่สุดโต่งไปหน่อยและไม่ใช่ทุกคนที่คิดแบบนั้นเช่นกันกับ เอียน ไรท์ อดีตตำนานกองหน้าของอาร์เซนอล ที่ออกแสดงความคิดเห็นไว้ว่า “ผมย้ายไปอาร์เซนอลตอนอายุ…
วันนี้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว (20 ธันวาคม 2562) มิเกล อาเตต้า ถูกแต่งตั้งเป็นเฮดโค้ชคนใหม่ หลังปลด อูไนเอเมรี่ การทำงานตลอด 5 ปี ภายใต้…
“ความคิดของผมเกี่ยวกับ กิว คือ บาร์เซโลนา ปล่อยเขามาได้อย่างไร?” โจ โคล อดีตมิดฟิลด์ของเชลซีกล่าว เชลซี ยังทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในเกมฟุตบอลสโมสรยุโรป หลังไล่ถล่ม แชมร็อค โรเวอร์ส 5-1 ในศึกยูฟ่า…
ควันหลงจากเกมคาราบาว คัพที่สเปอร์สเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปได้สุดมันส์ 4-3 โดยในเกมนี้มาเรื่องดราม่ามากมายหลายประเด็น ในทุกคนรู้หรือไม่ว่าในระหว่างเกมที่เดือดไฟลุกแบบนี้มีอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบๆสนามและนั้นก็ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณที่สำคัญนั้นคือก็ลูกโป่งสีเหลืองที่แฟนๆสเปอร์สร่วมกันชูขึ้น ว่าแต่ว่าลูกโป่งสีเหลืองคืออะไร พวกเขาส่งสัญญาณถึงใคร มาค่อยๆไล่เลียงกันไปครับ เกิดอะไรขึ้น? ย้อนกลับไปในวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมาเกิดการลักพาตัวประชาชนชาวอังกฤษขึ้นหลายคนไปฉนวนกาซา และหนึ่งในนั้นคือ Emily…